จนมุมในลาว กุญแจสำคัญ ไขสู่ผู้บงการ

ได้ตัวแล้วดาบตำรวจคนรับงานสังหารโหดพระหมอ หลังหนีข้ามชายแดนด้าน จ.บึงกาฬ ไปกบดานฝั่งลาว ชุดสืบสวนประสานตำรวจประเทศเพื่อนบ้านเข้าล็อกตัวไว้ได้ อยู่ระหว่างส่งมอบตัวมาดำเนินคดี ขณะที่พนักงานสอบสวนนำตัวมือปืนไปทำแผนประทุษกรรมเพิ่มเติม หลังยอมสารภาพหมดเปลือก พร้อมพาไปงมหาเศษชิ้นส่วน ปืนของกลางที่ตัดแยกชิ้นไปทิ้งแม่น้ำชี แต่ไม่พบ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตามยึดรถกระบะมาสด้าสีขาว ที่ใช้ก่อเหตุแล้วนำไปดัดแปลงพ่นสีดำปิดทับสีเดิม ด้าน ผบ.ตร.ย้ำอีกชนวนเหตุเป็นเรื่องเข้าใจผิดด้านชู้สาว มีเสี่ย บ. เป็นผู้บงการ

ตำรวจพลิกแผ่นดินไล่ล่า ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานีช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด ภ.จ.อุดรธานี หลังถูกนายปัญจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน อายุ 51 ปี มือปืนสังหารพระอาจารย์บัณฑิต สุปัณฑิโต หรือพระหมอ อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด หมู่ 15 บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี มรณภาพ ขณะกลับจากบิณฑบาตเช้าวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาให้การซัดทอดเป็นผู้รับงานฆ่าจากเสี่ย บ. ผู้จ้างวาน เป็นเงิน 50,000 บาท โดยมีสาเหตุจากหึงหวง เพราะเข้าใจผิดในเรื่องชู้สาว ล่าสุดกองปราบปรามรับโอนคดีไปดำเนินการ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งกำชับให้เร่งติดตามจับกุมตำรวจนอกแถวโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นกุญแจสำคัญที่จะโยงถึงตัวผู้บงการ

ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 26 มี.ค. พ.ต.อ.จักรกฤษณ์ จันทรัตน์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ พนักงานสอบสวนผู้เชี่ยวชาญ (พงส.ผชช.) ภ.จ.อุดรธานี และ พ.ต.อ.บรรจบ สีหานาวี พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ (พงส.ผทค.) สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจสืบสวน ภ.4 ตำรวจกองปราบฯ คุมตัวนายปัญจ๋า หรือโบ้ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพิ่มเติมอีก 2 จุด

...

จุดแรกที่หน้าวัดสว่างศรีบูรพา บ้านเหล่าเชียงสง หมู่ 2 ต.แชแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เป็นจุดที่นายปัญจ๋า มารับเงินที่เหลือ 2 หมื่นบาทจาก ด.ต. ชาญชัย หลังลั่นไกฆ่าพระหมอไปแล้ว 2 วัน และจุดที่ 2 บริเวณคลองระบายน้ำเขื่อนลำน้ำปาว บ้านนาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เป็นจุดนำเสื้อ กางเกง หมวกไหมพรม และรองเท้าผ้าใบที่ใส่ในวันก่อเหตุมาทิ้ง หลังก่อเหตุได้ 1 สัปดาห์

ระหว่างทำแผนฯ นายปัญจ๋ามือปืนโหด ให้การว่ารู้จักกับ ด.ต.ชาญชัยมาประมาณ 10 ปี เพราะอดีตภรรยาของตนเป็นเพื่อนกัน อีกทั้งตนเป็นคนชอบเล่นปืนมาก มักซ้อมมือด้วยการยิงปลา ก่อนรับงานยิงพระหมอประมาณ 2 สัปดาห์ ด.ต.ชาญชัยมาชวนไปยิงคน บอกว่าเป็นพระไม่ดีโกงเงินการก่อสร้างตึก CICU เป็นพระชอบสีกาได้ค่าจ้าง 50,000 บาท ตอนนั้นต้องการใช้เงินไปซ่อมรถไถเพื่อทำนาเลยรับงานดังกล่าว ก่อนขับรถกระบะส่วนตัวยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กค 8584 กาฬสินธุ์ ไปวางแผนร่วมกับ ด.ต. ชาญชัย ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.กุดจับ จ.อุดรธานี และก่อนลงมือ 1 สัปดาห์ ด.ต.ชาญชัยขับรถกระบะ สีขาวไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ติดทะเบียน มารับดูเป้าหมาย แต่ไม่พบ

