ผอ.ป่าไม้โคราช แจ้งผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบสนามแข่งรถโบนันซ่า รุกที่ดินป่าสงวนฯ และ ส.ป.ก.รวมกัน 103 ไร่ ให้เวลาหาเอกสารมายืนยัน 15 วัน หากไม่มีมาแสดงจะแจ้งให้รื้อถอนภายใน 30 วัน ล่าสุดเตรียมป้ายไปปักห้ามดำเนินการใดๆ ในพื้นที่...

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 58 นายจิระศักดิ์ สุจริตตานันท์ เจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา สาขาปากช่อง ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการก่อสร้างสนามแข่งรถโบนันซ่า สปีดเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล หมู่ 11 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นคราชสีมา ที่มีการตรวจพบว่า พื้นที่สนามแข่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน จำนวนกว่า 100 ไร่ และอีก 55 ไร่ มีเอกสารเป็น น.ส.3 ก. จำนวน 5 แปลง ซึ่งเป็นการออกเอกสารจากการเดินสำรวจโดยเจ้าหน้าที่รังวัดจากกรมที่ดิน และต่อมามีการตรวจพบว่าออกโดยมิชอบ ไปออกในพื้นที่ป่าถาวร และป่าสงวนฯ ตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้

เจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา สาขาปากช่อง กล่าวว่า ในส่วนของตนได้เตรียมตั้งเรื่อง พร้อมรวบรวมเอกสารเสนอต่อเจ้าพนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา เพื่อเสนอต่ออธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งการออกเอกสาร น.ส.3 ก.ดังกล่าว ขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน ม.58 ที่ห้ามเดินเข้าไปสำรวจในเขตป่าถาวร หรือป่าสงวนฯ ซึ่งบริเวณดังกล่าวประกาศเป็นเขตป่าถาวรเมื่อปี พ.ศ. 2504 และในบริเวณใกล้เคียง ยังเป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้ได้มอบให้ สนง.ปฏิรูปที่ดิน ออกเอกสาร ส.ป.ก.4-01 อีกด้วย โดยจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเฉพาะของสำนักงานที่ดินเท่านั้น

ทั้งนี้ จากเอกสารจากฝ่ายทะเบียนของสำนักงานที่ดิน จ.นครราชสีมา สาขาปากช่อง ระบุมีผู้ครอบครองที่ดิน น.ส.5 ก. จำนวน 5 แปลง เนื้อที่ 55 ไร่ 3 งาน 63 ตารางวา ดังนี้

แปลงที่ 1 น.ส.3 ก. เลขที่ 925 เนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา มีบริษัท ซับม่วง จำกัด เป็นเจ้าของ โดยการเดินสำรวจออก น.ส.3 ก. เมื่อปี พ.ศ. 2519 โดยมีเจ้าหน้าที่ช่างรังวัดจากกรมที่ดินเป็นผู้เดินสำรวจ มีนางสอน คำพลกรัง เป็นผู้นำเดินสำรวจ หรือเป็นเจ้าของเดิม

แปลงที่ 2 น.ส.3 ก. เลขที่ 926 เนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 63 ตารางวา มีนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เป็นเจ้าของ และมี นายพันธ์ คำพลกรัง เป็นผู้นำ เจ้าหน้าที่รังวัดเดินสำรวจ

แปลงที่ 3 น.ส.3 ก. เลขที่ 927 เนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 90 ตารางวา มีนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เป็นเจ้าของ และมี นายบุญส่ง คำพลกรัง เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่เดินสำรวจ

แปลงที่ 4 น.ส.3 ก. เลขที่ 928 เนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา มี น.ส.พรรณี สุจิรภิญโญกุล เป็นเจ้าของ และมี นายเขียว แวะสันเทียะ เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่รังวัดเดินสำรวจ

...

แปลงที่ 5 น.ส.3 ก. เลขที่ 930 เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 20 ตารางวา มี น.ส.พรรณี สุจิรภิญโญกุล เป็นเจ้าของ และมี นางเทพ นพรัตน์ เป็นผู้นำเจ้าหน้าที่รังวัดเดินสำรวจ โดยทั้ง 5 แปลง เป็นการเดินสำรวจออก น.ส.3 ก. โดยช่างรังวัดจากกรมที่ดิน

ส่วน พ.ต.อ.บัญญัติ ทั่งกลาง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้างานสอบสวน สภ.ปากช่อง กล่าวว่า ในวันนี้ ได้ทำแบบฟอร์มการสอบสวนให้กับพนักงานสอบสวนที่จะใช้ในเรื่องนี้ พร้อมกันนี้ ได้ไปขอเอกสารรายละเอียด ของ น.ส.3 ก. ทั้ง 5 แปลง เพื่อดูว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง ใครเป็นเจ้าของทั้งก่อนออก น.ส.3 และปัจจุบัน เพื่อเรียกมาสอบสวน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ดินที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมดำเนินการต่อไป

