‘สมยศ’ยันมีจับเพิ่มตร.-จนท. สหรัฐชี้เตือนแล้วจี้สอบจริงจัง
เจออีกหลุมฝังศพโรฮิงญาบนเกาะโต๊ะกระ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา นับ 10 หลุม มีโครงกระดูกผู้หญิงและเด็กถูกฝังไว้ 2 หลุม ส่วนที่เทือกเขาแก้ว ชายแดนปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พบที่พักที่เพิ่งสร้างใหม่ ห่างจากจุดพบหลุมศพจุดแรก 2 กม. นอกจากนี้ยังพบหลุมศพอีก 70 หลุมบริเวณชายแดน ขณะสองแม่ลูกชาวโรฮิงญาหนีตายที่กักขังมาขอความช่วยเหลือทหารสภาพอิดโรย ด้านผู้ใหญ่บ้าน พร้อมผู้ต้องหาอีก 2 คน เข้ามอบตัวแล้ว เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกมีทั้งตำรวจ และ จนท.รัฐ ด้าน ผบ.ตร.ยันเหตุเด้งฟ้าผ่า 15 นายตำรวจมีข้อมูลลับพัวพันค้ามนุษย์ ขณะที่ ผบก.สตูล ที่โดนคำสั่งย้าย โต้ไม่เกี่ยวโรฮิงญาปาดังฯยังคงเป็นประเด็นที่น่าสนใจกรณีการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ หลังมีการพบสุสานฝังศพโรฮิงญาบนเทือกเขาแก้ว ชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สะเดา จ.สงขลา ล่าสุด เจ้าหน้าที่พบหลุมฝังศพเพิ่มอีกบริเวณเกาะโต๊ะกระ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
จนท.ค้นหลุมศพโรฮิงญาเพิ่ม
โดยเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 พ.ค. นายประยูร รัตนเสนีย์ ผวจ.พังงา ร่วมกับ พล.ต.ต.ชลิต แก้วยะรัตน์ ผบก.ภ.จ.พังงา และนายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา นำเจ้าหน้าที่และมูลนิธิกู้ภัยสว่างเมฆาตะกั่วป่า ตรวจค้นที่พักชาวโรฮิงญาในพื้นที่เกาะโต๊ะกระ หมู่ 5 บ้านนายสังข์ ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า หลังทราบว่ามีการฝังศพชาวโรฮิงญา โดยมีเด็กชายชาวโรฮิงญาอายุ 13 ปี ที่ถูกจับเมื่อเดือน ก.ย.57 ระบุว่ามีกลุ่มชาวโรฮิงญาที่เดินทางมาด้วยกันถูกนายหน้าคนไทยทำร้ายเสียชีวิตและฝังศพไว้
ผงะเจอกระดูกถูกฝังไว้ 2 โครง
เจ้าหน้าที่ได้ให้เด็กชายคนดังกล่าวชี้จุดที่คาดว่ามีศพโรฮิงญาถูกฝังไว้รวม 10 หลุม บริเวณแคมป์ที่ถูกปล่อยให้รกร้าง ปรากฏว่าพบโครงกระดูก 2 หลุมถูกฝังลึกลงไปประมาณ 50 ซม. หลุมแรกเป็นโครงกระดูกเล็กคาดว่าน่าจะเป็นเด็ก ส่วนอีกหลุมเป็นโครงกระดูกสูงประมาณ 150 ซม. คาดว่าน่าจะเป็นศพผู้หญิงถูกห่อด้วยผ้าห่ม และน่าจะถูกฝังมาปีกว่าแล้ว เนื่องจากสภาพเนื้อหลุดรุ่ยออกจากกระดูก กะโหลกศีรษะแตก เบื้องต้นคาดว่าศพที่เสียชีวิตถูกนำมาฝังตามหลักศาสนามุสลิม สังเกตจากวิธีการฝังหันศีรษะไปทางทิศเหนือ นอนตะแคงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก จึงนำโครงกระดูกทั้งหมดห่อกลับไปพิสูจน์อีกครั้ง
...
