เปิดอ้า-ไร้กรอบเวลา พท.จวกยืด‘โรดแม็ป’ ตอกวิษณุกบในกะลา
“สุเทพ” นำทีม 12 แกนนำ กปปส.เปิดตัวมูลนิธิมวลมหา ปชช. เพื่อปฏิรูปประเทศ “ทิดเทือก” นั่งแป้นประธานคุมบังเหียนกดดันรัฐบาล คสช.ต้องปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ไร้กรอบเวลา พร้อมอาสาเป็นกระบอกเสียงตอบโต้ต่างชาติ ลั่นเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวโยง ปชป.-ไม่หวนเล่นการเมือง “กษิต” รับหน้าเสื่อช่วยงานด้านต่างประเทศ ก๊วน 40 อดีต ส.ว.เด้งรับ “ไพบูลย์” จ่อชงเข้า สปช. อ้างสางงานหลักให้ลุล่วง “เสรี” เชียร์วางกรอบ-เป้าหมายให้ชัดก่อน ด้าน “ดิเรก” ขวางลำยื้อเวลา ซัดยิ่งเพิ่มปัญหา พท.คาใจ “เทือก” ออกโรงฉลุย ดักคออย่าสร้างเงื่อนไขเขย่าโรดแม็ป นปช.ฉะลั่นกลองรบหวังล้มเลือกตั้ง กมธ.ตั้งแท่นทบทวนรอบสุดท้ายร่าง รธน.มั่นใจไม่อคติเสียงโหวตผ่านแน่ “ปึ้ง” ตอก “บิ๊กตู่” เด็กๆยิงมุกลืมชื่อ “ทักษิณ” ปึ้งเฉ่งวิษณุพวกกบในกะลากล่าวหานายใหญ่ให้ร้ายประเทศ
กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส.เดินหน้าเคลื่อนไหวทำงานการเมืองภาคประชาชนหลังจากลาสิกขาออกมา ล่าสุดได้เปิดตัว มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นทางการ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ผลักดันให้รัฐบาลนี้ต้องปฏิรูปประเทศให้เสร็จสิ้นก่อนจะมีการเลือกตั้ง โดยไม่มีกรอบระยะเวลา
“ทิดเทือก”เปิดตัวมูลนิธิมวลมหา ปชช.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล สี่แยกราชประสงค์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ อย่างเป็นทางการ มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนำโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ สังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พร้อมด้วย พ.ท.ภาสกร กุลวิวรรณ ผบ.ม.พัน. 1 พล.ม.2 นำนายทหารร่วม 10 นาย มาสังเกตการณ์และพร้อมบันทึกภาพเหตุการณ์ ก่อนหารือกับนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ โดย พ.อ.บุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการพูดคุยเพื่อตกลงขั้นตอนและการดำเนินงาน ยืนยันว่าการแถลงข่าวหากมีประเด็นที่ผิดไปจากระเบียบหรือมาตรฐานที่เคยปฏิบัติไว้ คือ มีประเด็นทางการเมือง จะดำเนินคดีทางกฎหมายทันที ทั้งนี้ภายในงานยังมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมอย่างคึกคัก อาทิ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีตรองหัวหน้าพรรค นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศและอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.
...
ขอเป็นศูนย์กลางดันปฏิรูปก่อน ลต.