ด้าน พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้อำนวยกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า กรณีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติของโบนันซ่า เขาใหญ่ ที่กำลังเป็นที่สนใจประชาชน ในส่วนของทหาร ตนก็ไม่ได้สั่งการอะไรลงไปเป็นพิเศษ เพราะว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย และเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่ประสานมาที่กองทัพภาคที่ 2 ฉะนั้น เราจึงทำงานด้วยกัน ในฐานะที่เป็นกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เราก็จัดกำลังพลร่วมไปดำเนินการเท่านั้นเอง แต่ส่วนเรื่องการดำเนินการทางกฎหมาย เป็นกฎหมายของเขา ไม่ใช่กฎหมายของทางทหาร

ขณะที่ นายสุรวุฒิ ใจกิจสุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) กรมป่าไม้ ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่ป่าสงวนเขาเสียดอ้า ป่าเขานกยูง และป่าเขาอ่างหิน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบที่ดินสนามแข่งรถโบนันซ่า ว่า ขณะนี้ทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 ได้รวมรวบเอกสารหลักฐานต่างๆ ครบถ้วนแล้ว เบื้องต้นสรุปว่า มีพื้นที่ถูกบุกรุก ทั้งที่เป็นเขตป่าสงวนฯ และเขตสำนักปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) รวมทั้งหมดจำนวน 103 ไร่ ซึ่งผู้บุกรุกจะมีความผิดตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507

โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ได้สั่งการไปยังหน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ ทำหนังสือแจ้งให้โบนันซ่า ทำการรื้อถอนบ้านพัก 16 หลัง แทงก์น้ำ และพื้นที่ถนนในสนามแข่งรถ และจะเปิดโอกาสให้โบนันซ่า หาหลักฐานเอกสารการครอบครองมาแสดงภายใน 15 วัน หากไม่มีเอกสารมาแสดง ก็จะแจ้งให้ทำการรื้อถอนภายใน 30 วันต่อไป

"หากครบกำหนดไปแล้วยังไม่รื้อถอน ทางกรมป่าไม้จะเข้าทำการรื้อถอนเอง ซึ่งกระบวนการและขั้นตอนทั้งหมด น่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยอธิบดีกรมป่าไม้ ได้เร่งรัดให้หน่วยงานป่าไม้ในพื้นที่เตรียมเอกสารหลักฐานอย่างรอบคอบ เพื่อดำเนินการให้ผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดิน ได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่อไป" นายสุรวุฒิ กล่าว

ล่าสุด เมื่อตอนบ่ายวันเดียวกัน นายชำนาญ กลิ่นจันทน์ ปฏิรูปที่ดิน จ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.บัญญัติ ทั่งกลาง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ (ผทค.) หัวหน้างานสอบสวน สภ.ปากช่อง ว่า ได้ร่วมตรวจสอบที่ดินสนามแข่งรถโบนันซ่า กับคณะของ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และเมื่อกลับไปสำนักงานได้ตรวจสอบเอกสาร พบว่า ที่ดินบริเวณสนามแข่งรถ เป็นที่ดินที่กรมป่าไม้มอบให้ ส.ป.ก. เพื่อนำไปรังวัดจัดสรรให้เกษตรกรทำกิน ตามมติ ครม.ปี พ.ศ. 2536 แต่ยังไม่ได้จัดสรรให้เกษตรกรแต่อย่างใด แต่ก็ยังอยู่ในความรับผิดชอบ พบว่ามีเนื้อที่จำนวน 70 ไร่ อยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย แต่จะร่วมตรวจสอบกับหน่วยงานอื่น เพื่อหารายละเอียดที่แท้จริงอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน นายสุนทร กัณหาจันทร์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นม.1 (ปากช่อง) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้เตรียมป้ายไปปัก เพื่อยึดพื้นที่คืนจากสนามแข่งรถโบนันซ่า สปีดเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ร่วมกันไปตรวสอบ พร้อมนำป้ายไปปักเพื่อตรวจยึดพื้นที่คืนตามที่ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ปากช่อง จำนวนเนื้อที่ที่ตรวจยึด 103 ไร่ 3 งาน 81 ตารางวา โดยในป้ายมีข้อความว่า "ห้ามบุคคลใดเข้าไปในพื้นที่ หรือกระทำด้วยประการใดจะเป็นความผิดตามกฎหมาย บริเวณที่ทำการตรวจยึดคือบริเวณที่สร้างบ้านพัก สนามที่เคยจัดคอนเสิร์ตบิ๊กเมาเท่นทุกปี และสนามแข่งรถ ไม่รวมตัวอาคาร".