พร้อมหรือยัง เทรนด์@โฮม ไทยรัฐออนไลน์ สัปดาห์นี้ เราจะพาทุกคนไปบุกบ้านต้นไม้สุดเก๋ รับรองคุณเห็นแล้วจะต้องร้องว้าว หลังจากที่ทีมสถาปนิก Vo Trong Nghia จากประเทศเวียดนามเปิดตัวตึกทรงกล่องเท็กซ์เจอร์แปลกตาจำนวน 5 หลัง สูงต่ำแตกต่างกัน ทิ้งความสงสัยให้คนรักงานสถาปัตยกรรม เดากันไปต่างๆ นานาว่า เป็นอาคารสำหรับอะไรกันแน่ แท้ที่จริงแล้วนี่ คือ บ้านสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก นอกจากจะเซอร์ไพรส์ ด้วยการนำไม้ยืนต้นมาปลูกไว้บนหลังคาแล้ว บ้านหลังนี้ยังพ่วงดีกรีรางวัลชนะเลิศงานออกแบบประเภทบ้านพักอาศัย ในปี 2014 จากหลายสถาบัน ทั้งในประเทศอย่าง Ashui Awards และระดับโลกจาก The Architectural Review อีกด้วย

“เดิมที่ดินแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของโรงงานมาก่อน และยังคงมีความสำคัญต่อจิตใจของครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก เมื่อคิดจะรื้อโรงงานออก เจ้าของบ้านจึงต้องการให้สร้างบ้านใหม่บนที่ดินเดิม แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ถูกปิดล้อมด้วยชุมชนหนาแน่นวุ่นวาย มีทางเข้าออกเป็นตรอกเล็กๆ พื้นที่ไม่สมมาตร และมีพื้นที่สีเขียวน้อย เจ้าของจึงต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงเกิดเป็นไอเดียทำกระถางต้นไม้ขนาดยักษ์ล้อมรอบคอร์ตยาร์ด เพื่อให้คนในบ้านได้สัมผัสธรรมชาติตลอดเวลา และเผื่อแผ่ถึงคนในชุมชนได้สัมผัสพื้นที่สีเขียว ซึ่งหาได้ยากในย่านที่พักอาศัยแห่งนี้”

...


นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ความพิเศษอีกอย่างที่กลายมาเป็นเงื่อนไขหลัก ในการออกแบบบ้านหลังนี้ คือ คุณพ่อวัย 50 ปี ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งมีอาการของโรคซึมเศร้า ทีมสถาปนิกจึงต้องการดีไซน์บ้าน เพื่อให้ท่านได้ผ่อนคลายไปกับอากาศบริสุทธิ์ ท่ามกลางธรรมชาติ และแมกไม้เขียวขจี ด้วยการแยกพื้นที่ภายในบ้านออกเป็น 5 ส่วน โดยต้องเดินออกนอกบ้านก่อนจึงจะเข้าไปยังห้องอื่นๆ ได้ การออกแบบเช่นนี้ มีส่วนช่วยให้คุณพ่อ และสมาชิกทุกคนได้ขยับร่างกายด้วยการเดิน ขณะเดียวกันยังเป็นการได้สัมผัส และเผชิญหน้ากับสิ่งแวดล้อมดีๆ รอบบ้าน ทั้งเพื่อนบ้าน อากาศบริสุทธิ์ เสียงนกร้อง ท่วงทำนอง และสัมผัสแห่งธรรมชาติ เหมือนเป็นการบำบัดให้สภาพจิตใจแจ่มใสไปด้วยในตัว


“อาคารทั้ง 5 หลัง ได้แรงบันดาลใจ จากกระถางต้นไม้ พอมาอยู่ท่ามกลางย่านที่พักอาศัย ที่นี่จึงเป็นเสมือนโอเอซิสสีเขียวขนาดย่อมๆ อาคารแต่ละหลังวางตัวตามแนวกำแพงเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเหมือนขอบเขตให้บ้านไปโดยอัตโนมัติ จากมุมที่แตกต่างกันทำให้เกิดเอฟเฟ็กที่น่าสนใจหลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น อาคารแต่ละกล่องมีปฏิสัมพันธ์กับแสงอาทิตย์​ ทำให้โทนสีแตกต่างกันไปตลอดทั้งวัน บางกล่องมืด บางกล่องสว่าง ช่วงเช้ารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล พอตกบ่าย ด้วยเงาที่ทอดผ่านแรงมาก ทำให้เห็นเส้นขอบของอาคารชัดเจน จึงเป็นความสนุกอีกอย่างเมื่อเจ้าของบ้านได้มองบ้านของเขาเปลี่ยนแปลงไปตามแสงเงาของธรรมชาติ

ผนังรับน้ำหนัก ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของอาคารทุกหลัง พื้นผิวภายนอกดูมีดีเทลน่าสนใจ ด้วยแม่พิมพ์ไม้ไผ่กดด้วยมือ เทคนิคของช่างฝีมือไม้ไผ่โดยเฉพาะ นอกจากผนังทั้งหมดจะรับน้ำหนักโครงสร้างของบ้านแล้ว ยังต้องรับน้ำหนักดิน ที่อุ้มน้ำจากสวนบนหลังคาบ้านด้วย โดยชั้นดินต้องมีความหนา 1 เมตร สำหรับปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ต่างจากสวนดาดฟ้าทั่วไปที่ใช้ชั้นดินหนาเพียง 30 เซนติเมตร

“เราต้องการให้ชั้นดินนี้ทำหน้าที่กักเก็บน้ำไปในตัว เพราะโฮจิมินห์มีฝนค่อนข้างชุก จึงตามมาด้วยปัญหาน้ำท่วมขัง การทำเช่นนี้ก็เพื่อช่วยชะลอความเร็วของมวลน้ำ แล้วลำเลียงไปยังส่วนกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป เป็นส่วนหนึ่งในการลดปัญหาน้ำท่วมได้ ส่วนเรื่องการขนต้นไม้ใหญ่ เนื่องจากทางเข้าบ้านค่อนข้างแคบจึงเป็นอุปสรรคในการใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ เราจึงใช้รอกแบบภูมิปัญญาดั้งเดิมมาช่วยดึงขึ้นไปแทน”


ก่อนจะจบบทสนทนากับทีมสถาปนิก เราถามความคิดเห็นของเขาถึงผลงานชิ้นนี้ ที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากทั่วโลก และตามมาด้วยรางวัลมากมาย “ดีไซน์เรียบๆ เข้าใจง่าย คือจุดแข็งของโปรเจกต์นี้ เราพยายามเสนอไลฟ์สไตล์ที่ทำได้จริงในประเทศเมืองร้อนอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้หลายๆ ที่จะสร้างอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ปริมาณการใช้พลังงานก็ยังสูงมาก จากการใช้เครื่องปรับอากาศ การออกแบบของเราจึงเป็นทางเลือกเพื่อสร้างไลฟ์สไตล์เปิดรับธรรมชาติมากขึ้น บนบรรทัดฐานของความสะดวกสบาย”

ความสำเร็จของบ้านหลังนี้ นอกจากช่วยเปลี่ยนคุณพ่อจากอาการซึมเศร้าให้มีสุขภาพดีร่าเริงแจ่มใส ตามโจทย์ที่อยากสร้างความรู้สึกไว้วางใจ และปลอดภัย ยังเป็นการดึงธรรมชาติที่มีอยู่เดิมมาจัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านเครื่องมือของปัญญาที่เรียกว่า การออกแบบและสถาปัตยกรรม เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น พร้อมกับเกื้อกูลสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน

ที่มา : นิตยสาร Room

...