เพราะครองอำนาจไม่ได้ จะแฉให้หมดไม่เกรงใจ บวรศักดิ์ชี้เรียนสูง-ชั่ว

“ประยุทธ์” ลั่นต้องใช้อำนาจพิเศษ ม.44 เพื่อวางรากฐานบ้านเมืองให้ดี ประกาศเลิกเกรงใจพวกพูดให้เสียหาย ถ้ายังเห็นแก่ตัวกันอยู่มี รธน.ไปก็ไร้ผล ขู่เปิดแผลแฉกลับกลุ่มต่อต้าน ฮึ่มสื่อไหนเขียนไม่ดีมีเรียกคุย อย่ามาใช้คำว่าประชาธิปไตยตอนนี้ ถามพวกอยู่เมืองนอกให้ร้ายบ้านเกิดไม่รักประเทศหรือ “บิ๊กป้อม” โบ้ยสื่อไม่บิดเบือนก็ไม่ใช้ มทภ.1 รับข่าวกรองรายงานกลุ่มป่วน “ไก่อู” โวเสียงตอบรับ ม.44 เป็นบวก “บิ๊กอียู” ยังกดดันเลิกใช้ศาลทหารกับพลเรือน “อ๋อย” ห่วงไม่มีใครกล้าตรวจสอบ นปช.ลองของจัดรำลึก 5 ปี เหตุสลายแยกคอกวัว โหร คมช.ปัดทำพิธีเสริมดวง “บิ๊กตู่” ฟันธงคลื่นใต้น้ำป่วนต้องอยู่ไปอีก 2-3 ปี “บวรศักดิ์” ซัดพวกเรียนสูงมักชั่วมาก ไม่กดดันนายกฯสั่งปรับเนื้อหา “เสธ.อู้” ตอกสื่อไม่เคยเห็นพระจันทร์เต็มดวง นายกฯประกาศค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ “ดอน” หวังสหรัฐฯ ไม่ซ้ำเติมไทย

หลังถูกฝ่ายต่างๆวิพากษ์วิจารณ์การประกาศใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 แทนกฎอัยการศึก ยิ่งเพิ่มอำนาจให้หัวหน้า คสช.อย่างเบ็ดเสร็จนั้น ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ตอกย้ำห้ามทุกฝ่ายวิจารณ์ในด้านลบ ใครขัดขืนอาจต้องเรียกมาคุย

“บิ๊กตู่” ร่วมงาน 106 ปี รร.เสธ.ทบ.

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 3 เม.ย.ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) ถนนพระราม 5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานงานวันสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ครบ 106 ปี และเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณแก่นายทหารศิษย์เก่าดีเด่น 8 นาย ได้แก่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.และ รมช.กลาโหม

...

ย้ำต้องใช้อำนาจวางรากฐานที่ดี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างเปิดงานว่า รัฐบาลเข้ามาทำงานแล้ว 6 เดือน วันนี้ต้องคิดใหม่เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า หลายคนที่ไม่ใช่ทหารอาจไม่เข้าใจและเกรงกลัวต่ออำนาจ อำนาจของทหารคืออำนาจปกครองและบังคับบัญชา ช่วยเหลือประชาชนทั้งในยามปกติและยามสงคราม สังคมเป็นห่วงว่าจะทำให้หลงระเริงในอำนาจ แต่คิดว่ายิ่งมีอำนาจยิ่งต้องระวัง ดังนั้นใครที่ให้ความสำคัญกับอำนาจมากส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ และการกระทำที่ไม่ถูกต้อง อยากให้ทุกคนเข้าใจ ใครที่สนใจแต่มาตราโน้นมาตรานี้ ทำไมไม่สนใจว่าทำอย่างไรจะให้คนในชาติสามัคคีกัน ปัญหาวันนี้คือคนในประเทศมองปัญหาไม่เหมือนกัน ถ้ามายืนอยู่ในจุดที่ตนยืนแต่ละกระทรวงอยู่จะรู้ว่ามันเป็นอย่างไร นี่คือเหตุผลและความจำเป็นต้องมีอำนาจ ใช้ในการทำสิ่งที่ดี ถูกต้องกว่าเดิมดีกว่าเดิม จะอาศัยผู้นำ หรือรัฐมนตรีคนเดียวทำไม่ได้ ทุกคนในชาติต้องช่วยกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้า