ระหว่างทางรถประสบอุบัติเหตุชนหมาหม้อน้ำแตกเลยจอดไว้ข้างทางแล้วมีชายไม่ทราบชื่อขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค จำสีและทะเบียนไม่ได้มารับก่อนไปเปลี่ยนใช้รถกระบะมาสด้า บีที 50 สีขาวของ ด.ต.ชาญชัย โดยขับดูเป้าหมายและก่อเหตุในวันที่ 27 และ 28 ก.พ. แต่ไม่มีโอกาส กระทั่งวันที่ 1 มี.ค. ย้อนกลับมาอีกครั้งและลงมือสำเร็จ หลังเสร็จงาน ด.ต.ชาญชัยมอบเงินค่าจ้างให้ก่อน 30,000 บาท ก่อนหลบหนีไปบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นอีก 2 วันนัดจ่ายเงินที่เหลือ 20,000 บาท เงินที่ได้เอาไปซ่อมรถไถ 17,000 บาท เปลี่ยนยางรถ 13,000 บาท ส่งฌาปนกิจให้พ่อแม่ 6,000 บาท ให้พ่อแม่ใช้ 4,000 บาท ที่เหลือ 10,000 บาทนำไปใช้ส่วนตัวและเที่ยวเตร่ แต่พอรู้ข่าวจากสื่อว่าเป็นพระปฏิบัติดี รู้สึกเสียใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ก่อนนำเสื้อผ้าไปทิ้งและนำเลื่อยมาตัดปืนไปทิ้งในแม่น้ำชีเขต อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ แล้วหนีไปหลบซ่อนที่บ้านเพื่อนกระทั่งมาถูกจับกุม

จากนั้นตำรวจนำโดย พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน ผบก.สส.ภ.4 คุมตัวนายปัญจ๋าไปทำแผนต่อที่ บ้านเลขที่ 8/40 หมู่บ้านตรีชาติ ถนนสนามบิน ต.กาฬสินธุ์ เขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ โดยนายปัญจ๋าใช้เก็บเครื่องมือช่างหลากหลายชนิดโดยรับสารภาพว่าเป็นอุปกรณ์ใช้ดัดแปลงปืนก่อเหตุยิงพระบัณฑิต เสร็จแล้วคุมตัวไปที่วิทยาลัยสารพัดช่างกาฬสินธุ์ สถานที่ทำงานที่เยื้องฝั่งตรงข้ามถนนเพื่อขอโทษ ผอ.วิทยาลัยสารพัดช่างกาฬสินธุ์ และ 2 เพื่อนร่วมงาน และนำไปค้นแฟลตที่พักด้านหลังอาคารวิทยาลัย แต่ไม่พบหลักฐานใดๆเพราะนายปัญจ๋าไม่ได้พักหลายปีแล้ว

ต่อมาเจ้าหน้าที่พาผู้ต้องหาไปที่พนังแม่น้ำชีบริเวณฝายวังยาง ต.ฆ้องชัยพัฒนา อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ เป็นจุดนำปืนที่ถูกตัดแยกชิ้นส่วนมาทิ้ง โดยแสดงท่าใช้หนังสติ๊กยิงชิ้นส่วนปืนกว่า 200 ชิ้นเพื่อทำลายหลักฐานแยกจากกัน ชุดสืบสวนนำนักประดาน้ำ 6 คนงมหาเศษชิ้นส่วนปืน แต่ไม่พบแม้แต่ชิ้นเดียว โดย พล.ต.ต.จตุพลกล่าวว่า แม้จะงมหาปืนไม่พบ เพราะถูกทำลายเป็นชิ้นๆ แต่ตำรวจเชื่อมั่นหลักฐานที่มี และคำรับสารภาพของผู้ต้องหา โดยยืนยันมีการวางแผนทำงานอย่างละเอียด

