แจ้งดำเนินคดีสนามแข่งรถโบนันซ่าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน มีเอกสารแสดงการครอบครองเพียง 47 ไร่ อีกกว่า 100 ไร่ไม่มี แต่เจ้าหน้าที่ยังเปิดโอกาสให้หาหลักฐานมายืนยัน หากหลักฐานได้มาไม่โปร่งใสต้องถูกถอดถอน นอกจากนี้ ยังให้ตรวจสอบการขออนุญาตการก่อสร้างอาคารถูกต้องหรือไม่ หากพบมีคนของรัฐมีเอี่ยวด้วย ต้องดำเนินการทันที
สนามแข่งรถชื่อดังบุกรุกป่ารายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 31 มี.ค. พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ท.พรพิทย์ ตาโรจน์ รอง เลขา ป.ป.ท. นายอรรถพล เจริญชันษา ผอ.สำนัก ป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า พ.อ.สมหมาย บุษบา หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ นพโพธิพวงศ์ รอง ผบก.ปทส.พร้อมกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่สนามแข่งรถโบนันซ่า สปีดเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล หมู่ 11 หมู่บ้านโบนันซ่า ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา พบบริเวณดังกล่าวนอกจาก เป็นที่ตั้งของสนามแข่งรถกับสนามจัดคอนเสิร์ตแล้วยังมีอาคารที่พักเป็นอาคารชั้นเดียวรวม 20 ห้อง
จากการตรวจสอบด้วยเครื่องจีพีเอส พบพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนเขาอ่างหินสีเสียดอ้า ต่อมานายนิธิศเชษฐ์ สุทธิเจริญกุล ผู้ดูแลสนามแข่งรถ น.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ ลูกสาวของนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของโบนันซ่า รีสอร์ตเขาใหญ่ และนายอารักษ์ เตชะณรงค์ น้องชายของนายไพวงษ์มาพบเจ้าหน้าที่ โดยนายนิธิศเชษฐ์ผู้ดูแลได้ชี้แจงว่าเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่ปียังไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่ได้นำเอกสารมาแสดงเพื่อยืนยันว่า พื้นที่สนามแข่งรถมีเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 47 ไร่ ส่วนที่เหลืออีกว่า 100 ไร่ ไม่มีเอกสารแสดง
...
ขณะที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้แจ้งต่อนายนิธิศเชษฐ์ผู้ดูแล น.ส.พัทธมน และนายอารักษ์ว่า พื้นที่ทั้งหมดมี 151 ไร่ มีเอกสาร ที่นำมาแสดงซึ่งเป็นสนามแข่งรถจำนวน 47 ไร่ เพราะฉะนั้นอีกประมาณกว่า 100 ไร่เป็นพื้นที่ป่าสงวน ซึ่ง น.ส.พัทธมนแจ้งว่า เพิ่งเข้ามาดูแลยังไม่ทราบรายละเอียดมากนักจะรีบประสานกับนายไพวงษ์ ผู้เป็นพ่อดำเนินการนำเอกสารมาแสดงในภายหลัง “ที่จริงแล้วครอบครัวไม่คิดจะบุกรุกหรือทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ตอนแรกพบเป็นพื้นที่ราบ เมื่อมีชาวบ้านมาเสนอขายคุณพ่อเลยซื้อไว้ ซึ่งถ้าตรวจสอบว่าเป็นพื้นที่ป่าของราชการ ยินดีคืนให้แต่จะรวบรวมเอกสารมาแสดงให้มากที่สุด” น.ส.พัทธมนกล่าว
จากนั้นคณะของ พ.ต.อ.ดุษฎี ออกตรวจสอบบริเวณกลางสนามแข่งรถพร้อมเรียกนายคเชนทร์ ใยสุ่น ปลัด อบต.ขนงพระ มาสอบถามว่าพื้นที่สนามแข่งรถ ทั้งอาคารและสิ่งปลูกสร้างได้ขออนุญาตก่อสร้างหรือไม่ นายคเชนทร์แจ้งว่า ไม่ได้ขออนุญาตเคยสอบถามแจ้งว่าเป็นพื้นที่เช่ากับกรมป่าไม้ แต่ตนไม่เคยเห็นเอกสารและไม่ค่อยได้เข้ามาตรวจเพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล จากนั้น พ.ต.อ.ดุษฎี รองปลัด กระทรวงยุติธรรม ได้สั่งให้นายคเชนทร์ไปตรวจสอบว่ามีสิ่งใดบ้างที่ปลูกสร้างไม่ถูกกฎหมายหรือไม่ขออนุญาตให้ดำเนินการไปก่อน
ขณะที่ พ.ต.อ.ดุษฎีให้สัมภาษณ์ว่า จากการมาตรวจสถานที่สนามแข่งรถ และบริเวณโดยรอบ มีพื้นที่รวม 151 ไร่ มีเอกสารเป็น นส.3 ก.แสดงเพียง 47 ไร่ อีก 100 ไร่ ไม่มีเอกสารแสดง แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้แจ้งว่า เป็นพื้นที่ป่าสงวนและแปลงปลูกป่า นอกจากนี้ ยังพบว่าเป็นถนนสาธารณะ ลำรางสาธารณะถูกบุกรุกด้วย รวมทั้งต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิที่เป็น นส.3 ก.ที่นำมาแสดงว่าต้องตรวจสอบต่อไปว่าออกมาโดยชอบหรือไม่ ถ้ามิชอบต้องดำเนินการเพิกถอนและตรวจสอบกับผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือไม่หรือปล่อยปละละเลย
ส่วน พ.อ.สมหมาย หัวหน้าคณะทำงานฝ่าย กฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 บอกว่า ในเบื้องต้นต้องแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ดูแลว่าบุกรุกป่าสงวน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ส่วนตรงไหนที่มีเอกสารให้นำมาแสดงและตรวจสอบ สำหรับพื้นที่ อ.ปากช่อง เป็นพื้นที่ป่ามีเป็นแสนไร่และต้องตรวจสอบต่อไปว่าพื้นที่ของใครมีการบุกรุก ใครทำผิดต้องว่าไปตามกฎหมาย