เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองสมุทรสาคร กางโต๊ะแถลงผลงานการจับกุมหนุ่มใหญ่วัย 32 ปี ก่อเหตุหลอกลวงผู้ประกอบการค้าน้ำมัน สิบกว่าครั้ง ได้เงินประมาณ 15 ล้านบาท หลังถูกจับกุมได้ที่สถานบันเทิงชื่อดังย่านลาดพร้าว
เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 24 เม.ย. 58 ที่ บก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ชัยยุทธ ถมยา ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.มาโนช จันทร์เที่ยง รอง ผกก.สส. สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาคร ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายธนธรณ์ หรือก้อง นวลเพชร อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/176 ม.5 ต.เขารูปช้าง อ.เมือง จ.สงขลา ข้อหาฉ้อโกงผู้อื่น
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 พ.ย. 57 นางนันชภรณ์ วัฒนจันทร์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127/114 ซอยรามอินทรา แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ได้ถูกนายธนธรณ์ นวลเพชร หลอกว่าสามารถซื้อน้ำมันจากคลังน้ำมันได้ในราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาดทั่วไปจากนั้นได้หลอกให้โอนเงินไปให้เป็นเงินจำนวน 800,000 บาท แต่เมื่อผู้เสียหายได้นำรถเข้าไปเติมน้ำมันที่คลังน้ำมันหมู่ 1 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร แล้วแต่ไม่สามารถนำรถออกมาได้ เนื่องจากนายธนธรณ์ไม่ได้เอาเงินไปจ่ายให้กับคลังน้ำมัน
ต่อมาทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร จึงได้ขออนุมัติหมายศาลจังหวัดสมุทรสาคร ออกหมายจับ จนกระทั่งเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 24 เม.ย. 58 ทางด้าน พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร จึงได้ไปจับกุมนายธนธรณ์ นวลเพชร ได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าสถานบันเทิง มอนติคาโล ซอยโยธินพัฒนา แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. จากการสอบสวน นายธนธรณ์ ได้ยอมรับว่าตนมีอาชีพรับจ้างถมดินและได้ฉ้อโกงจริง ซึ่งทำมาหลายครั้งแล้วเพราะต้องการเงินไว้ใช้จ่าย
...
โดยทางด้าน พ.ต.อ.ชัยยุทธ เปิดเผยว่า สำหรับผู้ต้องหารายนี้เคยก่อเหตุฉ้อโกงมาแล้วนับสิบครั้งได้เงินไปประมาณ 15 ล้านบาท โดยมีผู้เสียหายในพื้นที่เมืองสมุทรสาคร 2 ราย และพื้นที่อื่นอีกจำนวนมาก ถ้าผู้ประกอบการรายใดเคยถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวให้มาดูตัวพร้อมร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร
ซึ่งในครั้งนี้ ได้มีนางสิริกร ภัทร์คงสิน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 95 ม.5 ต.ลาดหลุมแก้ว อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี ประธานกรรมการบริหารบริษัทแห่งหนึ่ง มาชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหา พร้อมกล่าวว่า นายธนธรณ์ ได้มาหลอกลวงทรัพย์สินของบริษัท โดยผู้ต้องหาจะมาที่บริษัทแล้วบอกว่าเป็นตัวแทนของบริษัทที่ค้าขายน้ำมัน ซึ่งจะซื้อตั๋วน้ำมันดีเซลเพื่อไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดพิจิตรประมาณ 30,000 กว่าลิตร มูลค่าประมาณ 1,300,000 บาท จากนั้นก็บอกยี่ห้อรถและทะเบียนรถเพื่อไปรับน้ำมันที่คลังน้ำมันจากบางประอิน และทางผู้ต้องหาจะชำระเงินโดยสั่งซื้อแคชเชียร์เช็คให้ โดยได้พาลูกน้องของบริษัทที่ตนรู้จักมาด้วยเพื่อความบริสุทธิ์ใจ และเมื่อไปถึงธนาคารก็หลอกลูกน้องที่พาไปว่าจะมาตรวจสอบเงินที่ตู้เอทีเอ็มว่าเข้าบัญชีหรือยัง จากนั้นอาศัยจังหวะพนักงานเผลอ ขับรถเก๋งหลบหนีไปในทันทีและทางพนักงานได้โทรแจ้งบริษัท ทำให้ทางบริษัทได้ระงับรถบรรทุกเอาไว้ และทางตนจึงรู้ว่าถูกฉ้อโกงแน่เพราะทางตนได้โอนเงินไปหมดแล้วจึงทำการแจ้งความไว้ที่ สภ.บางประอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ดำเนินการกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป