หากพูดถึงวัสดุปิดผิว (Decorative Surfacing) สำหรับงานตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ วัสดุยอดนิยมที่เรารู้จักกันดีก็คือ ลามิเนต ซึ่งได้รับการพัฒนารูปแบบให้มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น ทั้งสีสัน ลวดลาย และพื้นผิว อีกทั้งมาพร้อมดีไซน์สวยโดนใจ เทรนด์@โฮม ไทยรัฐออนไลน์สัปดานี้ จึงนำเคล็ดลับการเลือกซื้อลามิเนตมาฝากกัน เพื่อเป็นไอเดียให้ผู้อ่านที่กำลังหาข้อมูลตกแต่งภายในหรือเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน ได้นำลามิเนตไปใช้สะท้อนแรงบันดาลใจ บอกเล่าตัวตนและสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร
ลามิเนต คืออะไร ?
ลามิเนต คือ แผ่นวัสดุปิดผิวสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายในทั่วไป โดยมีส่วนประกอบเป็นกระดาษทับซ้อนกันหลายชั้น ชั้นแรกได้แก่ กระดาษ Craft Paper เคลือบด้วยฟีนอลิกเรซิน (Phenolic Resin) เป็นตัวช่วยให้ความแข็งแรงและความหนาให้กับแผ่นลามิเนตอีกทั้งช่วยรับแรงกระแทก กระดาษชั้นที่ 2 คือกระดาษ Décor Paper เคลือบเมลามีน เรซิน (Melamine Resin) เป็นกระดาษพิมพ์ลายที่ให้ความสวยงามและลวดลายแก่แผ่นลามิเนต ชั้นสุดท้ายคือกระดาษ Overlay Paper ซึ่งเป็นแผ่นอัลฟาเซลูโลส ที่ช่วยป้องกันรอยขูดขีดที่ผิวส่วนบนสุดของลามิเนต แล้วทั้งหมดนี้ผ่านกรรมวิธีอัดแน่นเป็นเนื้อเดียวกันผ่านเครื่องอัดความร้อน และทำให้เซตตัวด้วยเครื่องอัดความเย็น ลามิเนตมีขนาดมาตรฐาน คือ 1220 x 2440 มิลลิเมตร มีความหนาตั้งแต่ 0.4-10 มิลลิเมตร (ขึ้นอยู่กับชนิดและรุ่น) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
...
1. Low Pressure Laminate (LPL) เหมาะใช้งานแนวตั้ง เน้นโชว์ผิวด้านหน้า มีอายุการใช้งาน 1-5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา (ไม่นิยมนำไปตกแต่งบ้าน)
2. High Pressure Laminate (HPL) มีความแข็งแรงกว่า LPL ใช้งานได้ทั้งทางแนวตั้งและแนวนอน ซึ่งแตกต่างกันตามชนิดและรุ่น มีอายุการใช้งาน 5-15 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา (แนะนำสำหรับการตกแต่งบ้าน)
ปัจจุบันลามิเนตในท้องตลาดมีความน่าสนใจ และมีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาประดิษฐ์ให้ลามิเนตมีลูกเล่นและดีไซน์ใหม่ๆ ทั้งสีสัน ลวดลาย และพื้นผิว เพื่อการสร้างสรรค์สเปซให้สวยงาม เน้นบรรยากาศให้มีความพิเศษกว่าใคร อีกทั้งยังนำมาใช้ในฐานะที่เป็นวัสดุสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เหล่าดีไซเนอร์และเจ้าของบ้าน ตอบสนองการออกแบบได้อย่างเต็มที่ เพราะสามารถนำมาตกแต่งภายในและปิดผิวเฟอร์นิเจอร์ เช่น นำไปกรุหน้าท็อปโต๊ะ ปิดผิวหน้าบานตู้ เสา ผนัง ประตู ชั้นวางของ รวมถึงตกแต่งภายในอาคารต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยทดแทนการใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพราะมีลวดลายเหมือนจริง เช่น ลามิเนตลายไม้ และลายหิน
ด้วยความหลากหลายขนาดนี้ ดังนั้นเราควรเลือกใช้ลามิเนตให้ถูกต้องเหมาะสม ตรงตามลักษณะการใช้งาน เพื่อตอบโจทย์งานออกแบบได้อย่างแท้จริง