ลั่นเลิกเกรงใจพวกพูดให้เสียหาย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ต่างประเทศได้ข้อมูลทุกเรื่องจากสื่อเป็นส่วนใหญ่ เกิดความเข้าใจผิดถึงขนาดว่าตนจะใช้อำนาจประหารชีวิตสื่อ มันอะไรกันนักหนา ไม่ได้ขอให้ปกปิดสามารถตรวจสอบได้ทุกอย่าง แต่ต้องให้ความเป็นธรรมก่อน ทุกอย่างต้องมีเหตุและผลในการตัดสินใจใคร่ครวญ เพราะการกล่าวหาใดๆต้องมีหลักฐาน อย่าพูดปากเปล่า วันนี้ประเทศชาติเสียหายเพราะทำงานด้วยปาก เขียนแผนแต่ไม่ลงมือทำจริง หรือทำไม่ถึงครึ่ง รัฐบาลจึงต้องเข้ามาจัดระเบียบวินัย จัดระเบียบบ้านเมือง บางคนทนไม่ได้บอกไม่เป็นประชาธิปไตย และจากวันนี้จะไม่เกรงใจ ตราบใดที่ยังมีการพูดให้กองทัพและประเทศเสียหาย เพราะมายืนตรงนี้ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ทุกคนต้องร่วมมือกับตนสร้างความเข้าใจ ทุกคนถ้าเป็นคนไทยต้องช่วยกันเพื่อประเทศ

ถ้ายังเห็นแก่ตัวมีรัฐธรรมนูญก็ไร้ผล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ประชาธิปไตยที่ถูกต้องคือประชาธิปไตยที่ไม่ละเมิดคนอื่น ไม่ทำให้คนอื่นลำบาก เสียชีวิต รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนไทยทั้งหมดจะเป็นสีไหน พรรคไหน ตนไม่สนใจ จะดูแลคนทั้ง 60-70 ล้านคนให้ได้โดยเร็วเพราะเวลามีจำกัด ต้องช่วยกันสวดมนต์ไหว้พระให้รัฐบาลใหม่ทำให้ได้ สิ่งที่แก้ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเพราะทุกคนต้องทำตามรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ถ้าทำตามความต้องการของตัวเองจะมีปัญหาตลอด คดีรกศาลไม่ว่าจะมีศาลเพิ่มอีกกี่ศาลหรือกฎหมายอีกกี่ฉบับ มีรัฐธรรมนูญ 300 กว่ามาตราก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพราะทุกคนเอารัฐธรรมนูญเอากฎหมายมาต่อสู้มาตีความกัน ยิ่งทำก็ยิ่งวุ่นวาย บางประเทศไม่มีรัฐธรรมนูญเพราะมีแล้ววุ่นวายแต่ทำตามจารีตประเพณี เพราะคนเขามีคุณภาพ มีตรรกะในการคิด มีเหตุผล รับฟังคนอื่น ไม่ใช่ตั้งเข็มทิศอย่างเดียว