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขานุการคณะกรรมการฯ กล่าวเปิดตัวมูลนิธิฯและคณะกรรมการว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะรับเป็นประธานมูลนิธิฯ นายถาวร เสนเนียม นายอิสสระ สมชัย นายวิทยา แก้วภราดรัย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นรองประธานมูลนิธิฯ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ นายชุมพล จุลใส นายสกลธี ภัทธิยกุล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ร่วมเป็นคณะกรรมการมูลนิธิฯ ตนเป็นเลขานุการมูลนิธิฯ และ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร เป็นผู้ช่วยเลขานุการฯ โดยมีวัตถุประสงค์การจัดตั้งมูลนิธิฯคือ 1. สนับสนุนการศึกษาวิจัย สัมมนา หรือการประชุม รวบรวมความรู้ ความคิดเห็น ในรูปแบบต่างๆเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม 2.ติดตามศึกษารวบรวม และวิเคราะห์รายงานข้อมูลและสถานะของประเทศเป็นระยะ 3. ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลอื่นๆ 4. ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความเป็นกลาง
ชวน ปชช.บริจาค–งดรับเงินต่างชาติ
นายสุเทพ กล่าวว่า สิ่งที่ตนในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิฯจะเริ่มงานต่อคือ ขอเชิญชวนประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวร่วมกันเป็นเจ้าของมูลนิธิฯที่รักชาติรักแผ่นดิน เมื่อครบ 1 ปี จะมีการจัดเลือกตั้งกรรมการมูลนิธิชุดใหม่ ระหว่างนี้จะฟังความคิดเห็นว่าจะดำเนินการมูลนิธิฯอย่างไร เรียกว่าเป็นมูลนิธิของมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของพวกตน การเป็นเจ้าของต้องมีใจ ทุกคนมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน จะบริจาค 300 หรือ 3 แสน หากจังหวัดไหนมีสมาชิกมากจะตั้งสาขา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานต่อไป ส่วนที่มาของเงินจากการบริจาคของคนไทยที่รักชาติ ไม่รับเงินจากต่างประเทศ ไม่มีเบื้องหลัง มูลนิธิฯปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน หากต้องมีการเคลื่อนไหว เช่น กรณีต่างประเทศชาติใด หรือองค์กรต่างๆ ไม่เข้าใจสภาพของประเทศไทยตัดสินใจใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เราจะส่งตัวแทนไปอธิบายกับรัฐบาล กับสภาและสื่อมวลชนของชาตินั้น โดยขอเชิญนายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว. ต่างประเทศมาเป็นฝ่ายการต่างประเทศของมูลนิธิฯ ทั้งนี้เราไม่ต้องการเป็นปฏิปักษ์กับใครทั้งสิ้น แต่เรารักประเทศของเรา
เลี่ยงอภิสิทธิ์ชนใช้สื่อแทนชุมนุม
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า มูลนิธิฯจะเป็นศูนย์รวบรวมข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปประเทศ จะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อีเมลเผยแพร่ข่าวสารแทนการชุมนุม เพราะไม่ต้องการเป็นอภิสิทธิ์ชนสร้างความวุ่นวายให้ คสช.ใครจะว่าไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ เราอยู่ในประเทศนี้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายประเทศนี้ เราไม่ต้องการให้ใครกล่าวหาว่า คสช.สองมาตรฐาน ขอย้ำว่าเราไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง ส่วนแนวทางการปฏิรูปประเทศจะยึดธรรมะของทุกศาสนาเป็นสรณะ นำร่องจัดตั้งวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ที่เกาะสมุยใน 1 ปี สอนวิชาชีพคู่คุณธรรม พร้อมจะทำวิทยาลัยแบบนี้กับศาสนาคริสต์และอิสลามต่อไป รวมถึงร่วมสร้างชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ที่เกาะพะลวย หนึ่งในหมู่เกาะอ่างทอง มีประชาชน 200 ครอบครัว มีการทำอาชีพหลากหลาย เราจะทำเกาะนี้ให้เป็นชุมชนต้นแบบตามหลักพอเพียง
ลั่น รบ.ต้องปฏิรูปให้เสร็จไม่จำกัดเวลา
