เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่งโผล่ขึ้นที่หน้าหนังสือพิมพ์ โดยเป็นข่าวเด็กชายวัย 9 ขวบ เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในรูเสาเข็ม ขนาดความกว้างประมาณ 20 นิ้ว และลึกประมาณ 3 เมตร แต่ดวงของเด็กคนนี้ยังดีที่กู้ภัยศรีราชา สามารถช่วยชีวิตเด็กคนนี้ไว้ได้
เมื่อได้อ่านข่าวนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ นึกถึงเรื่องราวโศกนาฏกรรมในอดีต เพราะมีหนูน้อยวัย 16 เดือน คือ "สร้อยเพชร บุญน้อย" เด็กหญิงเคราะห์ร้ายที่ประสบชะตากรรมอย่างเดียวกับเด็กชายวัย 9 ขวบ แต่คราวนี้ หนูน้อยสร้อยเพชรมีบุญน้อยจริงๆ ที่ต้องจบชีวิตลงภายในรูเสาเข็มที่มีความกว้างเพียง 20 ซม. ณ ไซต์งานก่อสร้าง รพ.ทหารผ่านศึก ที่ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดี ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาถึง 5 วัน กว่าจะกู้ร่างของหนูน้อยขึ้นมาได้
ย้อนโศกนาฏกรรม ด.ญ.สร้อยเพชร บุญน้อย
วันอาทิตย์ หลายคนถือว่าวันนี้เป็น "วันครอบครัว" แต่สำหรับ "สมภาร บุญน้อย" เช้าวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2528 กลับผจญชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ในฐานะแม่เธอทำได้เพียงร้องไห้ เพราะไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาววัย 16 เดือนได้ ได้แต่รอเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือเท่านั้น
...
สมภาร หญิงสาวที่จำต้องมาขายแรงงาน ที่ไซต์งานก่อสร้าง รพ.ทหารผ่านศึก ที่ตั้งริมถนนวิภาวดี ในช่วงเช้าวันนั้น เธอได้ฝากลูกสาววัยเตาะแตะไว้กับป้าให้ช่วยดูแลตรงที่พักใกล้ไซต์งานก่อสร้างก่อนที่เธอจะไปจ่ายตลาด ระหว่างนั้น เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น "สร้อยเพชร" หนูน้อยได้หายไป ป้าของเธอระดมคนช่วยกันตามหากระทั่งได้ยินเสียงร้องไห้แว่วมาจากรูเล็กๆ ที่เป็นเสาเข็ม กว้าง 20 ซม. แต่ลึกถึง 24 เมตร เมื่อเอาไฟฉายส่องดูก็เห็นร่างเด็กเลือนราง จึงมั่นใจได้แล้วว่าเด็กพลัดตกลงไป
"เพชร เพชร เพชรได้ยินแม่มั้ย" สมภาร พยายามเรียกลูกสาว ใครที่ได้เห็นเธอ ณ ตอนนั้นต่างรู้สึกเวทนากับภาพตรงหน้า สมภารร้องไห้คร่ำครวญอยู่ที่ปากหลุม หลังจากทราบข่าว ปากก็ร้องเรียกชื่อลูก ซึ่งสร้อยเพชร ก็ร้องไห้ได้ยินเสียงแว่วๆ ขึ้นมา...
เบื้องต้น ทีมช่วยเหลือได้หย่อนสายออกซิเจน ลงไปในหลุม เพื่ออย่างน้อยจะได้มีอากาศหายใจ ต่อมา พล.ต.ต.ศักดิ์ระพี ปรักกะมะกุล ผู้ช่วย ผบช.น. ได้ไปอำนวยความช่วยเหลือ ซึ่งวิธีแรกที่ใช้คือ ผูกกับตะขอเหล็กหย่อนไปในรูเสาเข็ม ตรวจสอบความลึกจนกระทั่งหย่อนไปสิ้นสุดระยะ 14 เมตร และทันทีนั้นเสียงเด็กก็ร้องแว่วขึ้นมา แสดงว่ายังมีชีวิต สปอตไลต์ถูกฉายลงไป แต่ยังมองไม่เห็น ความหวังการช่วยชีวิตยังมีอยู่...?
