เห็นข่าวศาลอุทธรณ์ลงทัณฑ์สถานหนักอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจถึง 6 นาย แบ่งเป็นตัดสินประหารชีวิต 2 นาย จำคุกตลอดชีวิต 1 นาย จำคุก 50 ปี 1 นาย และจำคุก 5 ปี อีก 2 นาย ทำให้ต้องรีบติดตามว่า ต้นสายปลายเหตุมาจากอะไร?

ถึงรู้ว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ค.47 จำเลยที่ 1-6 ประกอบด้วย ด.ต.อังคาร คำมูลนา ด.ต.สุดธินันท์ โนนทิง ด.ต.พรรณศิลป์ อุปนันท์ พ.ต.ท.สำเภา อินดี อดีต สวป.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พ.ต.อ.มนตรี ศรีบุญลือ อดีต ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และ พ.ต.ท.สุมิตร นันท์สถิต อดีตรอง ผกก.สส.สภ.เมืองกาฬสินธุ์

เบิกตัวนายเกียรติศักดิ์ ถิตย์บุญครอง อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาลักรถจักรยานยนต์ออกจากห้องขังแล้วพาหายไป ต่อมาพบกลายเป็นศพถูกแขวนคอที่กระท่อมปลายนาบ้านบึงโดน หมู่ 5 ต.แสนชาติ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด

เรียกว่า ศพไปโผล่ข้ามจังหวัด ทั้งๆที่ก่อนหายตัวไปเหยื่อเพิ่งติดต่อญาติให้มารับที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพราะศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่พอญาติไปถึงกลับไม่พบ ทั้งที่บ้านอยู่ห่างโรงพักเพียง 700 เมตร

เป็นใครก็ต้องสงสัย พ่อเหยื่อจึงเริ่มโวยวายเรื่องลูกที่ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังโรงพักแท้ๆ อยู่ดีๆตำรวจทำหายแล้วกลายเป็นศพ ส่วนตำรวจก็เริ่มบ่ายเบี่ยงโยนกันไป โยนกันมา!

ญาติเหยื่อจึงมุ่งหน้าเข้าร้องเรียน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยมี พ.อ.ปิยะวัฒน์ กิ่งเกตุ ผบ.สำนักคดีอาญา ขณะนั้นเป็นหัวหน้าชุด

หลังเข้าสืบสวนสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1-3 และจำเลยที่ 6 ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันฆ่านายเกียรติศักดิ์ด้วยการบีบคอจนขาดอากาศหายใจ จากนั้นจำเลยทั้ง 6 ช่วยกันปิดบังเหตุที่เกิด ด้วยการย้ายศพไปแขวนคอไว้ในกระท่อมเพื่ออำพรางคดี และยังช่วยกันข่มขู่พยานเพื่อให้การเท็จว่า เห็นผู้ตายที่ตลาดโต้รุ่งในวันที่หายตัวไป ทำให้เชื่อว่าพวกจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

...

แต่คำโกหกทั้งหมดไม่ได้ทำให้ตำรวจทั้ง 6 นาย รอดอาญาแผ่นดิน!

อยากจะชี้ให้เห็นว่า ในกระบวนการยุติธรรมของไทยปัจจุบัน มีการถ่วงดุลอำนาจกันอย่างชัดเจน เช่นคดีนี้ ถ้าไม่มีหน่วยงานอย่างดีเอสไอ มีแค่เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยงานเดียว

เหยื่อคดีนี้ คงต้องตายฟรีอย่างแน่นอน?

สหบาท