“บิ๊กป๊อก” ลั่นปมโบนันซ่ารุกป่าสงวนว่าไปตามกฎหมาย ฟันไม่ไว้หน้าคนทำผิด อธิบดีกรมที่ดินสั่งสอบแจ้งผลใน 20 วัน ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส.ป.ก.โร่แจ้งความโบนันซ่าฐานบุกรุก เล็งฟ้องรื้อถอนเรียกค่าเสียหาย ชี้ไม่ใช่รัฐบาลชุดปัจจุบันยึดคืนไม่ได้ เตรียมประชุมใหญ่ทั่วประเทศเดินหน้าทวงคืนที่ดินจากนายทุนรายใหญ่ ส่วนป่าไม้ที่ 8 สรุปพบโบนันซ่าบุกรุกพื้นที่ 103 ไร่ ทำหนังสือแจ้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและสนามแข่งรถ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ เร่งตรวจหลักฐานรีสอร์ตดังฟ้องขับไล่ สภ.หลีเป๊ะ บุกรุกที่เอกชน แฉนายทุนบุกรุกเกือบครึ่งเกาะ เตรียมแจ้งความดำเนินคดีเพิ่ม 10 แห่ง คสช.ใช้มาตรา 44 เพิ่มประสิทธิภาพบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชน

จากกรณี พ.อ.สมหมาย บุษบา คณะทำงานด้านกฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบบริเวณสนามแข่งรถโบนันซ่าสปีดเวย์อินเตอร์เนชั่นแนล และพื้นที่ปลูกบ้านพักโบนันซ่ารีสอร์ตเขาใหญ่ ที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมพื้นที่กว่า 151 ไร่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า ที่กระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 8 เม.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ถ้าเรื่องที่ดินมีการสอบสวนคงเริ่มมาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตรวจสอบมาทางกรมที่ดินถ้าหลักฐานชี้ว่าได้มาโดยมิชอบก็ต้องเพิกถอน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสังคมไม่ว่าใครก็แล้วแต่ทำความผิดเมื่อตรวจสอบพบต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ผอ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า กรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ โดยเฉพาะกรณีโบนันซ่าเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน ในส่วนทหารไม่ได้สั่งการอะไรลงไปเป็นพิเศษ เพราะว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราต้องการให้ทรัพยากรของชาติกลับมาเป็นของชาติเหมือนเดิม

...


นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.นครราชสีมา อยู่ระหว่างการสำรวจและรายงานว่าที่ดินรวม 5 แปลง อยู่ที่ในเขตป่าสงวนฯ ป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง และเขาอ่างหิน เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับทางเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ รวมถึงเกี่ยวเนื่องกับ พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ จึงสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดิน จ.นครราชสีมา ดำเนินการตรวจสอบร่วมกันอย่างละเอียดภายใน 20 วัน และให้รายงานผลการตรวจสอบมาที่ตน คาดว่าหลังเทศกาลสงกรานต์จะได้ข้อสรุป เรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาตรวจสอบดูว่าเจ้าของที่ดินได้มาก่อนประกาศเป็นเขตป่าสงวนหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งว่า ส.ป.ก.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับโบนันซ่าแล้ว ข้อหาบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. จำนวน 79 ไร่ ตนได้กำชับว่าจะต้องเร่งรัดดำเนินคดีให้ได้เร็วที่สุด ตามนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการเป็นเรื่องเร่งด่วนให้ ส.ป.ก. ทวงคืนพื้นที่กลับมาให้ได้ เนื่องจากมีที่ดิน ส.ป.ก. จำนวนมากที่ไปตกอยู่ในมือของนายทุนและผู้บุกรุก

สำหรับการฟ้องร้องจะมีการฟ้องร้องรื้อถอนและฟ้องร้องขับไล่ขอคืนพื้นที่ ก่อนหน้านี้โบนันซ่าระบุว่ามีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก. แต่ภายหลังระบุว่าไม่มีเอกสาร ส.ป.ก. จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วยแต่จะเป็นจำนวนเท่าใดจะต้องสั่งให้มีการเปรียบเทียบภาพถ่ายทางอากาศก่อนและหลังมีการบุกรุกว่าพื้นที่ถูกถมปรับสภาพเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด จากนั้นจึงจะประเมินมูลค่าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อไป

“เรื่องนี้ ส.ป.ก.นครราชสีมา ทราบอยู่แล้วว่าโบนันซ่ารุกล้ำเข้ามาในที่ของ ส.ป.ก. ประมาณ 79 ไร่ ควบคู่ไปกับการรุกล้ำพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ แต่สาเหตุที่ข้าราชการไม่กล้าเข้าไปดำเนินการ เพราะไม่อยากทะเลาะกับนักการเมือง ผมบอกได้เลยว่าถ้าไม่ใช่ รมว.เกษตรฯ คนปัจจุบันที่ไฟเขียวให้เข้าไปจัดการแบบลุยแหลก วันนี้อาจจะยังไม่สามารถทวงคืนที่ดินได้ ถ้านโยบายสั่งการลงมาชัดข้าราชการก็พร้อมเดินหน้าเต็มที่”

นายสรรเสริญกล่าวอีกว่า ขณะนี้ ส.ป.ก.อยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดที่จัดสรรไปแล้ว 35 ล้านไร่ ว่าถูกเปลี่ยนมือ ถือครอง หรือรุกล้ำโดยนายทุนมากน้อยเพียงใด เนื่องจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่าการตรวจสอบยังล่าช้า ดังนั้น ส.ป.ก. ส่วนกลางจะวางเกณฑ์ 2 เรื่องให้ชัดเจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ดำเนินการตามกฎหมายได้ง่ายขึ้น คือ 1.วิธีการตรวจสอบพื้นที่ และ 2.วิธีการดำเนินคดีจะต้องง่ายกว่าเดิม โดยในวันที่ 16 เม.ย.นี้จะจัดประชุมใหญ่ผ่านระบบทางไกลผ่านระบบวีดิโอ (เทเลคอนเฟอเรนซ์) กับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ทั่วประเทศ เป้าหมายจะเล็งไปพื้นที่แปลงใหญ่ที่มีนายทุนครอบครอง เบื้องต้นจะเจรจากับนายทุนให้คืนพื้นที่เอง หากไม่สำเร็จจะส่งรายชื่อให้เจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เข้าไปดำเนินการต่อไป

...

