ศาลยกฟ้อง มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ข้อหาหมิ่นประมาท 'ยิ่งลักษณ์' คดี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ พิเคราะห์เป็นการติ-ชม ด้วยความสุจริต จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 เมษายน ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.2493/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่นส์

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ 2555 จำเลยได้แถลงข่าวหมิ่นประมาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ขณะนั้น ว่า มีพฤติการณ์และความประพฤติผิดจริยธรรม ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียชื่อเสียง โจทก์จึงขอให้ยึดทำลายเอกสารที่มีข้อความดังกล่าว และโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 7 วัน โดยในวันนี้ นางมัลลิกา จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาล พร้อมด้วยทนายความ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วม ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ส่งผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำพิพากษาแทน ขณะที่เมื่อถึงเวลาอ่านคำพิพากษา ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในคดี เข้าร่วมฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณา โดยให้เพียงแต่คู่ความที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์และโจทก์ร่วม นำพยานขึ้นเบิกความ แต่ประเด็นการเบิกความของพยานโจทก์แตกต่างกัน ทั้งในประเด็นเรื่องของห้องที่ใช้ในการประชุมที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ ก็เบิกความเป็นคนละห้องกัน ส่วนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ติดตามโจทก์ร่วมก็ไม่ได้อยู่ภายในห้องประชุมด้วย โดยนั่งรออยู่ด้านนอกห้องประชุม ชั้น 7 รวมทั้งตัวโจทก์ร่วมเองและนักธุรกิจที่เข้าร่วมประชุมกับโจทก์ร่วมในวันดังกล่าว ก็ไม่ได้มาเบิกความเป็นพยานต่อศาล จึงมีข้อพิรุธสงสัยว่า โจทก์ร่วมอยู่ในการประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ชั้น 7 ด้วยหรือไม่ อีกทั้งโจทก์ร่วมไม่ได้แจ้งกำหนดการดังกล่าวให้สื่อมวลชนทราบ จึงเป็นที่สงสัยแห่งสาธารณชน และไม่ปรากฏว่า โจทก์ร่วมฯ ได้ออกมาชี้แจงหรือแถลงข่าวในกรณีดังกล่าวให้ทราบแต่อย่างใด จำเลยในฐานะประชาชน และในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมีสิทธิที่จะติชมการทำงานของฝ่ายรัฐบาล และสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ส่วนข้อความที่จำเลยแถลงข่าวนั้น ก็ไม่ได้ชี้ชัดว่า เป็นการกล่าวหาโจทก์ร่วมในประเด็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผิดจริยธรรมหรือไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรบ้าง พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วม ที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง

...

ด้าน นางมัลลิกา กล่าวว่า ขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรม พิพากษายกฟ้อง ตนในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารประเทศ สาระสำคัญของคดีนี้ คือ ข้อมูลที่โจทก์นำมายื่นฟ้องนั้น เมื่อมีการนำสืบพยานในชั้นศาลที่จะต้องชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียดแล้วปรากฏว่า พยานฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วม ต่างเบิกความไม่ตรงกันในหลายประเด็น อีกทั้งไม่ได้มีการนำนักธุรกิจที่อ้างว่าเข้าร่วมประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาสืบพยานในชั้นศาลแม้แต่คนเดียว ศาลเห็นว่า การแถลงข่าวของตนเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมสุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ทั้งนี้ หากโจทก์หรือโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ เราก็จะสู้อุทธรณ์ต่อไป

“เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ศาลให้ความเป็นธรรม จากการทำหน้าที่ในฐานะรองโฆษกพรรคฯ ในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร เราก็คงต้องยึดมั่นในการทำหน้าที่ต่อไป เพราะศาลได้ให้ความมั่นใจว่า ถ้าเราตั้งใจทำงานแล้ว ก็จะส่งผลดีต่อเรา” นางสาวมัลลิกา กล่าว และว่า สำหรับคดีโฟร์ซีซั่นส์ มีทั้งหมด 3 สำนวน แต่ในส่วนของตนเองมีเพียงคดีนี้คดีเดียว ซึ่งศาลก็ได้พิพากษายกฟ้องแล้ว ส่วนคดีของนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ศาลก็ยกฟ้องแล้วเช่นกัน จึงเหลือเพียงคดีที่ นายชวนนท์, นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา ผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ทางช่องบลูสกายเป็นจำเลยร่วม 3 คน เพียงคดีเดียวเท่านั้น