ชุดสืบสวน สน.ลุมพินี ลากคอ 2 เดนคุกแก๊งนาคภาษิต ก่อคดีงัดกระจกรถหรูของดาราสาว “บี-มาติกา”และเพื่อนหนุ่มนักธุรกิจใหญ่ได้แล้ว พร้อมตามยึดของกลางคืนได้จำนวนมาก สารภาพรู้จักกันในคุก พอพ้นโทษออกมากลายเป็นเพื่อนซี้ ขี่ จยย.หาเหยื่อที่จอดรถหรูริมถนน จากนั้นลงไปงัดกระจกเอาทรัพย์สินไปขาย ดาราสาวช็อกเมื่อถามถึงทรัพย์สินแบรนด์เนมอีกหลายรายการที่ยังไม่พบ บอกหน้าตาเฉยว่าเอาไปทิ้งคลองแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
จับ 2 โจรวัยรุ่นงัดกระจกรถฉกทรัพย์ดาราสาว บี-มาติกา เปิดเผยขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 พ.ค. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 แถลงชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.อภิชาติ ทองจันดี รอง ผกก.สส.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ธเนศ มีทอง สว.สส.สน.ลุมพินี พร้อมกำลังจับกุมนายสุจินดา หรือโอม พันปาน อายุ 22 ปี อยู่เลขที่ 125 ซอยนาคภาษิต แขวงและเขตสวนหลวง กทม. และนายธราธร หรือบาส ไกรสมเลิศ อายุ 25 ปี อยู่เลขที่ 2078 ซอยรามคำแหง 20 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์ไป หรือรับของโจร
พร้อมของกลางไขควงปากแบน 1 ด้าม นาฬิกาปาเต๊ะฟิลลิปแบบผู้หญิง 1 เรือน ต่างหูชาแนล 1 คู่ ต่างหูทรงกลมสีน้ำเงิน 1 คู่ ต่างหูทรงระย้า 1 คู่ สร้อยข้อมือเส้นเล็ก 3 เส้น เข็มกลัดชาแนล 1 ชิ้น กระเป๋าสะพายแอร์เมสสีดำราคา 3 แสนบาท กระเป๋าสะพายชาแนลสีแดงราคา 8 หมื่นบาท โดยมีผู้เสียหาย น.ส.มาติกา หรือบี อรรถกรศิริโพธิ์ อายุ 28 ปี ดาราสาว และ น.ส.ประวีณา ฟูเฟื่องมงคลกิจ อายุ 29 ปี มาดูทรัพย์สินของกลางด้วย โดย น.ส.ประวีณายืนยันว่า เป็นเจ้าของกระเป๋าแอร์เมสและต่างหูทรงกลมสีน้ำเงิน นอกนั้นเป็นทรัพย์สินของบี-มาติกาทั้งหมด
...
พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สน.ลุมพินี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. เวลา 21.45 น. คนร้ายงัดกระจกรถยนต์จากัวร์ สีเทา ทะเบียน พว77 กรุงเทพมหานคร ของนายกรกฤช จุฬางกูร แฟนของบี-มาติกา และรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ซีคลาส สีขาว ทะเบียน 1 กธ 3663 กรุงเทพมหานคร ของ น.ส.ประวีณา ที่จอดไว้บริเวณถนนสารสินตัดถนนหลังสวนเยื้องธนาคารธนชาต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน มีทรัพย์สินหลายรายการถูกโจรกรรมไป ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ต้องหาใช้พาหนะรถ จยย.ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ขี่วนหลายรอบก่อนลงมือและนำลายนิ้วมือที่รถไปเปรียบเทียบกับประวัติคดีของคนร้ายลักทรัพย์ซึ่งตรงกับผู้ต้องหา จึงติดตามจับกุมทั้งคู่ได้ที่บ้านพัก นายธราธร หรือบาส เป็นคนขี่ และนายสุจินดา หรือโอม ซ้อนท้ายแล้วลงจากรถใช้ไขควงปากแบนงัดกระจกด้านหลังซ้ายจนแตกทั้ง 2 คันก่อนลักทรัพย์สินหลบหนี ผู้ต้องหาทำกันเพียง 2 คน ใช้ชื่อแก๊งว่า “แก๊งนาคภาษิต” ตามชื่อซอยแถวบ้าน
สอบสวนนายธราธรให้การว่า เคยติดคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากคดีลักทรัพย์ท้องที่ สน.หัวหมาก เมื่อปี 53 ส่วนนายสุจินดาติดคุกคดีลักทรัพย์ ท้องที่ สน.หัวหมาก เมื่อต้นปี 58 จึงรู้จักกันในคุก หลังพ้นโทษออกมาก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกินเที่ยวด้วยกัน วันเกิดเหตุออกจากบ้านขี่รถ จยย.ผ่านไปเห็นว่ารถราคาแพงจึงได้ลงมือ ทำไปเพราะเมาน้ำใบกระท่อม เงินที่ได้แบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนกระเป๋าไม่ได้นำไปขายเพราะไม่รู้ว่าของจริงหรือของปลอม หลังจากนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ให้ชุดจับกุมนำตัว ผู้ต้องหาไปชี้รถเกิดเหตุที่ถูกงัดกระจกทั้ง 2 คัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวดาราสาวทวงถามทรัพย์สินที่ยังได้คืนไม่ครบกับผู้ต้องหาทั้งคู่ต่อหน้าตำรวจได้แก่ แว่นคริสเตียน ดิออร์ ราคา 16,000 บาท กระเป๋าเครื่องสำอาง กระเป๋าโคช กระเป๋าสตางค์ชาแนล เงินเยนจำนวน 20,000 บาท และเงินไทย 6,000 บาท โดยดาราสาวตกใจอย่างมาก หลังนายสุจินดาตอบว่า ของดังกล่าวโยนทิ้งลงคลองแสนแสบย่านหัวหมากไปแล้ว
ด้าน น.ส.มาติกา หรือบี กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามจับคนร้ายได้ ปกติจะจอดรถบริเวณที่เกิดเหตุเป็นประจำ ไม่คิดว่าจะถูกทุบรถลักทรัพย์ ส่วนหนึ่งเพราะเราเองไม่ระมัดระวัง เก็บทรัพย์สินไว้ในรถไม่ได้เอาลงไปด้วย เนื่องจากจะไปนั่งที่ร้านไม่นาน จึงวางของไว้บนพื้นหน้าเบาะหลัง ไม่คิดว่าคนร้ายจะเห็น ปกติมีคนขับรถคอยเฝ้าแต่ว่าเขาอยู่ในรถอีกคัน ตนไม่ทราบเหมือนกันว่าคนร้ายทุบกระจกรถแล้วทำไมสัญญาณกันขโมยถึงไม่ดัง ตนเสียดายทรัพย์สินโดยเฉพาะเครื่องสำอางสำหรับใช้ทำงานมาก เพราะเป็นชุดใหญ่รวมราคากว่า 50,000 บาท หลังรู้ว่าผู้ต้องหานำไปโยนทิ้งลงคลองไปหมดแล้ว