มีรายงานว่า พ.ต.อ.ธรรมจักร คงมงคล รอง ผบก.ภ.จ.หนองบัวลำภู และ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 ป. นำตำรวจวิทยาการ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 ป.เข้ายึดรถกระบะมาสด้า บีที 50 สีดำ ของ ด.ต.ชาญชัย ที่ใช้ก่อเหตุยิงพระหมอ หลังนำไปจอดบริเวณบ้านเลขที่ 11 หมู่ 15 บ้านดอนเกร็ด ต.ยางหล่อ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู โดยพ่นสีสเปรย์ใหม่จากสีขาวเป็นสีดำทั้งคัน โดยนางปัญญา อินทร์กัณหา อายุ 53 ปี เจ้าของบ้าน ให้การว่า วันที่ 21 มี.ค. เวลา 09.00 น. ด.ต.ชาญชัยที่รู้จักกันมา 2 ปีนำรถปิกอัพคันดังกล่าวซึ่งเดิมเป็นสีขาวและมีวัยรุ่นชาย 2 คนนำรถเก๋งสีดำมาที่บ้าน จากนั้นวัยรุ่นทั้งสองคนช่วยกันพ่นสีสเปรย์สีดำรอบตัวรถแต่ก็ไม่ได้สอบถามอะไร เพราะคิดว่าเป็นเรื่องของ ด.ต.ชาญชัย เสร็จแล้วมอบกุญแจรถให้เก็บไว้บอกว่าฝากไว้ 7 วัน เลยเอะใจโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

...

ด้าน พ.ต.อ.ธรรมจักรเปิดเผยภายหลังตรวจสอบรถว่า เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานพยานทุกอย่างในตัวรถและรอบบริเวณรถ ในรถพบป้ายทะเบียนรถคือ ผข 9158 อุดรธานี วางอยู่บนพื้นรถหลังเบาะข้างคนขับ ฮาร์ดดิสก์ในช่องเก็บของหน้ารถ รวมทั้งสิ่งของอีกหลายรายการ นอกจากนี้ ยังพบกระป๋องสเปรย์สีดำอยู่ในถังสีใต้ถุนบ้านรวม 15 กระป๋อง กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้ป้องกันตอนพ่นสี เบื้องต้นน่าเชื่อว่าเป็นรถคันที่ใช้ก่อเหตุจริงและนำมาซุกซ่อนอำพรางไว้

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. นางขันตี สร้อยสังวาลย์ อายุ 74 ปี แม่ ด.ต.ชาญชัย พร้อมญาติๆมารวมตัวกันปั๊มน้ำมัน ส. สำรวยบริการ เลขที่ 170 หมู่ 2 ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวสร้อยสังวาลย์ เปิดเผยถึงคดีดังกล่าว โดยนางขันตีฝากไปถึง ด.ต.ชาญชัย อยากให้มอบตัว เพราะหลังเกิดเหตุขาดการติดต่อกับ ด.ต.ชาญชัยมา 2 สัปดาห์แล้ว กลัวถูกฆ่าตัดตอนไม่ให้สาวไปถึงคนบงการ ไม่อยากให้ต่อสู้ขัดขืน และให้สำนึกผิด ทุกคนและครอบครัวพร้อมให้อภัย

ส่วนนายสนิทและนางวรรณา ชารีแสน พ่อแม่ ของนายปัญจ๋า อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 7 บ้านคำปลาฝา ต.ขมิ้น อ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังทราบข่าวว่าลูกชายถูกจับในข้อหายิงพระ ตกใจจนนอนไม่หลับ กินข้าวไม่ได้ แต่เมื่อลูกรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือยิงพระต้องทำใจ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกชายจะลงมือยิงพระได้ เพราะเป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง ไม่เกเร แต่เมื่อเกิดเรื่องก็ต้องชดใช้กรรม ที่ผ่านมาเคยเตือนลูกแล้วเรื่องการคบเพื่อน แต่ไม่ฟัง

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลอนุมัติหมายจับกุม ด.ต.ชาญชัย คนขับรถและชี้เป้าที่หลบหนีอยู่ในประเทศลาว ได้ประสานนำตัวมาสอบสวนขยายผลเนื่องจากเป็นพยานปากสำคัญที่เชื่อมโยงกลุ่มมือปืนและผู้จ้างวานฆ่าพระอาจารย์บัณฑิต ส่วนผู้จ้างวานในทางสืบสวนมีข้อมูลยืนยันตัวบุคคลแต่รอพยานหลักฐานเชื่อว่าจะขออนุมัติออกหมายจับได้ในเร็ววันนี้ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่านอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และเสี่ย บ. ที่ชุดสืบสวนเชื่อว่าเป็นผู้จ้างวาน ยังมีคนอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะจะกระทบต่อคดี

...

