ดีเอสไอแกะ ปมเชื่อมโยง เงินสหกรณ์ ‘วิษณุ’ชิงปัด ยุบกก.ปฏิรูป
“วิษณุ เครืองาม” ชี้รัฐไม่มีสิทธิ์ยุบคณะกรรมการพระพุทธศาสนา ระบุรัฐบาลแยกเรื่องศาสนากับชาติบ้านเมืองไม่เกี่ยวกัน ด้านสงฆ์ 2 ฝ่ายยังขับเคี่ยวกันเรื่อง “ธัมมชโย” ปปง. พิจารณาคำชี้แจงบิ๊กโฮลดิ้งส์กรุ๊ป ก่อนลงมติอายัดทรัพย์หรือไม่ ดีเอสไอยังแกะรอยเส้นทางเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ
ความคืบหน้าคดี “ธัมมชโย” ที่สงฆ์ 2 ฝ่ายยังขับเคี่ยวกัน โดยเมื่อวันที่ 5 มี.ค. คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ถวายคืนพระราชอำนาจสมเด็จพระสังฆราช โดยระบุว่า ห้ามมีการแทรกแซงและเร่งถวายคืนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในการสถาปนาและปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราชในทุกกรณี พร้อมกับเรียกร้องให้ยกเลิกข้อความที่มีปัญหาใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฉบับปัจจุบัน และให้เคารพพระธรรมวินัย ห้ามทุกภาคส่วนเข้าแทรกแซงหรือก้าวล่วงสมบัติของสงฆ์ แต่หากพระสงฆ์กระทำผิดพระธรรมวินัย ก็ต้องถูกดำเนินการตามพระธรรมวินัย และกฎหมาย
ขณะที่เครือข่ายพระธรรมทูตไทยและกลุ่มชาวพุทธไทยในยุโรปและสหราชอาณาจักร ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ระบุว่า คณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา มีการให้สัมภาษณ์ในลักษณะข่มขู่ คุกคาม ว่าจะตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม อีกทั้งเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ม็อบของพุทธะอิสระยังไปคุกคามกรรมการ มส. และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงขอให้นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งยุบกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา ให้ออกมาตรการเพื่อปกป้องภัย พระศาสนาและมหาเถรฯ และให้ปราบปรามกลุ่มของพุทธะอิสระและผู้ที่แอบอ้างศาสนาจนทำให้เกิดความขัดแย้ง
...
ด้านนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา หรือ สนพ. กล่าวว่า เคยไปบันทึกเทปรายการโทรทัศน์ร่วมกับนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ชี้แจงนอกรอบไปว่าไม่ได้คัดค้านการตรวจสอบวัดพระธรรมกาย แต่ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา ซึ่งนายไพบูลย์ก็เข้าใจตรงกัน แต่หลังจากนั้นนายไพบูลย์กลับออกมาให้ข่าวว่า การเคลื่อนไหวของ สนพ. ได้รับการสนับสนุนจากวัดพระธรรมกาย หากนาย ไพบูลย์ยังให้สัมภาษณ์ลักษณะนี้อีก สนพ.จะแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช.เป็นประธานว่า นายกฯหรือ คสช.ไม่มีสิทธิ์ยุบคณะกรรมการชุดนี้ เพราะไม่ได้เป็นคนตั้งขึ้น ต้องไปถามประธาน สปช.ที่เป็นผู้ตั้งขึ้น รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ ขอย้ำว่ารัฐบาลได้แยกเรื่องศาสนากับบ้านเมือง ประเด็นใดเป็นเรื่องศาสนาเป็นเรื่องคณะสงฆ์วินิจฉัย รัฐบาลจะทำในส่วนที่เกี่ยวกับทางบ้านเมือง ฝากเรียนไปยังทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ การจะปฏิรูปวงการศาสนานั้น ใครมีหน้าที่ก็ทำของท่านไป เมื่อมีข้อสรุปว่าจะปฏิรูปเรื่องใดก็ต้องส่งให้รัฐบาล เรื่องใดที่จะไปแตะคณะสงฆ์ รัฐบาลก็ต้องส่งเรื่องนั้นไปให้คณะสงฆ์ โดยเฉพาะมหา-เถรสมาคมเพื่อฟังความเห็น จึงขอให้ไว้วางใจ เพราะมีข่าวทำนองว่ารัฐบาลจะรวบรัดตัดความ ซึ่งไม่มีวันจะเกิดขึ้นได้แน่นอน
