วันนี้เราพาคุณก้าวสู่ “เมืองลับแล” ดินแดนลึกลับในตำนานซึ่งเล่าขานว่า คนพูดสัตย์จริงเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์อยู่ในเมืองนี้ได้ สำหรับแขกเยือนอย่างเรา ตลอด 5 วันที่อาศัยอยู่ ได้ประจักษ์ความจริงว่า คนเมืองลับแลมีนิสัยเป็นกันเอง บ้านเมืองก็สุขสงบน่าอยู่ ที่สำคัญอาหารประจำถิ่นของเขานั้นดีต่อสุขภาพและอร่อยชะมัดยาด!

เมืองลับแลที่กล่าวถึงก็คือ “จังหวัดอุตรดิตถ์” นั่นเอง ซึ่งทุกวันนี้จัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของประเทศ และยังเป็นหนึ่งในสวรรค์ของเหล่าทุเรียนเลิฟเวอร์เพราะเป็นถิ่นกำเนิดของทุเรียนป่าชื่อดังอย่าง “หลงและหลินลับแล” คราวนี้ทีมงานลงทุนปีนเขาเสี่ยงชีวิตไปเก็บภาพสวยๆ พร้อมกับเก็บทุเรียนและเมนูเด็ดส้มตำทุเรียนมาฝาก ไปดูสูตรกัน

ส้มตำทุเรียนลับแล

ส้มตำจานนี้พิเศษกว่าปกติเพราะใช้ทุเรียนหลงลับแลชั้นดีเนื้อห่าม รสมัน หวาน และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มาโขลกแล้วปรุงรสแบบส้มตำไทยแทนเส้นมะละกอ เป็นสูตรที่ประยุกต์มาภายหลัง ซึ่งในช่วงเทศกาลทุเรียนเมืองลับแลจะมีกิจกรรมแข่งตำส้มตำทุเรียนนี้ให้ได้ชมกันอีกด้วย

...

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)

เตรียม 15 นาที ปรุง 15 นาที ทุเรียนหลงลับแลหรือหมอนทองลับแลแบบห่ามหั่นชิ้นพอคำ 11-2 ถ้วย

มะเขือเทศสีดาหั่นชิ้นพอคำ 1-2 ถ้วย
ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 1 นิ้ว 1-2 ถ้วย
กระเทียมกลีบเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวน 5 เม็ด
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

โขลกกระเทียมกับพริกพอแหลก ใส่ถั่วฝักยาวและมะเขือเทศลงไปโขลกพอเข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และน้ำมะนาว แล้วใส่ทุเรียน กุ้งแห้ง และถั่วลิสงใส่ลงไปเคล้าพอเข้ากัน ตักใส่จานเสิร์ฟ

“หลง - หลิน” ลับแล

ทุเรียนหลงและหลินลับแลตั้งชื่อตามคนปลูกคนแรก คือนายหลงและนายหลิน พอถึงช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี สาวกทุเรียนต่างก็จะไปเสาะหามารับประทานเพราะความอร่อยของทุเรียน 2 ชนิดนี้อยู่ที่รสชาติหวานมันกำลังดี เนื้อนุ่ม เส้นใยละเอียดราวกับเส้นไหม เมื่อกินเข้าไปแทบจะละลายในปากเลยก็ว่าได้ แถมยังมีกลิ่นหอมละมุนไม่เหม็นฉุนเหมือนทุเรียนพันธุ์อื่นอีกด้วย สนนราคาขายหน้าสวน หลงลับแล กิโลกรัมละ 150 - 200 บาท ส่วนหลินลับแล กิโลกรัมละ 300 - 400 บาทเลยทีเดียว ความแตกต่างของทุเรียน 2 ชนิดนี้ดูได้จากภายนอกคือ “หลงลับแล” ลูกจะกลมทรงไข่ ไม่เห็นร่องพู ส่วน “หลินลับแล” ลูกจะออกทรงเหลี่ยม เห็นร่องพูชัดเจนนั่นเอง

ที่มา นิตยสาร HEALTH CUISINE