ถ้าท่านดูเปิดฟ้าส่องโลกย้อนหลัง ก็จะพบว่า มีการเขียนไว้หลายครั้งว่า ความพยายามทั้งหลายทั้งปวงที่ทั้งรัฐบาลไทยทำเพื่อให้ พ้นจากการถูกจัดอยู่ในเทียร์ 3 ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์นั้น จะต้องทำก่อน 31 มีนาคม 2558 เพราะการตัดสินว่าประเทศไหนจะอยู่ในเทียร์ใด จะนำผลการปฏิบัติระหว่าง 1 เมษายน จนถึง 31 มีนาคม มาใช้พิจารณา เราพยายามแก้ไขกฎหมาย จนประสบความสำเร็จในการมี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 เมื่อ 28 เมษายน 2558 ซึ่งผมเคยเรียนแล้วนะครับ ว่ากฎหมาย ใหม่ของเรามาช้าไป 28 วัน ช้าจนไม่ได้รับการนำเข้าไปพิจารณา
ต่อไปนี้ เราต้องนำอนุสัญญา ข้อตกลง พิธีสาร และปฏิญญา มาคุยทางสื่อสารมวลชนประเภทต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้สังคมไทยคุ้นกับกฎกติกาสากล โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐควรจะได้รับการสัมมนา อบรมด้านกฎหมายระหว่างประเทศกันบ่อยมากขึ้น
แค่การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เพียงเรื่องเดียว เราก็ต้องให้คนของเรารู้ถึง อนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร พิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญาฉบับที่ 182 ว่าด้วยการห้ามและการดำเนินงานโดยทันที เพื่อขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ พิธีสารเลือกรับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเรื่องการค้าเด็ก การค้าประเวณี และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก ฯลฯ
อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผมเคยเขียนรับใช้ไปนานแล้วก็คือ เราต้องจัดระเบียบบริษัทตัวแทนจัดหาแรงงานต่างด้าวที่เราเรียกว่าโบรกเกอร์เสียใหม่ ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากพวกโบรกเกอร์ผี พวกนี้ชอบแอบอ้างรายชื่อโรงงานขนาดใหญ่หลอกแรงงานต่างชาติมาสมัคร เราจึงควรจะขึ้นทะเบียนโบรกเกอร์ซะใหม่ ให้มีเงินประกันรับรอง แล้วก็รัฐบาลนี่แหละครับ ควรกำหนดค่าใช้จ่ายนายหน้าในอัตราที่เหมาะสมทั้งฝ่ายโบรกเกอร์ในประเทศและต่างประเทศ
...
การพิจารณาว่าประเทศไหนจะได้รับการจัดลำดับอยู่ในเทียร์ ใด ขึ้นอยู่กับ 5Ps ก็คือ การจับกุม ดำเนินคดี และลงโทษผู้กระทำผิด การคุ้มครองผู้ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ การป้องกันปัญหา การขับเคลื่อนกลไก การดำเนินงานระหว่างส่วนราชการ และความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
การโดนจัดลำดับให้อยู่ในเทียร์ 3 ถึง 2 ปีติดต่อกันของไทย ในแง่เสียมีเยอะ ซึ่งในสองสามวันนี้ ผู้อ่านท่านก็คงจะได้รับข่าวสารจากสื่อต่างๆ กันมามากแล้ว ทว่าในเสียมีดี ในดีมีเสีย เราน่าจะถือ โอกาสนี้กวาดล้างใหญ่ให้การค้ามนุษย์หมดไปจากประเทศ และก็ตั้งเป้ากันใหม่ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นก็คือ ในปีหน้าเราต้องพ้นเทียร์ 3 ระยะยาวก็คือเราจะต้องทำประเทศของเราให้เข้า ไปอยู่ในเทียร์ 1 เหมือนอาร์เมเนีย ออสเตรเลีย เยอรมนี เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน สหราชอาณาจักร ฯลฯ ให้ได้
คนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอย่าออกมาพูดจาต่อต้านตะวันตกเลยครับ เรื่องอย่างนี้ปล่อยให้ไอ้ปื๊ดอีเปี๊ยกลูกเจ้น้องก้นซอยสองทำจะดูสวยกว่า เพราะถึงท่านจะตะโกนจนคอแตก เราก็ไม่ได้อะไร รังแต่จะสร้างความเกลียดชังระหว่างคนตะวันตกกับคนไทยมากขึ้น พวกตะวันตกซึ่งเป็นผู้บริโภคโลกรายใหญ่ไม่ต้องง้อเรา แต่เราต้องง้อ ผู้บริโภคโลก ที่เรามีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินมาจากการส่งออกเป็นสัดส่วนมากถึง 72%
ผมว่าท่านเอาเวลาไปหาทางขยับภาพลักษณ์ของสินค้าไทยให้ดีขึ้นดีกว่า ผู้บริโภคโลกทุกวันนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและการค้ามนุษย์ ห้างร้านต่างๆ ไม่กล้านำสินค้าจากประเทศที่อยู่ในเทียร์ 3 ไปขายดอกครับ เพราะเสี่ยงต่อการถูกโจมตีต่อต้าน
การ ‘ตกเกรด’ หลายอย่างทำให้เราเสี่ยงต่อการโดนมาตรการบังคับในอนาคต อย่างที่อิหร่านและเกาหลีเหนือโดนมาแล้ว ทั้งมาตรการ บังคับที่ถูกและผิดกฎหมาย ซึ่งมีตั้งแต่ระงับความสัมพันธ์ทางการทูต คว่ำบาตรสินค้า ห้ามสินค้าผ่านแดน ห้ามส่งออกสินค้า ตัดสิทธิพิเศษทางการค้า แสดงแสนยานุภาพทางทหาร ตัดเส้นทางคมนาคม และปิด ทางด่วน แทรกแซงด้วยกำลังทหาร กักเรือและสินค้า ยึดทรัพย์สิน ฯลฯ
ผมเขียนคอลัมน์วันนี้ด้วยความเป็นห่วงจริงๆ ครับ ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ของไทยพาพวกเราเดินออกนอกเส้นทาง จนตกเหว
ผู้นำเมียนมาเคยพาคนของตนลงเหวอย่างนี้
ตกเหวตั้ง 50 ปีแล้ว ยังขึ้นมาไม่ได้เลยครับ.