นายสุรวุฒิ ใจกิจสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 ได้รวมรวบเอกสารหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว เบื้องต้นสรุปพบว่ามีพื้นที่ถูกบุกรุกทั้งที่เป็นเขตป่าสงวนฯ และ ส.ป.ก. รวมทั้งหมด จำนวน 103 ไร่ ผู้บุกรุกจะมีความผิดตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ทั้งนี้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา สั่งการไปยังหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) เป็นหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ทำหนังสือแจ้งให้โบนันซ่าทำการรื้อถอนบ้านพัก 16 หลัง แท็งก์น้ำ และพื้นที่ถนนในสนามแข่งรถ และจะเปิดโอกาสให้โบนันซ่าหาหลักฐานเอกสารสิทธิการครอบครองมาแสดงภายใน 15 วัน หากไม่มีเอกสารมาแสดงจะแจ้งให้ทำการรื้อถอนภายใน 30 วันต่อไป หากครบกำหนดไปแล้วยังไม่รื้อถอน กรมป่าไม้จะเข้าทำการรื้อถอนเองกระบวนการขั้นตอนทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือน มิ.ย.นี้

นายสุนทร กัณหาจันทร์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จะนำป้ายไปปักเพื่อยึดคืนพื้นที่จากโบนันซ่าในวันที่ 9 เม.ย. จำนวนเนื้อที่ตรวจยึด 103 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา โดยในป้ายมีข้อความว่าห้ามบุคคลใดเข้าไปในพื้นที่หรือกระทำด้วยประการใดจะเป็นความผิดตามกฎหมาย

พ.ต.อ.บัญญัติ ทั่งกลาง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้างานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้ทำแบบฟอร์มการสอบสวนให้พนักงานสอบสวนที่จะใช้ในเรื่องนี้ พร้อมขอเอกสารรายละเอียดของ น.ส.3 ก. ทั้ง 5 แปลง เพื่อดูว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

วันเดียวกัน นายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณี สภ.หลีเป๊ะ บนเกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ถูกบันดาหยา รีสอร์ต ฟ้องร้องขับไล่ โดยกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินมีเอกสารสิทธิของรีสอร์ตว่า เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมเอกสารเพื่อตรวจสอบเอกสารที่ทางรีสอร์ตอ้างได้ออกโดยถูกต้องหรือไม่ และเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ให้เกิดความชัดเจนว่าที่ดินจำนวน 10 ไร่ เป็นเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และมีการมอบให้สร้างหน่วยบริการประชาชนจนเป็น สภ.หลีเป๊ะ จนถึงปัจจุบัน

...

“บนเกาะหลีเป๊ะนั้นมีเนื้อที่ทั้งหมด 1,250 ไร่ เดิมเป็นที่อุทยานฯทั้งหมด มีที่ราชพัสดุแค่ 36 ตารางวาเท่านั้น แต่ปัจจุบันตรวจสอบพบว่ามีเอกชนเข้ามาบุกรุกเกือบจะครึ่งเกาะ หรือประมาณ 500 ไร่ มีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 12 รีสอร์ต ขณะนี้เตรียมการที่จะเข้าแจ้งความเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 รีสอร์ต”

นายสมัครกล่าวต่อว่า ในวันที่ 9 เม.ย. จะประชุมเรื่องการแก้ปัญหาที่ดินชุมชนชาวเกาะหลีเป๊ะมี พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง ประธานแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่อยู่อาศัยพื้นที่ทำกิน และพื้นที่จิตวิญญาณของชุมชนชาวเล เป็นประธานการประชุม โดยจะมีการหารือและหาแนวทางการแก้ปัญหาที่ดินในภาพรวมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเกาะหลีเป๊ะ กรมอุทยานแห่งชาติจะส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมด้วย

เมื่อเวลา 18.40 น. ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 4/2558 เรื่องมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ โดยที่ปรากฏว่าในปัจจุบันยังคงมีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นจำนวนมาก และการบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างไม่เคร่งครัดและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ส่งผลให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ และก่อให้เกิดปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในเรื่องต่างๆ เช่น การบุกรุกที่สาธารณะป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ การใช้ประโยชน์ในพื้นที่สาธารณะกีดขวางทางจราจร ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นต้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

1.ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อบังคับใช้กฎหมายอาจขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร โดยแจ้งความประสงค์ไปยัง รมว.กลาโหม เพื่อพิจารณามอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไปปฏิบัติตามคำขอดังกล่าว ในกรณีที่เห็นสมควร รมว.กลาโหม อาจขอให้หัวหน้า คสช. มีคำสั่งมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งหรือหลายฉบับ เพื่อประโยชน์ในการบังคับใช้กฎหมาย 2. ในการปฏิบัติการตามข้อ 1 ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่ได้รับมอบหมายมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับเจ้าพนักงาน รวมทั้งให้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 3.ให้เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายนั้นขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนตามกฎหมายนั้นๆโดยเคร่งครัด และให้ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการตามคำสั่งนี้ หากขัดขืนหรือไม่ให้ความร่วมมือจนก่อให้เกิดความเสียหายในการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดวินัยร้ายแรง

...