บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์คาดการณ์ทิศทางและกลยุทธ์การลงทุนเดือน ส.ค.ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหลักๆยังคงเป็นเรื่องของจีดีพี และผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้น
นอกจากนี้ราคาน้ำมันและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นตัวแปรที่เกี่ยวเนื่องกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นได้ทั้งบวกและลบต่อตลาดหุ้นไทย โดยหากปรับขึ้นดอกเบี้ยช้าก็ถือเป็นบวกต่อตลาด ซึ่งล่าสุด การประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไป ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ส่วนการเมืองเรื่องการปรับ ครม.จะมีผลโดยตรงต่อการเดินหน้าโครงการรถไฟหรือรถไฟฟ้า รวมทั้งโครงการภาครัฐอื่นๆที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นในเดือนนี้
ทั้งนี้ ประเมินว่า ตลาดได้มีการซึมซับรับข่าวในเชิงลบไปค่อนข้างมากแล้ว ทั้งจีดีพีที่จะต่ำกว่า 3% และผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ จากที่คาดว่าจะโต 19-20% ก็จะลดลงเหลือโต 12-14% โดยน่าจะเห็นจุดต่ำสุดของดัชนีหุ้นไทยในช่วงปลายเดือน ก.ค.จนถึง ส.ค.นี้
จึงมองว่า เป็นจังหวะที่จะเข้าซื้อหุ้นที่ราคาลงมามาก แต่เป็นหุ้นที่มีศักยภาพดี คือสามารถกลับมาทำกำไรได้ในยามที่ภาวะเศรษฐกิจพลิกเปลี่ยนจากลบไปเป็นบวก เช่น กลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น รวมทั้งหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดี ซึ่งนักวิเคราะห์ได้เริ่มทำประมาณการกำไรไตรมาส 2 ไปบ้างแล้ว
โดยปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุน คือจีดีพีและกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเดือน ส.ค.เชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจหรือจีดีพีและกำไรบริษัทจดทะเบียน ซึ่งมีความสัมพันธ์กันจะยังถูกพูดถึงมากที่สุด ล่าสุด สศค.ได้ปรับลดจีดีพี ปี 58 จาก 3.7% เหลือ 3% ซึ่งมีความเป็นไปได้ภายใน 2 เดือนข้างหน้า หน่วยงานรัฐ อาจมีการปรับจีดีพี ปี 58 อีกครั้ง หากตัวเลขส่งออกหรือการใช้จ่ายภาครัฐชะลอตัว มากกว่าที่คาด แต่นักวิเคราะห์ได้ให้สมมติฐานของจีดีพีโตต่ำกว่า 3% กันไปแล้ว
โดยจีดีพีที่ลดลง ราคาน้ำมันที่ผันผวนและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ได้สะท้อนไปที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ถูกปรับลดลงเหลือ 12-14% โดยค่า พี/อีที่ใช้กำไรปี 58 หรือ Forward P/E อยู่ที่ 16.7 เท่า เทียบกับ พี/อี ปัจจุบัน ที่ 18.7 เท่า มี discount ราว 10% จากค่าเฉลี่ย 3 ปี ที่เกือบ 20%
จึงมีโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนตัวลงจากระดับปัจจุบันได้อีก แต่เชื่อว่าคงไม่มากนักเนื่องจากการคาดหวังในเรื่องกำไรของปีหน้าที่จะขยายตัว หลังภาครัฐมีการอนุมัติโครงการลงทุน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกของตลาดในช่วงต่อไป!!
อินเด็กซ์ 51