ยังไม่จบคดีซื้อศพไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ ตร.ภาค 5 มีหลักฐานยืนยันว่ามีการซื้อขายซากศพจากสุสานหายยาจริง โดยทั้งพระและฆราวาส ตั้งตัวเป็นเจ้าสำนักร่วม 10 แห่ง ปลุกเสกกุมารทอง ลูกกรอก น้ำมันพรายขายนักท่องเที่ยวจีน เตรียมกวาดล้างใหญ่...
จากกรณีตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับทหาร บุกตรวจสอบวัดห้วยดินจี่ หมู่ 5 ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พระเฉลิมหรือ นายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสซึ่งถูกจับสึกไปเมื่อปีที่แล้ว มีการสร้างวัตถุมงคลโดยใช้วิชาไสยศาสตร์ นำซากศพเด็กมาผสมเพื่อขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เชื่อในเรื่องนี้
กระทั่งต่อมา พระเฉลิมถูกจับสึกคดีเสพเมถุน ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมสารภาพว่าได้นำศพเด็กที่ซื้อมาจากสัปเหร่อหญิงคนหนึ่งชื่อ ‘ป้าบุญ’ อยู่ที่สุสานหายยา ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ มาทำพิธีและฝังไว้ในวัด ซึ่งจากการไปตรวจที่สุสานหายยา พบชิ้นส่วนมนุษย์ 16 ถุง ต่อมา ‘ป้าบุญ’ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน อ้างว่าไม่รู้จักกับนายเฉลิม และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขายศพแต่อย่างใด
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 เม.ย. 58 ทางตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ. 5 เปิดเผย ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามบุคคลในกลุ่มไสยศาสตร์ ที่พบว่ามีประมาณ 10 คน อาศัยอยู่พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คาดว่าจะมีส่วนพัวพันกับคดีพบชิ้นส่วนมนุษย์ 16 ถุง โดยพรุ่งนี้ (28 เม.ย. 58) จะเรียกตัว นายสุทัศน์ เนรมิตร สัปเหร่อสุสานหายยา จังหวัดเชียงใหม่ และนางสมบูรณ์ เนรมิตร หรือ ‘ป้าบุญ’ สองสามีภรรยา มาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมแจ้งข้อหา ตามความผิดพระราชบัญญัติสาธารณสุข ฐานลักลอบ รับ ขน กำจัดขยะเเละสิ่งปฏิกูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
...
ทั้งนี้ เเนวทางสืบสวนทราบว่า มีการสั่งซื้อชิ้นเนื้อที่ตรวจพบในสุสาน โดยผู้สั่งซื้อคือบรรดาเจ้าสำนักต่างๆ เพื่อนำไปทำเครื่องรางของขลังจริง ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลในเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ทาง ผศ.นายเเพทย์นิสิต วรรธนัจฉริยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ออกหนังสือชี้เเจง กรณีพบชิ้นเนื้อมนุษย์ที่พบในสุสานหายยา ว่าทางโรงพยาบาล ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยชิ้นเนื้อดังกล่าว ไม่ได้ถูกปล่อยออกมาจากโรงพยาบาลเเต่อย่างใด เนื่องจากชิ้นเนื้อของโรงพยาบาลได้ส่งให้สุสานของวัดอีกแห่งหนึ่งนอกเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ ดำเนินการเผาทำลาย
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า จากการสืบสวนของตำรวจเชียงใหม่ พบว่าแหล่งใหญ่ในการจำหน่ายชิ้นส่วนศพจะอยู่ที่ ‘ป้าบุญ’ ภรรยาสัปเหร่อสุสานหายยา โดย ‘ป้าบุญ’ จะรับชิ้นส่วนศพมาจากโรงพยาบาลต่างๆ ในเขตภาคเหนือ และมีเจ้าสำนักทั้งที่เป็นพระสงฆ์ ฆราวาส เป็นคนสั่งออเดอร์ ซึ่งการซื้อขายกันนั้นมีทั้งชิ้นส่วนศพ และศพทารกที่สมบูรณ์ สนนราคาตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักพันบาท เมื่อเจ้าสำนักได้ของไปแล้ว ก็จะนำไปประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ซึ่งแต่ละสำนักจะมีของดีที่อวดอ้างสรรพคุณในเรื่องไสยศาสตร์แตกต่างกันออกไป บางสำนักเน้นขายกุมารทอง บางสำนักเน้นขายลูกกรอก และบางสำนักเน้นทำน้ำมันพราย เป็นต้น เมื่อผลิตสินค้าได้แล้ว จะมีการนำไปจำหน่ายตามท้องตลาด และแหล่งขายที่รู้กันในวงใน ซึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ มีไม่ต่ำกว่า 10 สำนัก
"เมื่อมีสินค้าวางจำหน่ายแล้ว จะมีไกด์ทัวร์บางคน เป็นคนพานักท่องเที่ยวชาวจีน สิงคโปร์ และไต้หวัน ไปหาซื้อถึงสำนัก หรือตามตลาดขายเครื่องรางของขลังที่มีอยู่หลายแห่งในเมืองเชียงใหม่ โดยไกด์กลุ่มนี้จะได้ส่วนแบ่งจากผู้ขาย ร้อยละ 10 หรือตามแต่จะตกลงกัน ซึ่งเจ้าสำนักเหล่านี้ นอกจากจะผลิตวัตถุมงคลในเมืองไทยแล้ว ยังจะถูกเชิญจากกลุ่มลูกค้า ให้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อทำไสยศาสตร์แบบขายตรงอีกด้วย โดยทางตำรวจทราบกลุ่ม และชื่อของบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว ทางชุดสืบสวนได้เตรียมเข้าตรวจค้นสำนักในเขตพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งได้ให้ตำรวจในท้องที่ประกบตัวเจ้าสำนักไว้แล้ว อยู่ระหว่างรอหมายศาลเข้าทำการตรวจค้น คาดว่าจะเจอชิ้นส่วนศพอีกจำนวนมาก" แหล่งข่าว ระบุ.