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการเลือกลามิเนต
1. ต้องเข้าใจ ทราบจุดประสงค์ และความต้องการว่าจะนำไปใช้ตรงไหน เช่น ใช้ปิดผิวท็อปโต๊ะ ควรเลือกลามิเนตที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานแนวนอน มีพื้นผิวเรียบ มีความหนาตั้งแต่ 0.8-10 มิลลิเมตร แข็งแรงทนทานต่อการกระแทก และกันรอยขีดข่วน
2. ทราบความต้องการในเรื่องโทนสี ภาพรวม Mood & Tone ของห้อง และทราบว่าต้องการดีเทลอะไรบ้าง และต้องการเท็กซ์เจอร์แบบไหน เช่น ต้องการให้ห้องมีบรรยากาศอบอุ่นใกล้ชิดธรรมชาติ ควรเลือกลามิเนตลายไม้สีอ่อน เช่น สีน้ำตาลของไม้เมเปิล ซึ่งมีเท็กซ์เจอร์ลายไม้เหมาะนำไปปิดผิวผนัง
3. อย่าลืมเช็กคำแนะนำของของลามิเนตแต่ละรุ่นว่าเหมาะกับการใช้งานประเภทไหน เช่น ตำแหน่งการติดตั้งว่าควรปิดผิวแนวตั้งหรือแนวนอน
4. บางครั้งลวดลายในแผ่นตัวอย่างเมื่อนำมาเทียบกับสเกลจริงอาจไม่เหมือนกัน ดังนั้นควรเช็กจากแผ่นใหญ่ขนาดเท่าของจริง โดยสอบถามจากตัวแทนจำหน่าย เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง
5.ควรจบงานด้วยตัวปิดขอบ (Edging) เพื่อความเรียบร้อยสวยงาม
DID YOU KNOW?
ข้อดีของลามิเนต มีสีสัน ลวดลายให้เลือกหลากหลาย ประหยัดกว่าการใช้วัสดุจริง ติดตั้งสะดวกรวดเร็ว มีราคาแตกต่างไปตามหน้าวัสดุ ตั้งแต่ราคาย่อมเยาไปจนถึงระดับพรีเมียม ทำความสะอาดง่าย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ
ข้อจำกัดของลามิเนต เป็นรอยง่าย ไม่ทนต่อการขีดข่วน ของมีคม และแรงกระแทก เมื่อมีรอยขูดขีดไม่สามารถซ่อมแซมได้ต้องเปลี่ยนทั้งแผ่น ไม่ทนความร้อน และไม่สามารถใช้งานกลางแจ้งได้
ปัจจุบันลามิเนตมีลวดลายและพื้นผิวให้เลือกมากมาย อาทิ ลามิเนตสีพื้น (Plain Color Laminate) ลามิเนตลายไม้ (Wood Surfaces), ลามิเนตผิวโลหะ (Metal Surfaces), ลามิเนตสั่งทำลายเฉพาะ (Custom-Made Laminate) นอกจากนี้ยังมีลามิเนตอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษที่น่าสนใจ เช่น ทนสารเคมีและสารสังเคราะห์ (Chemical Resistant Laminate) เหมาะใช้งานในห้องปฏิบัติการ เช่น ห้องแล็บ, ลามิเนตไม่ลามไฟ (Fire-Rated Laminate) เหมาะใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น โรงภาพยนตร์ ดังนั้นเราจึงควรพิจารณาคุณสมบัติ และชนิดของลามิเนตให้ดีเพื่อตอบโจทย์การตกแต่งพื้นให้ได้บรรยากาศตามต้องการ
...
รู้ไว้ใช่ว่า
การดูแลรักษา เครื่องเรือนหรือผนังที่กรุผิวด้วยแผ่นลามิเนต ถ้าอยากให้มีอายุการใช้งานยาวนาน จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น หลีกเลี่ยงของมีคม แสงแดด และความชื้น
วิธีทำความสะอาด ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดทำความสะอาดเบาๆ หากสกปรกมากแนะนำให้ใช้น้ำผสมสบู่เหลว หรือน้ำยาล้างจานเช็ดเบาๆ
ควรเลือกใช้ลามิเนตที่มีลวดลาย สีสัน และเท็กซ์เจอร์ที่มีความสัมพันธ์กับสไตล์การตกแต่งโดยรวม เช่น คุมโทนสีหลักและสีรอง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อให้บรรยากาศของห้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ที่มา : นิตยสาร Room