เชื่อหลักสูตรทหารพาชาติไปรอด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้เข้าใจว่าหลักสูตรทหารทำให้เรามองได้ลึกซึ้ง นำมาบริหารก็มั่นใจว่าเพียงพอที่จะนำพาขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยาได้ผลสัมฤทธิ์ เชื่อว่าจะดีขึ้นกว่าเดิม วันนี้รัฐบาลต้องแก้ใน 3 เรื่อง คือ แก้ปัญหาที่ซับซ้อน การขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการปฏิรูปประเทศที่อาจใช้เวลาเป็น 10 ปี เพราะปัญหาหมักหมมมานาน ประชาธิปไตยไทยเป็นอย่างนี้มาตลอด ถึงจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ต้องทำ ขณะเดียวกันประชาชนจะอยู่เฉยไม่ได้ ต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มชน ถ้ารัฐบาลประชาธิปไตยที่ไม่มีธรรมาภิบาล ก็พยายามดึงเอากลุ่มชนเหล่านี้มาเป็นพวกตัวเองเหมือนที่ผ่านมา

มีการล็อบบี้ต้านรัฐบาล

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ทุกคนสนใจแต่จะเลือกตั้งอย่างไร ต่อให้อีก 10 ชาติ ถ้ายังเลือกเหมือนเดิมคนแบบเดิมมา มันก็เป็นแบบนี้ วันข้างหน้าจัดการกันเองแล้วกัน ตนก็ไปแล้ว ขณะนี้เราไม่มีปัญหากับประเทศอื่น เว้นแต่มีปัญหากันเอง ทุกประเทศยังมาพบทุกวัน ไม่ว่าจะยังมีกฎอัยการศึก หรือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 แต่เวลาเขาแสดงความเห็นไม่ได้มาพูดที่นี่ ที่สำคัญมีการล็อบบี้ให้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล โดยใช้คำว่าประชา– ธิปไตยมาบีบ มีการใช้คำว่าบังคับขู่เข็ญใช้กฎอัยการศึก อย่างวันนี้อ่านข่าวพาดหัวของสำนักข่าว CNN ที่ระบุว่าตนใช้อำนาจเต็มตามมาตรา 44 จะสั่งประหารนักข่าว

ใช้อัยการศึก–ม.44 มีคนตายไหม

“หากยังไม่มีการปรับปรุงตัวยังมาปรามาสผม จะพูดให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนต่างมีแผลเหมือนกัน ต่างประเทศไม่รู้ว่าบ้านเราเป็นโพรง ตอนนี้เรากำลังเติมอิฐเติมทรายแต่มีคนเอาน้ำมาราดตอนที่ยังไม่แห้ง คนพวกนี้ไม่ควรอยู่ในแผ่นดินอีกต่อไป วันนี้ในเมื่อไม่เกรงใจผม ผมก็ไม่เกรงใจ คนที่ต่อต้านลองลงไปดูมีเบื้องหลังทั้งนั้น ผมไม่เคยละเมิดใคร และตั้งแต่ประกาศใช้กฎอัยการศึกหรือมาตรา 44 ไม่มีคนตายสักคน จะมีก็แต่คนที่ใช้อาวุธมาต่อสู้เจ้าหน้าที่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ฮึ่มสื่อไหนเขียนไม่ดีมีเรียกคุย

นายกฯยังกล่าวด้วยว่า สื่อก็ไม่ได้ปิดสักเล่ม ต่อไปนี้ขอให้เขียนให้ดี ถ้าเขียนไม่ดีจำเป็นต้องเรียกมาพูดคุย เพราะไม่เคยกลัวใคร ถ้ากลัวคงไม่กล้ายืนอยู่ตรงนี้ ถ้าคิดว่าไม่ดีบอก ไปให้อยู่แล้ว ที่พูดนี่มีใครสงสัยอะไรไหม พอพูดไปแล้วก็มีอารมณ์นิดหน่อย เพราะวิจารณ์ตนเยอะมาก มาถามเรื่องเศรษฐกิจตนคนเดียวจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้ “ผมนี่รู้มากกว่าคนเศรษฐกิจอีก อะไรที่เป็นนโยบายเป็นหลักการ กำลังทำอยู่ วันนี้คนที่ทำเศรษฐกิจไม่ได้ปกป้องอะไร ถามว่าวันนี้อะไรแพงขึ้นในรัฐบาลทหารถ้าบอกมะนาวแพง เดี๋ยวไปรับที่บ้าน ถ้าอยากกินมะนาวเยอะๆ วันละสัก 20 ลูก หรือจะเอาไปปลูกใส่กระถางไปนี่พูดเปรียบเทียบให้ฟังว่าทุกคนต้องช่วยตัวเองได้ ไม่ใช่ตื่นมาก็เป็นพยาธิปากขอ ตนดูแลทั้งเสียงส่วนใหญ่และส่วนน้อยให้ได้รับความพึงพอใจ แต่จะเอาประชาธิปไตยมาแบ่งพวกกันไม่ได้ การต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา แต่จะมาชุมนุมยืดเยื้อ 6-10 เดือน ขอประกาศไว้เลยจะเกิดในสมัยตนไม่ได้