แต่เพราะหนูน้อยสร้อยเพชร ยังเป็นเพียงเด็กขวบเศษ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ วิธีแรกจึงไม่ได้ผล จึงได้มีการคิดวิธีที่สองขึ้น คือ การดึงเสาเข็มท่อนแรก ยาว 12 เมตรขึ้น แนวคิดนี้ ทีมช่วยเหลือก็เกิดเสียงแตก เพราะเกรงอันตรายจากการใช้เครื่องมือ ทำให้เด็กเสียชีวิต แต่สุดท้ายก็เลือกใช้วิธีนี้...!?!
3 ชั่วโมงผ่านไป จาก 8 โมงเช้าเข้าสู่เวลา 11 โมง รถตักดินทำงาน ขุดดินรอบเสาเข็มออกได้ 3 เมตร ระหว่างที่ทำงานก็มีทีมพยาบาลคอยสลับสับเปลี่ยนสายออกซิเจน เสียงรถตักดินดังสนั่น เหล่าไทยมุงกว่า 500 คน ก็ร่วมใจเชียร์อยู่รอบข้าง
ตอนนี้ สมภาร แม่ของหนูน้อยทำได้แค่ไปที่ศาลพระภูมิเจ้าที่ หน้า รพ.ทหารผ่านศึก ยกมือไหว้บนบาน ก่อนจะเดินด้วยท่าทีอ่อนละโหยมารออยู่ที่มุมหนึ่งของรถตักดิน ขณะที่รถตักดินทำงาน เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่า "ไทยมุง" ก็สนั่น "หนูน้อยไม่น่ารอด เพราะภายในหลุมลึก คับแคบ และอากาศร้อน" บ้างก็บอกว่า "เด็กคว้าเชือก ยังมีปฏิกิริยาอยู่" นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามนามสกุล "บุญน้อย" เสียงไทยมุงก็บอกว่า หากรอดได้ควรเปลี่ยนเป็น "บุญมาก" ระหว่างนั้นเอง เชือกที่หย่อนไว้ในก้นหลุมเกิดตึงมือ เจ้าหน้าที่พยายามค่อยๆ ดึงขึ้นมา เมื่อดึงขึ้นมาได้ 5 เมตร แล้วก็เบาหวิวไป ความหวังก็ริบหรี่ลงไปอีก
...
ดินรอบเสาเข็มถล่ม สิ้นหวังช่วยชีวิต
เที่ยงครึ่ง...รถตักดินหยุดทำงานชั่วคราว เพราะรถทำท่าจะไหลลื่นลงไปในหลุม ซึ่งต้องหาท่อนไม้ใหญ่มาวางขอบหลุม เวลาผ่านไปจนถึงบ่าย รวมระยะเวลา 5 ชม. เจ้าหน้าที่ได้รับสัญญาณความหวังอีกครั้ง เมื่อเด็กกระตุกเชือก เจ้าหน้าที่ตะโกนลงไป พยายามสอนให้เด็กโยงตัวเองกับเชือก แต่ก็สิ้นหวัง เพราะเด็กวัย 16 เดือน ยังไร้เดียงสาเกินไป
บ่ายโมงครึ่ง...รถตักดินลงลึกเกือบจะถึงรอยต่อเสา ระยะ 12 เมตรแล้ว แต่เสาเกิดเอียง ดินโคลนไหลทะลักลงไปในรู แต่หนูน้อยสร้อยเพชร ก็ยังดึงเชือกอยู่ แค่อึดใจต่อมา วินาทีแห่งความสิ้นหวังก็เดินทางมาถึง ดินขอบรอบเสาเข็มพังถล่ม โคลน น้ำไหลลงรูเสาเข็มมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้ "วิธีสุดท้าย" คือการใช้รถปั้นจั่นโยงสลิงขึ้นมาในลักษณะ "ถอน" แต่ไม่สามารถเขยื้อนเสาเข็มขนาดรอบนอก 50 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางรู 20 ซม. ความยาว 12 เมตรได้ แต่กลับต้องเจอสิ่งเลวร้ายกว่า คือ เสาเข็มหักกลางต้น ดินโคลน น้ำ ไหลพรูลงรูไปอีก
พล.ต.ต.ศักดิ์ระพี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวด้วยหน้าเคร่งเครียด หวังปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นกับหนูน้อย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งนมลงไป คราวนี้ไม่มีเสียงตอบ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังคงใช้วิธีเดิม คือ ใช้รถปั้นจั่นถอนเสาขึ้น แต่คราวนี้เปลี่ยนรถปั้นจั่นแรงฉุด 40 เป็น 80 ตัน แต่ก็ดึงขึ้นได้ทีละน้อย ไทยมุงจำนวนมากเห็นความคืบหน้าก็มีเสียงเฮ แต่สมภาร แม่ของเด็กน้อยมีอาการสลดหดหู่เหมือนไร้ชีวิต คล้ายจะรู้สึกว่า "สร้อยเพชร" ลูกของเธอได้จากไปแล้ว
...
