คล้ายพลังของ 'สีเขียว' ที่ยิ่งมอง ยิ่งสบายตา แต่ทว่าภาพเซตนี้ไปไกลกว่า เพราะนอกจาก 'สบายตา' แล้วยัง 'สบายหัวใจ'

เป็นความสบาย ที่แฝงความสุขจากความนิ่งไร้การเคลื่อนไหว เป็นความนิ่ง สงบ ผ่อนคลายไปทั้งตัวและจิตใจ    

ภาพเล่าเรื่องไทยรัฐออนไลน์สัปดาห์นี้ ภพธนา บุบผชาติ ช่างภาพฝีมือดีไทยรัฐออนไลน์เก็บมาจาก วัดบางกุ้ง หรือ วัดค่ายบางกุ้ง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นภาพที่ยิ่งมองยิ่งเหมือนมีใครยิ้มให้

เป็นรอยยิ้มที่ย้ำเตือนให้เราพบความสุขจากการไม่ไขว่คว้า หรือแย่งใครชิงมา เป็นความสุขเรียบง่าย ไม่ต้องใช้จ่ายเงินตรา และหาได้ด้วยตัวเอง.  

ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา

...

ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา

...

ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา

...

ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา
ปริศนารอยยิ้ม กับ พระอุโบสถถูกต้นไทรโอบกอด วัดบางกุ้ง อัมพวา

...


***รู้ไว้ใช่ว่า***

วัดบางกุ้ง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ตามประวัติกล่าวว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปีพ.ศ. ๒๓๐๘ กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง”

กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ค่ายบางกุ้งก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีแล้ว โปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้ง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง” ในปี พ.ศ. ๒๓๑๑ หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ ๘ เดือน กองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ ทหารจีนที่รักษาค่ายบางกุ้งสู้รบอย่างเต็มที่แต่มีกำลังน้อยกว่าเกือบจะเสียค่ายแก่พม่า กรมการเมืองสมุทรสงครามจึงมีหนังสือกราบทูลไปยังกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงทราบจึงยกกองทัพมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไป และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๗ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกกองทัพเรือนำทหารไปออกศึกที่บางแก้ว เมืองราชบุรี ในระหว่างการเดินทางได้หยุดกองทัพพักพลเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบางกุ้ง

หลักฐานโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนปัจจุบันถูกต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งหลังหน้าบันของพระอุโบสถ มีปูนปั้นลวดลายพรรณพฤกษาประดับด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย


พระอุโบสถที่ถูกต้นไทรปกคลุม 1 ใน Unseen Thailand ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่สมัยอยุธยาตอนปลาย สลักจากหินทรายแดง แสดงปางมารวิชัย ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังพระอดีตพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ ๕ เมตร ความยาว ๗ เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น และกรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดบางกุ้งเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๙