อย่ามาใช้คำประชาธิปไตยตอนนี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่ามาทำให้ประเทศเดือดร้อน อย่ามาใช้คำว่าประชาธิปไตยตอนนี้ วันหน้าสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญถ้าออกได้ก็ประมาณเดือน ก.ย. แต่ตอนนี้แทบฆ่ากันตาย รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องเน้นเรื่องการปฏิรูปและธรรมาภิบาล เสียดายโอกาสการเป็นศูนย์กลางอาเซียน ซึ่งตนจะทำให้ได้ไม่ได้ลอกใคร ไม่ใช่แค่ทำรายงาน 3-4 แผ่นแล้วจบ อะไรที่ต้องตรวจสอบสั่งให้ตรวจทั้งหมด ผิดคือผิด อย่าบอกว่าไม่รู้ไม่ทราบ ทำผิดกฎหมายต้องผิด เงินที่มันผิดกฎหมายคือผิดกฎหมาย จะมาบอกว่าคืนแล้วจบไป ไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง ส่วนข้าราชการสั่งการไปบางครั้งก็สับสน บางคนชอบก็ดีไปตั้งใจทำงาน ใครที่ไม่ชอบบอกเป็นรัฐบาลทหารไม่รู้เรื่องอะไร แต่พอไล่เรียงรายละเอียดไปๆมาๆ ทหารรู้เรื่องกว่าอีก

“บิ๊กป้อม” ชี้สื่อไม่บิดเบือนก็ไม่ใช้

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี 4 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ออกแถลงการณ์ห่วงการใช้คำสั่งหัวหน้า คสช.ข้อ 5 ในมาตรา 44 อาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชนว่า ยืนยันไม่กระทบการทำหน้าที่สื่อมวลชน ยังเสนอข่าวได้ตามปกติ ไม่ยุ่งถ้านำเสนอไม่บิดเบือน รายงานตามข้อเท็จจริง อย่ารายงานให้เกิดความแตกแยก จะไปยุ่งก็ต่อเมื่อการนำเสนอของสื่อก่อให้เกิดความแตกแยก ยืนยันเหมือนเดิมบอกไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง มาตรา 44 ออกมาเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ “คุณก็มัวแต่เขียนว่าเอาอย่างนู้นอย่างนี้ มโนเอาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องจริงเลย” เมื่อถามว่ารัฐบาลและ คสช.ต้องทำความเข้าใจในการนำเสนอของสื่อมวลชนต่างประเทศด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า นี่บ้านเมืองของเรา เราต้องการอยู่อย่างเป็นสุข เวลาบ้านเมืองลุกเป็นไฟ ฆ่ากันตาย ถามว่าต่างชาติมาช่วยอะไรได้หรือไม่

