สคบ.-บก.ปคบ.เตรียมใช้ไม้แข็งจัดการผู้บริหารคอนโดมิเนียมดังหาดป่าตอง 6 ข้อกล่าวหา พร้อมชงเรื่องต่อให้ ป.ป.ช.ตรวจการฟอกเงิน...

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2558 ที่ห้องประชุมสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.พร้อมด้วย พ.ต.อ. อังกูร คล้ายคลึง รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ.นายสายัญ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอกะทู้ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผกก.สภ.กะทู้ พร้อมคณะพนักงานสอบสวนร่วมกันสรุปผลการดำเนินการและชี้แจงแนวทางการทำงานแก่ผู้เสียหายทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 50 คน หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับโครงการ ACE คอนโดมิเนียมโครงการ 1 และ 2 คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังไม่มีการสร้างตามข้อสัญญา

โดยภาพรวมหลังจากที่ สคบ.เข้ามาดำเนินการตรวจสอบและเรียกผู้บริหารโครงการมาพูดคุยพร้อมกับให้โอกาสเจรจาและประนีประนอมกับลูกค้าหรือผู้เสียหายมากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เพื่อให้เจ้าของโครงการนำเงินมาคืนผู้จองห้องชุดดังกล่าวกับทางโครงการ ทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ผ่อนดาวน์ ไปแล้วเฉลี่ยรายละ 4 แสนบาท ซึ่งต้องการเงินจองและเงินดาวน์คืน เพราะไม่มั่นใจหลังจากครบสัญญาก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ปรากฏว่าโครงการไม่มีการก่อสร้างและสภาพพื้นที่ยังเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ขณะที่ผู้เสียหายบางส่วนที่ต้องการให้สร้างต่อขอความชัดเจน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน การเจรจาทั้งส่วนของ สคบ.และ ผวจ.ภูเก็ต ไม่เป็นผล ผู้บริหารโครงการยังมีการบ่ายเบี่ยง ล่าสุดได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ บก.ปคบ.เข้ามาดำเนินการร่วมกัน พร้อมกันนี้จะส่งข้อมูลให้กับ ปปช.เข้ามาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

...

นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า หลังการเจรจาประนีประนอมแล้วไม่ได้รับการตอบรับ จึงต้องใช้ไม้แข็งเข้าดำเนินการ โดยร่วมกับ บก.ปคบ.และ สภ.กะทู้ ดำเนินคดีอาญา ซึ่งจะพิจารณาลักษณะความผิดใน 5-6 ความผิดหรือข้อกล่าวหา ตาม พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นได้แก่ 1.ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ซึ่งจะเข้าใน 21 ฐานความผิดของ ปปช.ในส่วนของการฟอกเงินด้วย เพื่อให้นำไปสู่การยึดทรัพย์ 2.โครงการไม่ผ่านการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม หรือ EIA 3.ความผิดตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดิน 4.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยการโฆษณา 5.พ.ร.บ.อาคารชุดฯ โดยในเวลา 5 วันนับจากนี้จะให้ผู้เสียหาย มาแจ้งความดำเนินคดีหรือยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีอาญา ขณะเดียวกันที่จะทำควบคู่กันไปคือ สคบ.จะเป็นโจทย์ยื่นฟ้องในคดีแพ่ง เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้บริโภค สำหรับจำนวนผู้เสียหายที่เข้ามาร้องนั้น ขณะนี้มี 21 ราย 48 ยูนิต มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท ส่วนวงเงินที่โครงการเรียกเก็บไปแล้วทั้งหมด 183 ยูนิต ยูนิตละประมาณ 4 แสนนั้น รวมประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนต่างชาติที่จองและซื้อประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบางส่วนยังไม่แจ้งความและกำลังประสานให้ผู้เสียหายร้องเข้ามาที่สถานทูตหรือติดต่อมาทาง สคบ.หรือผ่านตัวแทนคนไทย ส่วนในต่างจังหวัดทั่วประเทศพบว่ามีกรณีดังกล่าวค่อนข้างมาก จึงเตรียมจะเอากรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคอีก

พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ.กล่าวว่า เดิมตำรวจในพื้นที่ดำเนินการอยู่แล้วในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและได้ออกหมายจับไปแล้ว 3 คน และจับกุมมาแล้ว 1 คน มอบตัวแล้ว 2 คน จนมีการประกันตัวแล้ว ครั้งนี้ ปคบ.เห็นว่าควรเพิ่มฐานความผิดเข้าไปอีก 5 ข้อตาม พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหมด โดยในสัปดาห์หน้า ปปช.จะลงมาตรวจสอบ ซึ่งจะเกี่ยวข้องในเรื่องบัญชีทรัพย์สินและการฟอกเงิน หากพบความผิดจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ นอกจากนี้ฝากถึงผู้ประกอบการหลายโครงการที่กำลังจะก่อสร้างนั้น อย่ารีบร้อน ให้มีการขอและปฏิบัติตามขั้นตอนให้ครบถ้วนก่อนการก่อสร้าง มิเช่นนั้นหากมีการร้องเรียนและมีการตรวจสอบจะนำไปสู่ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนได้.