พ่อแม่เสียใจ 'ไม่มีอะไรแทนค่าชีวิตลูกได้'
10 ชั่วโมงผ่านไป เสาเข็มท่อนแรกที่หักกลาง ถูกถอนขึ้นจากดิน จากการตรวจรูไม่พบร่างของเด็กน้อย ขณะเดียวกัน นพ.วงศ์เมือง หงสกุล ผอ.รพ.ทหารผ่านศึก ได้หารือกับทีมเจ้าหน้าที่ พร้อมกับสั่งเดินหน้าขุดต่อ แม้เด็กจะเสียชีวิตแล้วก็ต้องนำศพขึ้นมาให้ได้
ขณะที่ นายบุญ และนางสมภาร พ่อและแม่ของ สร้อยเพชร นั่งละห้อยละเหี่ยอยู่หน้าบ้านพัก ไม่มีน้ำตาบนร่องแก้มอีกต่อไป ในอก ยังกอดลูกชายวัย 3 ขวบ ซึ่งเป็นพี่ชายของสร้อยเพชรไว้ ทั้งสองบอกกับผู้สื่อข่าวว่า "ไม่มีอะไรแทนค่าชีวิตลูกได้ เมื่อเขาจากไปไม่มีวันกลับ ก็จะไม่ขอเรียกร้องอะไรจากใคร" ด้านทางตำรวจก็สรุปสาเหตุฉับพลันทันทีว่าเป็น "อุบัติเหตุ"
สี่ทุ่ม...พ.ต.อ.เอนก ว่องวานิช ผู้กำกับ 5 ตำรวจดับเพลิง แถลงว่าจะหยุดการขุดก่อน เพื่อจะต้องหาแผ่นเหล็กมากั้นป้องกันดินถล่ม และตอนนี้เอง นายศิริชัย ลีนะบรรจง ซึ่งเพิ่งเปิดเผยตำแหน่งที่แท้จริงว่าเป็นวิศวกรโครงการ ออกมาเผยว่า ค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายในการขุดไปแล้วกว่า 1 แสนบาท แต่ไม่ว่าจะต้องเสียเงินเท่าใดก็จะต้องนำร่างของหนูน้อยขึ้นมาให้ได้
4 วันไร้แววกู้ศพ หันพึ่งไสยศาสตร์
เรื่องดังกล่าวกลายเป็นข่าวใหญ่ นายพิชัย รัตตกุล รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปดูที่เกิดเหตุเอง และรับปากว่าจะให้การช่วยเหลือ นอกจากนี้ ยังควักเงินส่วนตัวช่วยเหลือครอบครัว "บุญน้อย" 1 พันบาท ส่วนปัญหาที่พบในการค้นหา คือ ต้องเร่งหาแผ่นเหล็กเพื่อมาใช้ตอกกันดินถล่ม ทำให้วันที่ 2 หมดไปแทบไม่มีอะไรคืบหน้า
เมื่อถึงวันที่ 3 ก็ยังขุดหาไม่พบ แม้จะมีการดึงปลายเสาเข็มท่อนบนพ้นหลุมดินแล้ว ก็ยังไม่พบร่าง นอกจากนี้ ยังเจอปัญหาดินพังทลายสุมทับอีก จนหน่วยบรรเทาฯ ของกองตำรวจดับเพลิง ออกมายอมรับว่าเจอ "งานยาก"
...