มทภ.1 รับข่าวกรองรายงานกลุ่มป่วน

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ามีรายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงระบุว่า มี 5 กลุ่มที่จ้องสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนว่า สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) รายงานเรื่องนี้แล้ว ซึ่งหน่วยความมั่นคงมีประชาคมด้านการข่าวบูรณาการข้อมูลร่วมกัน ส่วนที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ. กำชับ กกล.รส.กองทัพภาคต่างๆ ให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับมาตรา 44 นั้น ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 กกล.รส.แต่ละกองทัพภาคต้องดำเนินการศึกษากันอยู่แล้ว การทำงานของเจ้าหน้าที่ยังเหมือนเดิม เพียงแต่กฎหมาย มีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจยังใช้กฎหมายปกติ ส่วนทหารก็เป็นเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อย การปฏิบัติหน้าที่ยังเหมือนเดิม เพียงแต่มีขั้นตอนและการระบุโทษเพิ่มเติมเข้ามา

“ไก่อู” โวเสียงตอบรับ ม.44 เป็นบวก

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประกาศใช้มาตรา 44 ได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวกจากภายในประเทศ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน และภาคอุตสาหกรรม เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามผ่อนคลายมาตรการลงไปตามลำดับของสถานการณ์ที่พัฒนาไป ส่วนเสียงสะท้อนจากหน่วยงานองค์กรระหว่างประเทศ ที่แสดงความวิตกกังวลว่ามาตรา 44 จะเป็นการให้อำนาจ คสช.มากจนน่ากังวลนั้น หากดูรายละเอียดของประกาศทั้ง 14 ข้อ เชื่อว่าจะผ่อนคลายความกังวลลงได้ มีขอบเขตการใช้อำนาจที่ชัดเจน มั่นใจว่าการยกเลิกกฎอัยการศึก และการประกาศใช้มาตรา 44 เป็นการหาทางออกที่สามารถตอบสนองข้อกังวลของต่างประเทศได้ในระดับหนึ่ง อยากให้องค์กรระหว่างประเทศเข้าใจเจตนารมณ์และแนวทางของประเทศไทย ที่พยายามดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้ประเทศเข้าสู่แนวทางประชาธิปไตย

“บัวแก้ว” พร้อมชี้แจงนานาชาติ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสตอบรับของต่างชาติภายหลังการยกเลิกกฎอัยการศึก และประกาศใช้มาตรา 44 แทนว่า เชื่อว่าถ้าต่างชาติรับฟังที่เราชี้แจงถึงความจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เขาจะเข้าใจ และไม่มีความคลางแคลงใจในการใช้อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเขาอยู่กับเรามาตั้งแต่วันยึดอำนาจ ตนจะชี้แจงเรื่องนี้กับทูตประเทศต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศด้วย ทุกชาติที่เข้ามาไม่เคยมีใครบ่นออกมาเดินถนน ไปช็อปปิ้ง ก็ไม่มีใครบอกว่ามันแปลกปลอม ตรงกันข้ามกลับบอกว่าไหนล่ะกฎอัยการศึก ตามตำราเรียนของเขามันบอกว่ากฎอัยการศึกต้องมีรถถังอยู่ตามหัวมุม มีทหารยืนยาม เขารู้สึกอย่างนั้น แต่พอมาที่นี่มันคนละเรื่องเลยไม่มีใครติดใจ

“บิ๊กอียู” กดดันให้เลิกใช้ศาลทหาร

อีกด้าน โฆษกของนางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับความคืบหน้าในประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่กระบวนการทางประชาธิปไตย การนำคำสั่งที่ 3/2558 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 มาใช้แทนกฎอัยการศึก ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยคืบหน้าเข้าสู่การมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยที่สามารถตรวจสอบได้ ศาลทหารไม่ควรถูกนำมาใช้ในการพิจารณาคดีกับพลเรือน ในฐานะมิตรและหุ้นส่วนของประเทศไทย สหภาพยุโรปขอย้ำว่าหลักนิติธรรมและการปกป้องส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ควรเป็นฐานในกระบวนการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย

“อ๋อย” ห่วงไม่มีใครกล้าตรวจสอบ