กลายเป็นประเด็นร้อนที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด กรณี มีกลุ่มผู้ประท้วงชาว "อุยกูร์" แสดงความไม่พอใจ และบุกทำลายทรัพย์สินที่สถานกงสุลไทย ณ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุเพราะทางการไทย ได้ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน วันนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะตอบทุกข้อสงสัย...
ตอบคำถาม อุยกูร์ คือใคร
"อุยกูร์" เป็นกลุ่มเชื้อชาติในกลุ่มชาติพันธุ์ "เตอร์กิช" หรือกลุ่มเชื้อชาติที่ใช้ภาษาตุรกี เช่นเดียวกับชาวตุรกี ซึ่งก็ได้กระจัดกระจายไปพื้นที่ต่างๆ ในแถบเอเชียกลาง บางประเทศก็อยู่เป็นชนกลุ่มน้อย แต่บางประเทศก็มีประชากรจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตปกครองซินเจียง-อุยกูร์ ของจีน มีประชากรมากถึง 45% หรือ ประมาณ 10 ล้านคน ของประชากรในเขตปกครองซินเจียง-อุยกูร์
เขตปกครองตนเองซินเจียง-อุยกูร์ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ถือเป็นเขตปกครองตนเองที่ใหญ่ที่สุดในจีน หรือมีขนาด 1/6 ของพื้นที่ทั้งประเทศ โดยมีชายแดนติดกับ 8 ประเทศ คือ มองโกเลีย รัสเซีย คาซัคสถาน เคอร์ดิสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และอินเดีย
...
ตามประวัติภายหลังการปฏิวัติของเหมา เจ๋อ ตุง ได้แบ่งชาวจีนออกเป็นชนชาติต่างๆ ทั้งหมด 56 ชนชาติ ซึ่งในจำนวนนี้มีชนชาติที่เป็นมุสลิมจำนวน 10 ชนชาติ หนึ่งในนั้น ก็คือชนชาติอุยกูร์
ชาวอุยกูร์ทุกคนเชื่ออย่างมั่นคงว่า บรรพบุรุษของพวกตนคือชนพื้นเมืองในลุ่มน้ำทาริม ซึ่งครอบคลุมบริเวณกว้างถึงประมาณ 350,000 ตารางกิโลเมตร หรือคือมณฑลซินเจียง ในปัจจุบัน โดยดินแดนซินเจียงได้ตกเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนตั้งแต่สองพันปีก่อนเป็นต้นมา
พอมาถึงราชวงศ์ชิง รัฐบาลกลางของจีนได้แต่งตั้งนายพลอีหลี ไปปกครองดินแดนซินเจียงทั้งหมดและเมื่อถึงปี 2427 เขตซินเจียงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นมณฑล ก่อนที่เดือน ก.ย.2492 ซินเจียงได้รับการปลดแอกอย่างสันติ จนกลายเป็นเขตบริหารระดับมณฑลที่มีอำนาจปกครองตนเองตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2492
เปิดสาเหตุ ทำไมอุยกูร์ ต้องหนี!
สาเหตุ เริ่ม 5 ก.ค.2552 ชาวอุยกูร์ นับพันคนได้ออกมาประท้วงทางการจีน เนื่องจากถูกจำกัดสิทธิในหลายเรื่อง ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ทางการได้ส่งชาวฮั่นเข้ามาในพื้นที่ปกครองตนเองของชาวอุยกูร์จำนวนมาก ซึ่งหลังจากเหตุประท้วง ส่งผลให้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวฮั่น จนเกิดเหตุการจลาจล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 197 เจ็บ 1,721 รถถูกเผา อาคารถูกทุบทำลายหลายหลัง ชาวอุยกูร์ เชื่อว่ายอดผู้เสียชีวิตมีจำนวนมากกว่านี้ เพราะมีผู้ชายสูญหายไปจำนวนมาก
หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นหลายครั้ง กระทั่งวันที่ 1 มี.ค.57 เกิดเหตุคนร้ายนับ 10 ราย ถือมีดไล่ฆ่าประชาชนไม่เลือกหน้า ในสถานีรถไฟในเมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมณฑลยูนนาน ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 29 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 143 ราย
จับอุยกูร์ หนีเข้าไทย
กลางเดือนมีนาคม 2557 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6 จ.สงขลา (บก.ตม.6) จับกุมต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 220 คน เป็นชาย 78 คน หญิง 60 คน และเด็ก 82 คน ได้ในพื้นที่สวนยาง หมู่ 10 บ้านคลองต่อ ต.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งกลุ่มคนกลุ่มนี้อ้างว่ามาจาก "ตุรกี" โดยที่ไม่มีหนังสือเดินทาง
นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 14 มี.ค.57 ว่า คนกลุ่มนี้ไม่ได้มาจากตุรกี แต่มาจากประเทศจีน โดยลี้ภัยเนื่องจากมีปัญหากับทางการจีนเป็นเวลานาน ทางการจีนมอง อุยกูร์ เป็นคนมุสลิมที่มีชาติพันธุ์ภาษา และวัฒนธรรมเป็นพวกเติร์ก พยายามหลอมรวมตนเองเข้ากับดินแดนแถบเอเชียกลาง ทางการจีนจึงมองว่าเป็นพวก "แบ่งแยกดินแดน" ส่งผลให้ถูกกวาดล้าง
...
ฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย เป็นห่วงว่าทางการไทยจะส่งตัวกลุ่มคนเหล่านี้ให้กับจีน แล้วจะถูกทารุณกรรม ต่อมา ทางการสหรัฐฯ ก็ได้แถลงการณ์ขอให้ไทยดูแลชาวมุสลิมกว่า 200 ชีวิตที่ยังไม่ระบุสัญชาติ โดยขอว่าอย่าด่วนส่งตัวกลับไปที่จีน
19 เม.ย.57 นายจาง อี้ หมิง ที่ปรึกษาสถานเอกอัคราชทูตจีน และคณะเดินทางมาที่ห้องกักตัวผู้ต้องหาหลบหนี ที่ ตม.สะเดา ซึ่ง นายจางอี้ หมิง บอกว่า พิสูจน์ชัดแล้วร้อยละ 40 ทั้งหมดเป็นชาวอุยกูร์ โดยถูกหลอกผ่านขบวนการค้ามนุษย์ โดยเดินทางเข้ามาทางลาว กัมพูชา ก่อนจะเข้าไทย โดยมีเป้าหมายจะไปประเทศที่3 ส่วนสาเหตุเพราะเข้าใจผิดว่าทางการจีนจะปราบ
"เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกหลอกลวง เราให้ความเมตตาช่วยเหลือเขาเพราะเป็นประชาชนชาวจีน เป็นพี่น้องของเรา บางคนเป็นห่วงถ้ารับกลับจะถูกลงโทษ ถูกกดขี่ทางการเมืองหรือไม่ หลายๆ คนไม่มีข้อมูล ป้ายสีทางการจีนว่าโหดร้ายทารุณ จึงไม่เป็นความจริง พร้อมให้การช่วยเหลือชาวอุยกูร์ เรามาวันนี้ อยากจะช่วยเหลือทางการไทยในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ การให้ความช่วยเหลือดูแลชาวอุยกูร์ ทีมแพทย์ เวชภัณฑ์ เรื่องสุขภาพ และอาหาร พร้อมกับขอขอบคุณ และชื่นชม ตม.ไทย รวมทั้งทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือชาวมุสลิมจีน และให้ความร่วมมือกับประเทศจีนดีมากๆ" นายจางอี้ หมิง กล่าว วันนั้น
...
ไทยส่งอุยกูร์ให้จีน ชนวนเหตุไม่พอใจ
ช่วงปลายปี 57 ก็เกิดข่าวครึกโครม เมื่อมีรายงานว่า กลุ่มมุสลิมอุยกูร์ หายไปจากที่กักตัวนับร้อยราย โดยสามารถตามกลับมาได้เพียง 20 รายเท่านั้น ซึ่งจากรายงานทราบว่า ชาวอุยกูร์ ได้ทยอยหลบหนีจากบ้านพัก กระทั่งมาทราบเป็นข่าวภายหลัง เมื่อเรื่องแดง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สั่งการตรวจสอบ ซึ่งทางตำรวจได้ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
อย่างไรก็ดี สาเหตุที่ทำให้กรณีอุยกูร์ มาประทุ จนกระทั่งส่งผลอย่างร้ายแรงต่อไทย เพราะ สภาอุยกูร์โลก ออกมาเปิดเผยว่า ไทยได้แอบเนรเทศชาวอุยกูร์ ที่อยู่ในประเทศกว่า 90 คน ให้กับจีน โดยส่งผ่านเครื่องบินจากสนามบินใกล้กรุงเทพฯ เรื่องดังกล่าวจึงกลายเป็นที่สนใจจากชาวอุยกูร์ ทั่วโลก โดยเฉพาะในตุรกี เพราะเกรงว่าชาวอุยกูร์ กลุ่มนี้ จะเจอชะตากรรมที่โหดร้าย ในประเทศจีน
ประยุทธ์ ยัน ไทยปฏิบัติถูกต้องทุกประการ
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมายอมรับว่าได้ส่งชาวอุยกูร์ ไปให้ทางการจีนจริง
...
"จีนเขารับรองความปลอดภัย เขายืนยันจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่เกี่ยวข้องก็จะปล่อยตัว หาที่ทำกินให้ ถ้ามีหลักฐานประจักษ์ชัดเจนก็ต้องดำเนินคดี ตามความรุนแรงของโทษ อย่าไปคิดอะไรให้มันเรื่อยเปื่อย จะทำอย่างไรถ้าไม่ทำอย่างนี้จะทำแบบไหน หรือว่าจะเลี้ยงให้จนชาติหนึ่งมีลูกอีก 3 ชั่วคนหรืออย่างไร แต่ยืนยันว่าไทยปฏิบัติถูกต้องทุกประการ ไม่ต้องมากังวล ผมทำอะไรระมัดระวังอยู่แล้ว วันนี้ขออธิบายให้ชาวมุสลิมได้ทราบว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปทำลายใครทั้งสิ้น ความมุ่งหวังของเราคือให้เกิดความสงบสุขมากที่สุด ก็เหมือนกับกรณีถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นไม่ว่าจะกรณีใดก็ตามก็ต้องไปดูตามพันธสัญญาของกฎหมาย เราจะไปทำตามใจตนเองไม่ได้ หรือจะเข้าข้างใดข้างหนึ่งก็ไม่ได้ ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้ก่อน วันนี้ก็ขึ้นอยู่กับหลักฐานต่างๆ ที่ได้มา หลักฐานใครพร้อมและชัดเจนมากกว่าก็ต้องส่งกลับไป"
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังต่อสายตรงถึงนายกฯ ตุรกี เพื่อฝากดูแลความปลอดภัยให้คนไทยด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้น คงจะต้องจับตาต่อไปว่าผลดำเนินการเนรเทศชาวอุยกูร์ ของไทยในฐานะคนกลาง จะกลายเป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว" จนเหตุการณ์บานปลายจนกระทั่งกระทบความสัมพันธ์หรือไม่...