ผญบ.พร้อมพวกอีก 2 มอบตัว
ส่วนความเคลื่อนไหวในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกรณีพบหลุมศพในพื้นที่เทือกเขาแก้ว หมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา หลังมีการออกหมายจับ 8 คน และจับกุมได้ 4 คน ล่าสุดช่วงบ่ายวันเดียวกันนายยาหลี เขร็ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ นายพารคพล บินลาเต๊ะ อายุ 47 ปี และนายเจริญ ทองแดง อายุ 45 ปี ได้เข้ามอบตัวต่อ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พ.ต.ต.ชยุต์ อารีย์บำบัด สว.สส.สภ.ปาดังเบซาร์ ส่วนนายประสิทธิ์ เหลมแหละ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อยู่ระหว่างติดต่อมอบตัว คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 6 พ.ค. ขณะเดียวกัน นายทวีวุฒิ สงข์ศิริ นายอำเภอสะเดา มีคำสั่งลงวันที่ 4 พ.ค. พักหน้าที่ของนายยาหลี เขร็ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ นายอาหลี ส่าเม๊าะ และนายร่อเอ สนยาแหละ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
มาเลย์ขอตัวหัวโจกค้ามนุษย์
มีรายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียกำลังต้องการตัวนายอันวา ชาวพม่าที่มีหมายจับของทางการมาเลเซีย ซึ่งเป็นตัวการค้ามนุษย์รายใหญ่ที่ถูกคุมขังอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากเป็นตัวจักรสำคัญที่นำชาวโรฮิงญาลักลอบเข้ามาเลเซียและโทรศัพท์มาเรียกเงินค่าไถ่แก่ชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องติดต่อขอตัวนายอันวาไปดำเนินคดีที่มาเลเซีย
พบที่พักใหม่ใกล้หลุมศพแรก
ด้านการค้นหาศพชาวโรฮิงญาเพิ่มเติมบริเวณเทือกเขาแก้ว เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจัดชุดค้นหาแคมป์ที่พักชาวโรฮิงญาตามแนวเขาแก้ว ชายแดนไทย-มาเลเซียห่างจากจุดเดิม 2 กม. พบที่พักซึ่งเป็นเรือนไม้ไผ่หลังคาผ้าใบขนาดจุคนกว่า 300-400 คน ประกอบด้วยโรงนอน 3 โรง และโรงครัว 1 โรง จากการสังเกตพบรอยสร้างใหม่ แต่ไม่พบชาวโรฮิงญา เจ้าหน้าที่ได้รื้อทำลายทิ้ง ขณะที่หน่วยกู้ภัยไม้ขมเทศบาลเมืองสะเดานำเจ้าหน้าที่จำนวน 12 นายขึ้นไปจุดที่คาดว่าจะพบหลุมศพเพิ่มตามรายงานเจ้าหน้าที่ ห่างจากจุดเดิมไปทางเหนือ 300 เมตร แต่ยังไม่พบศพเพิ่มเติม
สองแม่ลูกหนีตายจากที่กักขัง
นอกจากนี้ ขณะที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ออกสำรวจเส้นทางแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณ อ.สะเดา จ.สงขลา ไปกลางป่าเขารกทึบ พบชาวโรฮิงญาหลบหนีออกจากค่าย 2 คน ทั้งคู่เป็นแม่กับลูกกัน ทันทีที่เห็นทหารไทยถึงกับร้องไห้โฮโดยระบุว่ามาจากยะไข่ ประเทศเมียนมาร์ ดำรงชีพอยู่กลางป่าในสภาพอิดโรย จึงให้การช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณใกล้เคียงกันยังพบหลุมที่คล้ายหลุมฝังศพอีก 70 หลุม แต่เนื่องจากพื้นที่อยู่ใกล้แนวชายแดน เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพราะเกรงจะกระทบความสัมพันธ์ ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 จะได้ประชุมเพื่อวางแผนดำเนินการต่อไป
พร้อมให้ยูเอ็นเข้าตรวจสอบ
ขณะที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีนานาชาติขอตรวจสอบแคมป์ชาวโรฮิงญาที่ อ.สะเดา ว่า กรณีพบศพชาวโรฮิงญาในพื้นที่เขาแก้วจำนวนมากเป็นผลสืบเนื่องจากการสอบสวนเชิงลึก จึงเป็นผลนำมาให้พบแหล่งพักพิงแห่งนี้ ถือว่าตำรวจทำหน้าที่เต็มที่และยังออกหมายจับขบวนการนี้ถึง 8 ราย จากแนวทางการสืบสวนเชิงลึก ทราบว่าอาจมีแหล่งพักพิงลักษณะเช่นนี้อีกอย่างน้อย 1-2 แห่ง อาจซ่อนตัวในแนวตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย อยู่ระหว่างการสืบสวนหาจุดพิกัดของเจ้าหน้าที่ ตชด.และทหาร หากอยู่ในแนวเขตประเทศไทยก็จะดำเนินการทันที ส่วนทางคดีหลังมีการออกหมายจับนักการเมืองท้องถิ่นไปหลายคนแล้ว ขณะนี้ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะเอาผิดตัวการใหญ่ ส่วนเรื่องที่องค์กรนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นยูเอ็นหรือไอโอเอ็มจะเข้ามาตรวจสอบ เรื่องนี้ทาง จนท.ตำรวจ ก็พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้อยู่แล้ว และคาดว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องการจัดลำดับการค้ามนุษย์ที่ไทยอยู่ในอันดับกลุ่มเทียร์ 3
...