จากนั้นนายสุเทพเปิดให้สื่อซักถามโดย กล่าวว่า หากถามเรื่องการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิ ขออนุญาตไม่ตอบเพราะผิดวัตถุประสงค์ เมื่อถามว่า หากการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ตรงกับแนวคิดของมูลนิธิฯ การเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะสืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ต้องการให้รัฐบาลนี้ปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ก่อนมีการเลือกตั้งโดยไม่จำกัดเวลา กมธ.ยกร่างฯ คงรู้ว่าประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างไร และหากเห็นว่า กมธ.ยกร่างฯ ผลักดันในแนวทางไม่ถูกต้อง เราจะทำหนังสือเสนอความเห็นไปยังท่าน เราจะไม่เดินขบวนไป เมื่อถามว่าหากต้องทำประชามติรัฐธรรมนูญ นายสุเทพกล่าวว่าต้องให้ประชาชนว่ากันเอง ส่วนการสมัครสมาชิกของมูลนิธิฯ สามารถสมัครได้ผ่านเฟซบุ๊ก ทั้งนี้การปฏิรูปการเมืองจะต้องปฏิรูปพรรคการเมืองก่อนเพื่อให้เป็นของประชาชน เราจึงทำเป็นตัวอย่างมีมูลนิธิฯของประชาชน ไม่ใช่ของครอบครัวจะแสดงให้เห็นว่า ทำได้จริง
ปัดวุ่นโยง ปชป.–ไม่หวนเล่นการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมกังวลว่ามูลนิธิฯจะเคลื่อนไหวทางการเมืองและอาจขัดแย้งอีก นายสุเทพกล่าวว่า เลิกกังวลได้ เราทำมูลนิธิฯเปิดเผยจะร่วมมือกับทุกองค์กรเพื่อประโยชน์ของคนไทย ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น เพียงแต่ต้องทำทุกอย่างให้ประเทศไทยตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ขอให้ติดตาม เมื่อถามถึงการขับเคลื่อนของมูลนิธิฯว่ายังเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ และตนไม่กลับไปเป็นนักการเมือง ไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ และต่อจากนี้แนวคิดของมูลนิธิฯ อาจไม่ตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ อย่าเคลือบแคลง แต่สมาชิก มูลนิธิฯจะชอบพรรคไหนก็เป็นสิทธิแต่ละคน
เมื่อถามย้ำว่า มองการบริหารงานของรัฐบาลเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า มวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และแม่น้ำหลายสายกำลังทำงานอยู่ ไม่ขอวิจารณ์ แต่หากมีความเห็นต่างจะยื่นหนังสือไป ที่ผ่านมา กปปส.ไม่เคยพูดเรื่องเวลา ไม่มีกรอบ คิดถึงผลสำเร็จเป็นสำคัญว่า ต้องปฏิรูปให้เสร็จเรียบร้อยก่อนเลือกตั้ง มิเช่นนั้นจะได้นักการเมือง แบบเก่าเข้ามาอีก
อุบไต๋สมาชิกคืนเวทีสู้ศึก ส.ส.
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวว่าขณะนี้กรรมการมูลนิธิฯ ที่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีเพียงคนเดียวคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่วนกรรมการฯ คนอื่น ที่อุปสมบทคือ นายวิทยา นายอิสสระ นายพุทธิพงษ์ และนายเอกนัฏ ถือว่าพ้นจากความเป็นสมาชิกภาพโดยอัตโนมัติตามข้อบังคับพรรค ขณะที่กรรมการมูลนิธิฯที่ไม่ได้บวชยังคงเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ดังนั้นทิศทางการเมืองของกรรมการแต่ละคนสามารถไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค การเมืองทุกพรรคที่สนใจ ยืนยันว่ามูลนิธิฯไม่ใช่กลุ่มการเมือง แม้ผู้ร่วมก่อตั้งจะมาจากอดีตนักการเมืองก็ตาม ส่วนการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้เป็นเรื่องอนาคตที่ยาวไกล
“กษิต” รับหน้าเสื่อช่วยงานด้าน ตปท.
นายกษิต ภิรมย์ เปิดเผยว่า นายสุเทพได้ทาบทามตนให้เข้าร่วมงานของมูลนิธิฯด้านการต่างประเทศ ที่ตอบตกลงเพราะขณะนี้เว้นว่างจากการทำงานการเมืองและบทบาทในพรรคประชาธิปัตย์มีไม่มากนัก ส่วนงานที่จะหารือคือ เหตุผลที่ต้องชี้แจงสาเหตุที่มูลนิธิฯต้องเข้ามาขับเคลื่อนการปฏิรูปเพราะถือเป็นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนกลุ่ม กปปส. เดิม รวมถึงปัญหาของไทยกับต่างประเทศ เช่น กรณีปัญหาค้ามนุษย์ เทียร์ 3 หรือรายงานของสหประชาชาติ
รัฐบาลจับตาบทบาทก๊วน กปปส.