วันที่ 4 อธิบดีกรมตำรวจ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ ซึ่งเป็นกรรมการสภาทหารผ่านศึกด้วย ได้เดินทางมาพูดคุยกับ นายบุญ บุญน้อย พ่อของสร้อยเพชร และยืนยันว่าจะดำเนินคดีอย่างเป็นธรรมที่สุด ขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ดำเนินการขุดอยู่นั้น นายเจริญ รุจิราโสภณ กรรมการผู้จัดการบริษัทโอเวอร์ซีส์เทรดดิ่ง ที่ตั้งอยู่ย่านสีลม ได้พาเซียนผู้ชำนาญในการนั่งทางในจากจังหวัดระยองผู้หนึ่ง ชื่อ "เซียนดำ แซ่ตั้ง" เข้าพบ ผู้ช่วย ผบช.น. ที่กำลังคุมงานอยู่ที่เกิดเหตุ
เซียนดำ แจ้งขอทำพิธีนั่งทางในเพื่อหาตำแหน่งของศพ เซียนดำทำพิธีโดยนำอุปกรณ์ มีผ้าขาว 1 ผืน ดอกไม้ 1 กำ เทียน 2 เล่ม และธูป 9 ดอก มาทำพิธีห่างจากปากหลุม 25 เมตร หลังจากนั่งสมาธิ 10 นาที ก็ได้แจ้งว่า ศพติดค้างอยู่ช่วงต่อระหว่างเสาเข็ม มีปลอกเหล็กหุ้มศพอยู่ ก่อนเดินทางกลับยังได้ขอชื่อสกุลของเด็กและพ่อแม่ไปด้วย
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้สื่อมวลชนตั้งคำถามกับผู้เกี่ยวข้องถึงความปลอดภัยในชีวิตของแรงงาน ครอบครัวแรงงานที่อยู่ในไซต์งานก่อสร้าง
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีก เพราะพวก "ไทยมุง" ได้พยายามเข้าไปในพื้นที่ จนกำแพงเหล็กที่ทำไว้เกือบจะถล่มทับคนก้นหลุมตายหมู่ ทั้งนี้ ผบช.น. จึงมีคำสั่งให้นำกำลังมารักษาการผลัดเปลี่ยนเวร 24 ชม. ส่วนทีมช่วยเหลือ ก็เริ่มหันมาใช้วิธีใหม่ ด้วยการใช้น้ำ โดยได้รับคำแนะนำจากวิศวกรหม้อน้ำ โดยอาจจะตกแต่งปากหลุมจากนั้นใช้ท่อเหล็กขนาดเดียวกัน จากนั้นใช้วิธีขุดน้ำบาดาล ใช้น้ำไล่ดิน ซึ่งหากศพเด็กขึ้นอืดก็จะดันศพเด็กลอยมาตามท่อ สาเหตุที่เลือกวิธีนี้เพราะหากขุดดินมากๆ อาจจะส่งผลต่ออาคารข้างเคียงพังถล่มได้
5 วันเต็ม ในที่สุดก็สำเร็จ
"ศพเด็กหญิงสร้อยเพชรขุดขึ้นมาได้หรือยัง!?" เป็นคำถามที่คาใจประชาชน เพราะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็ยังกู้ศพขึ้นไม่ได้ ขณะที่ พล.ต.ต.ทศ ธรรมกุล ผบก.ดับเพลิง กล่าวว่า "ผมเห็นใจผู้เกี่ยวข้องมากจริงๆ เพราะทุกคนเหนื่อยกันมาเต็มที่แล้ว ควรมีคนผลัดเปลี่ยนกันทำงาน 2-3 ชุด จะได้หมุนเวียนกันไป และมีเวลาพักผ่อน"
แม้จะมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนวิธีแต่เจ้าหน้าที่ยังคงใช้วิธีขุดต่อไป จนกระทั่งช่วงเย็นวันที่ 7 ก.พ. แสงแห่งความหวังก็กลับมาอีกครั้ง เสียงตะโกนดังก้องขึ้น
