วันก่อน บนเครื่องบิน
ผมนำกระเป๋าโน้ตบุ๊กวางไว้ข้างใต้ที่นั่งตัวเองตามปกติ จากนั้นก็ปล่อยตัวให้สุนทรีย์ไปกับหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มา ผมมักจะวางของใต้ที่นั่งตัวเองแบบนี้เสมอ มันสะดวกดี
แต่แล้ววันนี้กลับมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
“น้องครับ”
ใครบางคนสะกิดผมจากด้านหลัง ผมเหลียวมองไป พบชายคนหนึ่ง
“ว่าไงครับพี่?”
“น้องช่วยย้ายของไปไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าได้ไหมครับ?”
“อะไรนะครับ?” ผมคิดว่าตัวเองต้องหูฝาดไปแน่ๆ ที่ได้ยินคำขอร้องแบบนั้น
อ้าว ก็นี่มันที่นั่งผม ผมก็ต้องเก็บสัมภาระไว้ใต้ที่นั่งตัวเองซิ จะยัดไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าที่เป็นของคนอื่นได้ยังไง
พี่คนนี้ท่าจะประสาท
“รบกวนย้ายของไปใต้ที่นั่งด้านหน้าน้องดีกว่านะครับ พี่เหยียดขาไม่ได้”

ชายคนนั้นไม่พูดเปล่า แต่จงใจสอดรองเท้ามาชนกระเป๋าโน้ตบุ๊กผม
เฮ้ย ทำอย่างนี้มันจะกากเกินไปละนะ!
บังเกิดภาพสงครามล้านแปดฉากในหัวผม ผมเห็นภาพตัวเองตะโกนใส่เขาว่า “พี่ น้อยๆ หน่อย นี่ของมีค่าผมนะ” ใช่ ถ้าทำอย่างนั้นมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ คนจะมองกัน ไอ้พี่คนนี้จะได้อายม้วนเสื่อกลับบ้าน แต่ใจเย็นไว้ก่อน เราคนของประชาชนอย่าเพิ่งกระโตกกระตาก ถ้าคิดจะเรียกร้องความยุติ ต้องคุมตัวเองให้อยู่ ต้องแผนสูงเข้าไว้ดร.ป๊อบ

“โอเคครับผม” ผมย้ายของอย่างไม่เต็มใจแล้วยัดใส่ใต้ที่นั่งด้านหน้าตัวเอง จากนั้นตั้งสติ หยิบคู่มือผู้โดยสารขึ้นมา กาง คอยดูนะผมจะหาข้อมูลการวางสัมภาระไปตะบันใส่หน้าไอ้พี่คนนี้ให้ได้ ผมพลิกไปๆ
อ้าว เฮ้ยไม่เจอว่ะ

ไม่มีข้อมูลลายลักษณ์อักษรบอกผมเลยว่าเราสามารถเก็บของใต้ที่นั่งของเราได้
ฮึ เอาเถอะ ไม่เป็นไร ผมมีแหล่งข้อมูลเจ๋งๆ ที่จะน็อกไอ้หมอได้อย่างไม่คาดฝันอยู่ใกล้ๆ นี่แล้ว - แกเสร็จฉันแน่

“เฮ้ ขออภัยนะครับ” ผมโบกมือเรียกแอร์โฮสเตส
“คะ” เธอขานรับ
ผมโน้มตัวไปกระซิบถามเธอว่า “ผมอยากจะทราบว่าการเก็บสัมภาระไว้ใต้ที่นั่งนี่คือต้องเก็บยังไงครับ ใต้ที่นั่งเรา หรือ ใต้ที่นั่งด้านหน้าเราครับ”

...

'คุณมันกาก'


ผมวางมาดสุภาพ แต่แอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ฮึ คอยดูเหอะ เธอจะตอบเสียงหวานว่า ‘ผู้โดยสารต้องเก็บไว้ใต้ที่นั่งตัวเองนะคะ ไม่ใช่ใต้ที่นั่งด้านหน้า’ แล้วผมก็จะกล่าวขอบคุณเธออย่างมีมารยาท จะย้ายของกลับมาใต้ที่นั่งตัวเอง อาจจะจงใจวางทับขาหมอนั่นเล็กน้อย พอเขาสะดุ้ง ผมก็จะบอกว่า “เฮ้ ขอโทษนะครับ คือแอร์โฮสเตสบอกว่าผมมีสิทธิวางของไว้ใต้ที่นั่งตัวเองน่ะ คุณคงต้องหลบเท้าของคุณไปไว้ที่อื่น เสียใจด้วย” คงต้องมีการยักไหล่อย่างมีชัยเล็กๆ เกิดขึ้น แล้วผมก็จะเอาเรื่องนี้ไปเขียนสเตตัสแสดงความสะใจที่ได้ผดุงความยุติธรรมบนเฟซบุ๊ก - ฮึ ช่วงเวลาการตามล่าคนร้ายอันหอมหวานมาถึงแล้ว!
“อ๋อ ผู้โดยสารต้องวางสัมภาระไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าค่ะ”
เห็นไหมล่ะ!! “ขอบคุณครับ” ผมยิ้มแฉ่ง – เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ “อะไรนะครับ?” ผมถามทวนอีกครั้ง
“ผู้โดยสารต้องวางสัมภาระไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าค่ะ” เธอผายมือไปวางกระเป๋าโน้ตบุ๊กผมที่อยู่ใต้ที่นั่งคนอื่น “คุณทำถูกแล้ว” เธอโปรยยิ้มนางฟ้าให้ผมแทนคำชื่นชม จากนั้นก็เดินจากไป ผมช็อก อึ้ง ไม่ขยับไปหลายวิ
อะไรกัน นี่ผมทำผิดมาตลอดเลยหรือ? ผมแน่ใจว่าตัวเองทำถูกมาตลอดใช่ไหม?
แล้วผมยังถือดีจะต่อว่าคนที่ทำถูกต้องด้วยใช่ไหม?
นาทีต่อมา ผมก็รู้สึกว่าตัวเล็กลีบ หมดความมั่นใจ หน้าเจื่อน ละอายแก่ใจ แทบจะได้ยินเสียงปิศาจหัวเราะสมน้ำหน้าในหัว
กี่ครั้งแล้วล่ะ ที่เราคิดว่าตัวเองถูกแต่จริงๆ เราผิด
กี่ครั้งแล้วล่ะ ที่เราตั้งป้อมจะโจมตีอีกฝ่ายทั้งที่เขาไม่ใช่ศัตรู
กี่ครั้งแล้วล่ะ ที่เราสวมบทตำรวจจับผู้ร้าย ทั้งที่เรานั่นแหละคือผู้ร้ายเสียเอง
กี่ครั้งแล้วล่ะ ที่เราตราหน้าคนอื่นว่ากากทั้งที่ไอ้กากนั่นคือตัวเราเอง

กี่ครั้งแล้ว…

Facebook : DR.POP