ผบ.ตร.กล่าวว่า จากรายงานผลสืบสวนทางลับ คดีนี้มีนักธุรกิจรายใหญ่ของ จ.อุดรธานี ชื่อย่อว่า บ. เป็นผู้ว่าจ้าง ด.ต.ชาญชัยให้จ้างนายปัญจ๋า ลงมือ 50,000 บาท มูลเหตุจากความเข้าใจผิดในตัวพระเกี่ยวกับประเด็นด้านชู้สาว และอาจมีบุคคลที่ 3 เกี่ยวข้องแต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากจะกระทบกับรูปคดี ได้โอนคดีให้กับกองปราบปรามแล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่สะเทือนขวัญและมีตำรวจมาเกี่ยวข้อง โดยได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและให้ ด.ต.ชาญชัยออกจากราชการไว้ก่อน และย้าย ผบก.ภ.จ.อุดรธานี กับ ผบก.กฝ.ตชด.ที่มีข้อมูลเคยทำงานกับ ด.ต.ชาญชัย เพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัย มีความโปร่งใส ส่วนระดับ ผบก.จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ต้องขอผลการสืบสวนสอบสวน ขอยืนยันหากผลพยานหลักฐานเชื่อมโยงใครจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีการช่วยเหลือและปกป้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองปราบปรามว่า พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.พลฑิต ไชยรส ผกก.3.บก.ป. และ พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรมัย ผกก.4.บก.ป.ที่ยังคงทำงานอยู่ในพื้นที่ออกติดตามล่าตัว ด.ต.ชาญชัย ร่วมกับ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ คณะทำงานศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. กระทั่งบ่ายชุดทำงานของกองปราบปราม ประสานเจ้าหน้าที่ สปป.ลาวได้ติดตามล่าตัว ด.ต.ชาญชัย หลังจากสืบทราบว่าหลบหนีออกไปอาศัยอยู่ชายแดนลาว โดย พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.กล่าวว่า ได้รับรายงานจากชุดสืบสวนว่าตำรวจ สปป.ลาว สามารถจับกุม ด.ต.ชาญชัยได้แล้ว ขณะกบดานบริเวณชายแดนฝั่งลาว ห่างจาก จ.บึงกาฬ กว่า 100 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างรับมอบตัวมาสอบสวน

ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รักษาราชการแทน จเรตำรวจ (สบ8) ปฏิบัติหน้าที่รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) เปิดเผยระหว่างนำกำลังลงพื้นที่ จ.บึงกาฬ เพื่อติดตามจับกุม ด.ต.ชาญชัยว่า เจ้าหน้าที่พบ ด.ต.ชาญชัยนำรถปิกอัพมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน กม 3616 ขอนแก่น และปืน .38 พร้อมซองกระสุน 6 นัด วิทยุสื่อสารและโทรศัพท์มือถือฝากไว้ที่บ้าน นายจุน ดอนโสม อายุ 40 ปี ริมน้ำโขงก่อนหลบหนีข้ามชายแดน มีชาวบ้านปากกะดิ่ง เมืองปากกะดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ที่รู้จักกันในขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาตินำเรือมารับก่อนถูกตำรวจ สปป.ลาวจับกุมได้ และระหว่างคุมตัวกลับฝั่งไทยเกิดปัญหามีฝนตกพายุพัดแรง ทำให้แม่น้ำโขงมีคลื่นสูง เกรงจะเกิดอันตรายจึงระงับการส่งมอบตัวไว้ก่อน และจะนำตัวมาส่งให้เช้าวันที่ 27 มี.ค.

...

ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยระหว่างเดินทางมารอรับมอบตัว ด.ต.ชาญชัยที่ บก.ภ.จ.อุดรธานี ว่า วันนี้มีหลายประเด็นเพิ่มขึ้นมา และมีหลักฐานเพิ่มเติมที่ตรวจยึดได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้านายปัญจ๋าที่ใส่ในวันก่อเหตุ ยานพาหนะที่ใช้ในวันก่อเหตุ ด.ต.ชาญชัย เอาไปฝากไว้กับเพื่อนรู้จักกันที่ จ.หนองบัวลำภู ชาวบ้านแจ้งตำรวจให้ไปตรวจสอบ พบว่ามีการเปลี่ยนสี นอกจากนี้ พยานหลายปากยืนยันพฤติกรรมของ ด.ต.ชาญชัย โดยเฉพาะได้ปรับทุกข์เพื่อนร่วมงาน ข้อมูลเหล่านี้จะนำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคลอื่นๆ เพิ่มเติม แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่ามีกี่คน ส่วน ด.ต.ชาญชัยยังไม่ได้นำตัวเข้ามาเพราะถูกทางการลาวคุมตัวดำเนินคดีเข้าเมืองผิดกฎหมาย เสร็จแล้วจะนำมามอบให้พนักงานสอบสวนต่อไป