"พบแล้วๆๆ" คนงานขุดพบหัวเสาเข็มช่วงที่หักคาอยู่ นอกจากนี้ยังพบดินโคลนเปรอะอุดรูอยู่ คนงานจึงใช้พลั่วแคะออก จากนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้เตรียมอุปกรณ์ เหล็กเป็นท่อน 1 เมตร ต่อกัน 10 ท่อน ต่อกันเป็นรูปตะขอคล้ายตัว J เมื่อหย่อนลงไปเกี่ยวสิ่งกีดขวาง คาดว่าเป็น "ร่างเด็ก" แต่สาวขึ้นได้ไม่เท่าไรก็หล่นลงไปอีก
เจ้าหน้าที่ไม่ละความพยายาม คราวนี้ใช้น้ำเทราดลงไป เพื่อทำให้ดินในรูอ่อนตัว จากนั้นใช้ "เหล็กข้ออ้อย" ยาว 12 เมตร ที่ปลายเป็นเหล็กแหลม เมื่อดึงรั้งขึ้นมาเป็นตะขอ โดยใส่ในแป๊บน้ำทะลวงลงไปในรูเสาเข็ม เมื่อได้ความลึก 10 เมตร ก็พบสิ่งกีดขวาง จากนั้นใช้ปลายเหล็กแทงสิ่งกีดขวาง จากนั้นดึงกลับให้มาเป็นตะขอ ค่อยๆ สาว ผลก็เหมือนครั้งแรก คือร่วงหล่นอีก แต่…คราวนี้เจ้าหน้าที่ได้กลิ่นศพติดปลายตะขอด้วย
ถึงตอนนี้ ไทยมุง ก็คงยังอยู่ ประมาณ 400-500 คน และพยายามเฮโลเข้าไป เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งกันออก เพราะหากเข้ามาแล้วเกิดดินถล่ม เจ้าหน้าที่จะถูกฝังทั้งเป็นด้วย
3 ทุ่มกว่า นายพิชัย รัตตกุล เดินทางมาดูเจ้าหน้าที่ถึงปากหลุม เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานต่อเรื่อยๆ กระทั่งเที่ยงคืนกว่า นายบุญ บุญน้อย พ่อของ สร้อยเพชร มาจุดธูป 9 ดอก รอบหลุม และบอกผู้สื่อข่าวว่าได้ถามหลวงพ่อชัยมงคล (ร่างทรง) แล้ว คืนนี้เมื่อเวลาพระจันทร์ขึ้นตรงหัว จะได้ศพลูกสาวขึ้นมา...
04.25 น. เมื่อเหล็กปลายตะขอจากมือ ด.ต.ยศ เกษรมาลา ตำรวจบรรเทาสาธารณภัยได้ถูกดึงขึ้นมาทีละน้อย สายตาทุกคู่จับจ้อง ชายเสื้อของเด็กก็โผล่ขึ้นมาให้เห็นก่อน จากนั้นแขนขาลำตัว ก็โผล่ขึ้น ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของเจ้าหน้าที่ และไทยมุงนับร้อยที่ยังปักหลักดูอย่างไม่ท้อถอย
ร่างไร้วิญญาณของเด็กน้อยถูกอุ้มด้วยวงแขนของเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู บรรดาไทยมุงกระเย้อกระแหย่งมองแต่ยังเห็นไม่ชัด จนกระทั่งถึงปากหลุม ศพของ ด.ญ.สร้อยเพชร บุญน้อย จากศีรษะถึงปลายเท้า ไม่เกิน 85 ซม. ส่วนไหล่กว้าง 18 ซม. ใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวซึ่งกลายเป็นสีโคลน แขนและขาอยู่ในสภาพปกติ แต่ภาพน่าสังเวชคือส่วนกระหม่อมมีรอยถูกแทงจนแหลกเหลว นับแผลไม่ถ้วน ลักษณะของบาดแผลที่ถูกแทงทุกครั้งที่มีการใช้เหล็กแหลมทะลวงดินลงไป แสดงภาพของเด็กน้อยว่า ตกไปอยู่ในลักษณะสองมือชูครูดลงไปในรูเสา ซึ่งมีขนาดเขื่องกว่าลำตัวนิดเดียว
บุญ บุญน้อย พุ่งพรวดไปหาเลือดเนื้อเชื้อไขตนเอง ยื่นมือจับมือขวาของลูกแนบไว้สนิท ด้วยท่วงท่าโศกสลด ไม่มีน้ำตาจากพ่อซึ่งยังสามารถคุมสติ
