"วิษณุ" ชี้ ข้อกฎหมายคดียักยอกเงินยอมความได้ แต่ฉ้อโกงต้องเดินหน้าต่อ ระบุ 684 ล. เป็นแค่จำนวนหนึ่งที่ออกจากไปสหกรณ์ฯ เท่านั้น ยังเหลืออีก

วันที่ 17 มี.ค. เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงกรณีวัดพระธรรมกาย ยอมคืนเงินให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 684 ล้านบาท หลังศาลจังหวัดธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นัดไกล่เกลี่ย เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า คดีมี 3 ประเภท ได้แก่ 1.คดีอาญา ประกอบด้วยข้อหาฉ้อโกงประชาชนและยักยอกเงิน เรื่องใดที่ไม่ใช่ความผิดที่ยอมความได้ จะยอมความไม่ได้ ต้องเดินหน้าต่อไป

2.คดีสหกรณ์ฯ ฟ้องเรียกคืนเงินจากวัดพระธรรมกาย 684 ล้านบาท เรื่องนี้จบลงเมื่อวันที่ 16 มี.ค.แล้ว และ 3.คดีล้มละลาย เป็นเรื่องเจ้าหนี้กับสหกรณ์ฯ ที่มีการฟ้องล้มละลาย ต้องมีการเดินหน้าต่อ โดยจะมีการไต่สวนกันอีกภายใน 45 วัน ดังนั้น บางเรื่องอาจจบ บางเรื่องอาจจะไม่จบ แต่อย่างน้อยเป็นการแสดงเจตนาดี เพราะสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องการ คือ เอาเงินกลับคืนมาให้ได้ก่อน เพื่อจะไปเยียวยาสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่มีอยู่จำนวนมาก ขณะนี้สำเร็จไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเงิน 684 ล้านบาท ไม่ใช่เงินจำนวนทั้งหมดที่ออกไปจากสหกรณ์ฯ พยายามดูว่าเงินออกไปไหนบ้าง ประมาณ 20 แห่ง แบ่งเป็น 6 กลุ่ม วันนี้ได้กลับมาส่วนหนึ่ง ยังมีส่วนอื่นอีก

"ความผิดฐานยักยอกเป็นคดีอาญาที่ยอมความได้ ต้องไปว่ากันต่อ โดยทางสหกรณ์ฯพอใจคดีแพ่งที่ศาลจังหวัดธัญบุรี และเขาแจ้งว่า จะทำหนังสือไปยังตำรวจ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า ส่วนใดที่เคยเป็นเจ้าทุกข์คดีอาญาไว้ก็ไม่ติดใจ หากสามารถยอมความได้ แต่ข้อหาฉ้อโกงประชาชนนั้น ยอมความไม่ได้" นายวิษณุ กล่าว