จ่อหมายจับเพิ่ม ตร.–จนท.รัฐ
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ขณะนี้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนเร่งหาคำตอบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องเครือข่ายการเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงญาเข้ามาอยู่ในแคมป์ที่ปาดังเบซาร์เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือสนับสนุนเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มโรฮิงญานอกเหนือที่มีการขอหมายจับกุมแล้ว 8 คนโดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในข่ายขออนุมัติจับกุมเนื่องจากมีพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง ในส่วนการขยายผลเครือข่ายกลุ่มโรฮิงญาเป็นหน้าที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เข้าสอบสวนขยายผลนายซอ เนียง อานูหรืออันวา ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ จ.นครศรีธรรมราชในข้อหาคดีฉ้อโกงทรัพย์และเรียกค่าไถ่ชาวโรฮิงญา ซึ่งเป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา เป็นผู้ประสานงานเกี่ยวข้องนำชาวโรฮิงญาจากพื้นที่ จ.ระนองเข้าพักที่แคมป์ปาดังเบซาร์เพื่อส่งไปทำงานประเทศมาเลเซีย ตามประวัตินายอันวามีบัตรประจำตัวผู้ที่ไม่มีสัญชาติอยู่ในไทยเกิน 10 ปี ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาในไทย
แฉเส้นทางส่วยขนโรฮิงญา
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงเส้นทางส่วยโรฮิงญาจากชาวโรฮิงญารายหนึ่งว่า เส้นทางเริ่มจากเมืองยะไข่ ประเทศพม่า มีกลุ่มนายหน้าสั่งให้ชาวพม่าไปหาแรงงานชาวโรฮิงญาเข้ามาทำงานในประเทศไทยหรือประเทศมาเลเซีย โดยได้ค่าหัวรายละ 1,000-1,500 บาท เมื่อหาชาวโรฮิงญาได้กลุ่มละ 20-50 คน ก็จะพาลงเรือเล็กลงไปรวมกันบนเรือใหญ่ที่จอดรออยู่กลางทะเลประมาณ 300-500 คน ก็จะพามาส่งให้กับนายหน้าใหญ่ที่ จ.ระนอง ประมาณ 2-3 ราย ที่คอยรับและเตรียมรถกระบะและรถบรรทุกหกล้อนำชาวโรฮิงญาไปส่งให้กับนายหน้าระดับล่างอีกทอดหนึ่งที่แคมป์กักขัง อ.สะเดา จ.สงขลา ตลอดเส้นทางนายหน้าใหญ่ที่ จ.ระนองจะเป็นคนเคลียร์เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยตลอดเส้นทางลงสู่ใต้ด้วยยอดเงินรายเดือน เดือนละหลายล้านบาทเฉพาะ จ.สงขลา มียอดเคลียร์สูงสุดถึงเดือนละ 2 ล้านบาท
...