"ดีใจที่ได้ศพลูกคืนมา ตั้งใจจะเอาไปตั้งบำเพ็ญกุศล ที่วัดตะพานย่านดินแดง" นายบุญตอบผู้สื่อข่าว ส่วนผู้เป็นแม่เป็นลมล้มพับไป
ที่สุดแล้ว ก็สามารถกู้ร่างของหนูน้อยผู้อาภัพขึ้นมาได้ โดยได้ใช้ทุนทรัพย์ในการกู้ร่างกว่า 10 ล้านบาท แต่เงินดังกล่าวคงไม่มีค่าเท่ากับชีวิต
เงินบริจาคหลั่งไหล แต่…เจอคนใจบุญจอมปลอม
หลังได้ศพ ญาติได้จัดบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบเหงา มีเพียงญาติพี่น้องร่วมงานเท่านั้น ขณะเดียวกันได้มีการระดมเงินช่วยเหลือจากประชาชน ได้เงิน 8,200 บาท ขณะที่ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาบริษัทรับเหมากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีโทษจำคุก 10 ปี
ขณะที่ครอบครัว "บุญน้อย" หลังจากฌาปนกิจ ด.ญ.สร้อยเพชรแล้ว ตั้งใจจะกลับไปทำไร่ที่ลพบุรี นอกจากนี้ ทางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยังอาสาเป็นตัวกลางระดมเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวนี้ได้ 78,000 บาท แต่สิ่งเลวร้ายที่ครอบครัวบุญน้อยต้องเผชิญชะตากรรมยังไม่จบ เพราะหลังจากเป็นข่าวดัง มีผู้คนหลายคนแสดงตนว่าต้องการช่วยเหลือ โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่นลพบุรี รายหนึ่ง ที่ประกาศว่าจะมอบที่ดิน 25 ไร่ ในพื้นที่ลพบุรี ซึ่งห่างจากบ้านเดิมของครอบครัวบุญน้อย 30 กม.ให้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือ แต่พอเวลาผ่านไปกลับพบความจริงว่า ผู้ใจบุญคนเดิมกลับ "พลิกลิ้น" บอกว่าจะ "แลกเปลี่ยน" กับเงินบริจาคที่ได้
ในห้วงแห่งความทุกข์เวทนาเช่นนี้ ก็ยังมีคนฉวยโอกาสหวังชื่อเสียงโดยไม่ละอายแก่ใจ ทั้งนี้ หากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไม่ตามติดเรื่องนี้ ผู้คนก็จะเข้าใจว่า ครอบครัว "บุญน้อย" ได้รับการอุ้มชูจาก "ผู้ใจบุญ" ไปแล้ว ขณะเดียวกัน การเสนอข่าวดังกล่าว ยังทำให้ภาครัฐ และภาคเอกชน ตระหนักถึงความรับผิดชอบในการป้องกันอุบัติเหตุในสถานที่ก่อสร้างมากขึ้น
ทั้งนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับคดีนี้มาให้ติดตามอ่านต่อวันพรุ่งนี้ เพราะหากเกิดเหตุแบบนี้ในปัจจุบัน จะมีการช่วยเหลืออย่างไร นอกจากนี้ ยังมีเสียงจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นมาเล่าให้ฟังอีกด้วย
*ภาพทั้งหมดจากหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 4 ก.พ.28 ถึง 8 ก.พ.28*
อ่านเพิ่มเติม