วันเดียวกัน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยว่า ต้องดูต่อไปว่าเป็นการเคลื่อนไหวการเมืองเน้นผลประโยชน์ประเทศชาติ ผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ไม่เน้นการแข่งขันทางการเมือง หรือการเข้ามามีอำนาจทางการเมืองอย่างที่แถลงหรือไม่ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายข่าว ดูการเคลื่อนไหวทุกองค์กรอยู่แล้ว เมื่อถามว่า จะเป็นข้ออ้างให้กลุ่มการเมืองอีกฝ่ายออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ไม่ใช่ว่ารัฐบาลหรือ คสช.สนับสนุนให้อีกฝ่ายเคลื่อนไหวตอนนี้อีกฝ่ายไม่ต้องระบุชื่อ รวมถึงบางสถานีโทรทัศน์ก็เห็นอยู่แล้วว่าทำอะไรกันบ้าง พูดกันทุกวัน เขาก็เป็นการเมือง ภาคประชาชนเหมือนกัน รัฐบาลเปิดโอกาสให้อยู่แล้ว หากไม่เกินขอบเขต ไม่ทำให้บ้านเมือง สับสนวุ่นวาย ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่ยุยงสร้างความเข้าใจที่ผิดๆ อยากให้ดูว่าเรากำลังเผชิญอะไรอยู่แล้วช่วยทำให้ชาติเข้มแข็ง มากกว่ามาวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง
สมช.อ้างเคลื่อนไหวปกติไม่มีอะไร
นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวกลุ่ม กปปส.ที่ผ่านในรูปแบบมูลนิธิ สมช.ก็จับตาดูอยู่ ไม่มีอะไร น่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกฝ่ายก็มีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว เรื่องการปฏิรูปหรือรัฐธรรมนูญ นายกฯผลักดัน ทุกคนพยายามทำให้เกิดขึ้นให้ได้ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง สำคัญคือรู้กันหรือเปล่ารัฐบาลชุดนี้เข้ามาและอยู่เพื่ออะไร รู้กันไหมว่าหลังรัฐบาลชุดนี้ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่คิดจะช่วยกันประคับ–ประคอง ดีแต่หาทางทำร้ายกันไป สร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับการทำงานรัฐบาล บ้านเมืองได้ประโยชน์อะไรจากความขัดแย้ง ช่วยกันปรามๆจะดีกว่า แล้วช่วยกันผลักดันให้บ้านเมืองเดินกันใหม่ ถ้าจะกลับไปอยู่อย่างเก่า ปัญหาเดิมๆ อย่างปัญหาค้ามนุษย์ที่สหรัฐฯ คงอันดับไทยอยู่ที่เทียร์ 3 อาจไปอยู่เทียร์ 4 ก็ได้ เพราะพวกเราทำกันเอง
เชื่อนายกฯไม่สนอง กปปส.ฮือทวงสัญญา
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า นายสุเทพแถลงการดำเนินงานของมูลนิธิมวลมหาประชาชนนั้น เชื่อว่าจะทำให้มีการปลุกรุกครั้งใหญ่ให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะถ้าการปฏิรูปยังไม่ไปไหนจะผิดวัตถุ ประสงค์ที่มวลมหาประชาชนคงไม่ยอม เพราะสิ่งที่เรียกร้องมาตลอดคือการให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยังไม่ดำเนินการก่อนการเลือกตั้ง เชื่อมวลมหาประชาชนจะลุกขึ้นมาทวงคำตอบเรื่องนี้ จะเป็นประเด็นหนึ่งที่อาจเป็นปัญหาต่อประเทศได้ เพราะการปฏิรูปที่ คสช.ดำเนินการอยู่ขณะนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการปฏิรูป แต่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยังไม่มีการวางรากฐานการปฏิรูป คนที่จะทำได้คือ คสช.และควรทำให้เกิดก่อนการเลือกตั้ง
รธน.ผ่านสปช. “บิ๊กตู่” ไร้ราคาทันที
นายวันชัยกล่าวว่า ประเด็นที่ คสช.ต้องผลักดันปฏิรูปให้สำเร็จก่อนเลือกตั้งมี 5 ประเด็นคือ 1.การปฏิรูปการเลือกตั้งไม่ให้มีการทุจริตซื้อขายเสียง 2.การปฏิรูปการใช้อำนาจรัฐ ไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน 3.การปฏิรูปตำรวจ 4.การปฏิรูปการบริหารส่วนท้องถิ่น 5.การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องเหล่านี้ คสช.ยังไม่ได้ดำเนินการ ขณะที่แนวทางปฏิรูปที่ สปช.ดำเนินการอยู่ เป็นแค่การเตรียมการ ยังไม่ถือเป็นการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หากปล่อยให้มีการเลือกตั้ง โดยยังไม่มีการปฏิรูป ทุกอย่างจะกลับไปสู่วังวนเดิม การเมืองจะเหลวแหลกอีก และการทำรัฐประหารจะกลับมาอีก ที่ผ่านมาการทำรัฐประหารของ คสช. เหตุผลส่วนหนึ่งคือ อยากให้มีการปฏิรูปประเทศ แต่ถ้า คสช.ยังไม่ทำถือว่า ผิดคำสัญญา แสดงว่าการรัฐประหารที่ผ่านมาล้มเหลว เสียของ ไม่ต่างจากการทำรัฐประหารที่ผ่านๆมา หากยังไม่มีการปฏิรูปประเทศ พล.อ.ประยุทธ์จะหมดราคาทันทีที่ สปช.โหวตผ่านร่างรัฐธรรมนูญ กระแสสังคมจะพุ่งไปที่การเลือกตั้ง ข้าราชการจะเกียร์ว่างรอรัฐบาลใหม่ เสียงของ พล.อ.ประยุทธ์หลังจากนี้จะไร้น้ำหนัก