รีดค่าไถ่ญาติคนไทยหัวละแสน
สำหรับนายหน้าใหญ่จะกำหนดค่าหัวแรงงานโรฮิงญาหัวละ 3-4 หมื่นบาท แต่นายหน้าระดับล่างจะไปเรียกเงินจากญาติเกินกว่าที่นายหน้าใหญ่สั่งมาและทำเกินหน้าที่ โดยจะถามแรงงานชาวโรฮิงญาว่าใครมีญาติที่เมืองไทยหรือมาเลเซียบ้าง หากใครมีญาติก็จะขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับญาติแต่ละคนเพื่อเรียกค่าไถ่ตัวตั้งแต่ 50,000-100,000 บาท แต่หากใครไม่มีญาติหรือญาติไม่มีเงินก็จะถูกกักขังส่งต่อไปประเทศที่ 3 ต่อไป บางรายโดนทุบตี ไม่มียารักษา ทำให้ป่วยและตายในที่สุด ก่อนถูกผู้คุมนำศพฝังบริเวณดังกล่าว โดยแต่ละเดือนมีชาวโรฮิงญา ตายไม่ต่ำกว่า 10 ราย
“สมยศ” แจงเด้งฟ้าผ่า 15 ตำรวจ
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้ลงนามตามคำสั่ง ตร.ที่ 259/2558 ให้ พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จ.สตูล ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ตร. และ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.9 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จ.สตูล พ.ต.อ.ภาสกร ภักดีวานิช ผกก.สภ.ควนโดน ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร. พ.ต.อ.อาซาน จันทร์ศิริ รอง ผบก.ภ.จ.สตูล รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ควนโดน จ.สตูล พ.ต.อ.วีระสัณห์ ธารเปี่ยม ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์ ไปปฏิบัติราชการ ศปก.ตร. พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์ คำสั่งมีผลให้ผู้ที่ปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ให้ขาดจากตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร.มอบหมาย จนกว่าคำสั่งเปลี่ยนแปลง คำสั่งตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.โดยให้รายงานตัวที่ ศปก.ตร. ก่อน 16.00 น.
ท้องที่ปาดังเบซาร์โดนยกโรงพัก
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีคำสั่งให้ 1.พ.ต.ท.ภูวรา แก้วพารัตน์ รอง ผกก.ปว.สภ.ปาดังเบซาร์ 2.พ.ต.ท.กติกา จิตบรรจง รอง ผกก.สส.สภ.ปาดังเบซาร์ 3.พ.ต.ต.อภิชาติ กุลโรจนสิริ สวป.สภ.ปาดังเบซาร์ 4.พ.ต.ต.ซาการียา มรรคาเขต สวป.สภ.ปาดังเบซาร์ 5.พ.ต.ต.เกริกชัย ฉันทจิตต์ สว.สส.สภ.ปาดังเบซาร์ 6.ร.ต.ท.อารีย์ หมัดสมัน รอง สวป.สภ.ปาดังเบซาร์ 7.ร.ต.ท.มงคล สุโร ผบ.มว. ร้อย ตชด.43 8.ร.ต.ท.สุนันท์ แก้วมณี รอง สว.(ป.) หมวด การข่าว บก.ตชด.43 9.ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผบ.หมู่ ป.สภ.ปาดังเบซาร์ 10.ด.ต.สุชาติ จันทบูรณ์ ผบ.หมู่ ป.สภ.ปาดังเบซาร์ 11.ด.ต.สุกาจ โสบผอม ผบ.หมู่ กก.ตชด.43 และ 12.ด.ต.เฉลิมพล จันทรัตน์ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.6 ในคำสั่งปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ให้ขาดตำแหน่งเดิมเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ผบ.ตร.จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยรายงานผลเวลา 16.00 น. วันที่ 5 พ.ค.
...
เผยข้อมูลทางลับมีส่วนพัวพัน
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ตำรวจที่โดนย้ายทั้งหมดผลการสืบสวนทางลับมีพฤติการณ์พัวพัน มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรับผลประโยชน์จากขบวนการค้ามนุษย์และปล่อยปละละเลย ซึ่งเป็นชุดแรกในการสืบสวนชั้นนี้ แต่คิดว่าจะมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ในส่วนตำรวจจะเรียกออกจากพื้นที่ ถ้ามีพยานหลักฐานเข้าข่ายความผิดจะต้องดำเนินคดีอาญาทันที ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยอื่นที่อยู่ในข่ายเกี่ยวข้องจะรวบรวบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี ขณะนี้การสืบสวนเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง 3 จังหวัดคือ จ.ระนอง ต้นทางรับชาวโรฮิงญา จ.สตูล และ จ.สงขลา คิดว่าไม่นานจะมีการขออนุมัติหมายจับกุมอีกหลายคน เป็นคำสั่งเด็ดขาดของนายกรัฐมนตรีให้สืบสวนตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น ถึงไหนใครเกี่ยวข้องดำเนินการให้หมด คงได้เห็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องสละชีพเพื่อชาติ เพราะเป็นเรื่องที่มีปัญหาอย่างมากกับประเทศในเรื่องค้ามนุษย์ ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ
ประสานทางการมาเลเซียช่วย
ส่วน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า รับรายงานเบื้องต้นพบค่ายกักกันชาวโรฮิงญาเพิ่มอีก 1 ค่ายใกล้กับค่ายเดิมที่พบก่อนหน้านี้ พบหลุมฝังศพอีกประมาณ 5 หลุม ส่วนการดำเนินคดีของ 8 ผู้ต้องหาที่ได้ดำเนินการออกหมายจับไปแล้ว ทราบว่ามีการเข้ามอบตัวเพิ่มอีก 1 คน ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ ชื่อนายยาหลี เขร็ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ขณะนี้ผู้ที่ถูกออกหมายจับหรือที่จับได้ เป็นระดับผู้บริหารค่ายหรือผู้บริหารในพื้นที่ทั้งนั้น ต่อไปต้องไปดูในเรื่องนายทุนการประสานกับส่วนอื่นๆ ซึ่งอาจจะมีชาวต่างชาติร่วมกระบวนการด้วย ส่วนการเสียชีวิตของชาวโรฮิงญาที่ตรวจพบน่าจะเป็นการทยอยกันตาย ไม่ใช่การตายในครั้งเดียว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสุสาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์เส้นทางต่างๆ ว่ามีเส้นทางการเดินทางมาอย่างไร เมื่อขึ้นรถจาก จ.สตูล มีการใช้เส้นทางทางเท้ามายังที่เกิดเหตุได้อย่างไร มีการประสานกับทางการประเทศมาเลเซียในเรื่องรายละเอียดของบุคคลที่มีข้อมูลว่าข้ามไป จะเป็นมาตรการต่อไปถ้ามีการสืบทราบว่ามีคนมาเลเซียร่วมอยู่ในกระบวนการ จะมีการประสานในเรื่องนี้กันอีกครั้ง ที่ผ่านมาทางประเทศมาเลเซียให้ความร่วมมือมาโดยตลอด
ผบก.สตูลโต้ไม่เกี่ยวโรฮิงญา
ด้าน พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ภ.จ.สตูล เปิดเผยภายหลังได้รับคำสั่งย้ายในครั้งนี้ว่า สำหรับ จ.สตูล ชาวโรฮิงญาจะผ่านมาทางทะเลเพื่อเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางทะเลสากล แต่หากพบขึ้นฝั่งที่ จ.สตูล ตำรวจ ทหารเรือ กอ.รมน.ฝ่ายปกครอง ก็จะจับกุมและกวดขันเฝ้าตรวจระวังตลอดเวลา ล่าสุดเมื่อ 1 เม.ย.58 จับกุมชาวโรฮิงญาได้กว่า 50 คน ส่วนชาวโรฮิงญาที่ปาดังเบซาร์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่จับได้ใน จ.สตูล เรื่องนี้ตนสามารถชี้แจงกับผู้บังคับบัญชาได้และมั่นใจว่าผู้บังคับบัญชาให้ความเป็นธรรม ส่วนกรณีที่ตนถูกย้ายในครั้งนี้เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา เป็นข้าราชการผู้บังคับ บัญชาย้ายไปอยู่ไหนก็พร้อมรับปฏิบัติ
ผกก.ควนโดนยันย้ายมาทีหลัง
ด้าน พ.ต.อ.ภาสกร ภักดีวานิช ผกก.สภ.ควนโดน จ.สตูล ที่ถูกคำสั่งย้ายเช่นเดียวกัน กล่าวว่า ทราบคำสั่งโยกย้ายแล้ว และกำลังเดินทางไปรายงานตัว จริงๆแล้วตนเพิ่งย้ายไปอยู่ที่ สภ.ควนโดน เมื่อวันที่ 15 ม.ค.58 ขณะที่มีการจับกุมชาวโรฮิงญาที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 11 ม.ค.58 ดังนั้นจะโยงตนไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ส่วนคำสั่งย้ายนั้น ตนพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และพร้อมชี้แจงความบริสุทธิ์ได้ทุกกรณี
นายกฯสั่งคุมเข้มคาดโทษ จนท.
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งการเพิ่มเติมเรื่องการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ว่า ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและใกล้ชิด โดยให้ฝ่ายปกครองทุกพื้นที่เข้าไปติดตามตรวจสอบทุกตารางนิ้ว หากปล่อยปละให้มีสถานกักกัน กุมขัง เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ หรือสนับสนุนให้ที่พักพิงแก่ขบวนการค้ามนุษย์ ฝ่ายปกครองจะต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะหากเกิดเหตุร้ายแรงลักษณะเช่นที่เกิดขึ้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา อีกจะต้องย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะถือเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับปล่อยปละละเลย สำหรับผู้เรียกรับหรือมีส่วนได้รับผลประโยชน์ จะถูกสอบสวนลงโทษทั้งวินัย และอาญา นอกจากให้ฝ่ายปกครองตรวจสอบพื้นที่ตนเองแล้ว นายกฯยังบัญชาให้ตำรวจ ทหาร ลงตรวจสอบพื้นที่ของตนด้วย โดยไม่เพียงติดตามปัญหาการค้ามนุษย์เท่านั้น แต่ต้องตรวจสอบ การกระทำผิดอื่นๆ ทั้งเรื่องการบุกรุกป่า ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพล อาชญากรรมร้ายแรง หากพบการกระทำผิดในพื้นที่ และมีเหตุเชื่อว่า เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ ให้ดำเนินการย้ายออกนอกพื้นที่ ต้องถูกสอบสวนและลงโทษสถานหนัก
มะกันเรียกร้องไทยแก้ปัญหา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อ 4 พ.ค.ว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเรียกร้องให้ทางการไทยทำการสอบสวนอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และเชื่อถือได้ กรณีที่มีการขุดพบศพอย่างน้อย 26 ศพ ในหลุมฝังศพหมู่ในป่าที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ติดพรมแดนมาเลเซีย คาดว่าจุดที่พบหลุมฝังศพหมู่เป็นค่ายกักขังผู้อพยพต่างด้าวที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ถึง 400 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมโรฮิงญาจากเมียนมาร์และบังกลาเทศ โดยให้เจ้าหน้าที่ไทยสอบสวนเรื่องการเสียชีวิตและค่ายดังกล่าวอย่างเต็มที่ และนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้ พร้อมทั้งระบุว่า สหรัฐฯติดต่อกับรัฐบาลไทย สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอเอ็มโอ) เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ไทยกำลังสอบสวนรายงานการค้นพบค่ายกักขังเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์แห่งอื่นๆอยู่อย่างเข้มข้น
ชี้เหตุถูกปรับอยู่กลุ่ม “เทียร์ 3”
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐสมรู้ร่วมคิดกับการสร้างค่ายกักขังเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ แต่ความเกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่ไทยในขบวนการค้ามนุษย์เป็นปัญหาที่สหรัฐฯ เคยบันทึกเป็นเอกสารไว้ในอดีต อนึ่ง เมื่อเดือน มิ.ย. 2557 สหรัฐฯ ปรับลดอันดับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ของไทยลงไปอยู่อันดับ 3 หรือ “เทียร์ 3” ระดับต่ำสุด เท่ากับเกาหลีเหนือ ซีเรีย และอุซเบกิสถาน แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าไทยจะถูกปรับไปอยู่ระดับใดในผลการสำรวจครั้งหน้าที่จะมีการประกาศในเดือน มิ.ย.นี้