ขณะที่การสอบสวนคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ยูเนี่ยน คลองจั่น พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน. 2 รอ.) ว่าคดีนี้ต้องแยกระหว่างการตรวจสอบวัดพระธรรมกาย และบุคคลที่กระทำผิดออกจากกัน ปปง.จะไม่เข้าไปยุ่งในเรื่องคดีอาญา ที่ตัวบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ แต่ ปปง. จะเข้าไปดูในรายละเอียดเรื่องทรัพย์ที่ได้มา โดยหลักการแล้ว บุคคลใดที่รับทรัพย์สินที่ได้ไปจากการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงิน ปปง.จะดูเจตนาว่ารู้หรือไม่ว่าทรัพย์ที่ได้รับ เป็นทรัพย์ที่ได้มาจาก การฟอกเงินหรือไม่
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวว่า ถ้าชี้แจงได้ก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน แต่ทรัพย์ถูกอายัดได้ คล้ายกับกรณีของ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ปปง.จะต้องดูเจตนาของผู้ที่รับเงินไป ถ้ายืนยันในเจตนาบริสุทธิ์ มีพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง ก็ไม่ผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนี้ ปปง.จะเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยน มงคลเศรษฐี ว่าเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ดินของวัดพระธรรมกายที่คณะกรรมการปฏิรูปเสนอให้ ปปง.ไปตรวจสอบ กำลังดำเนินการอยู่ และไม่สามารถเปิดเผยคำชี้แจงของนายสถาพร วัฒนา-ศิรินุกุล ผู้บริหารบริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ที่เข้าชี้แจงกับ ปปง.หลังถูกอายัดทรัพย์ และในวันที่ 17 มี.ค. จะพิจารณาคำชี้แจงของนายสถาพรก่อนลงมติว่าจะเพิกถอนอายัดหรือไม่
ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุวชีวกุล หัวหน้าพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นกับวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบสิ่งก่อสร้างภายในวัดพระธรรมกาย ประเมินมูลค่าทรัพย์สินของวัดและหาความเชื่อมโยงของจำนวนเงิน ที่มีการยักยอกจากสหกรณ์ฯ ทั้งนี้ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าหรือวันที่ 10 มี.ค.เป็นต้นไป จะมีการสอบปากคำธัมมชโยและพระลูกวัดที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเช็ค 878 ฉบับ รวมทั้งบุคคลและนิติบุคคลที่ชื่อปรากฏในเช็คทั้งหมด โดยจะทยอยสอบปากคำวันละ 3-4 คน ส่วนคดีจะรวดเร็วหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องอายุคดีความยืนยันไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มีอายุความถึง 15 ปี ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ.2552
พ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โอนเงินให้ธัมมชโยกับวัดพระธรรมกาย และยังพบว่ามีการโอนเงินต่อไปยังบุคคลอื่นอีกจำนวนหลายกลุ่ม แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีกี่คน มีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารกว่า 8-9 แห่ง ต้องยอมรับว่า การติดตามเส้นทางการเงินนั้นเป็นเรื่องยากกว่าจะเจอเงินจำนวนดังกล่าว ไปสิ้นสุดปลายทางที่ใคร ถ้ามีการรับเงินแล้วโอนเงินต่อไปในช่วง 1-2 วัน ก็จะตรวจสอบได้ง่าย แต่ถ้าโอนต่อเข้าไปที่วัด แล้วพักเงินไว้เป็นเวลานาน ก่อนที่จะโอนย้ายเงินให้กับบุคคลอื่นก็จะยากในการติดตามตรวจสอบว่าเงินไปสิ้นสุดที่ใด จุดนี้ถือว่ายากในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จะต้องใช้เวลามาก เพราะถ้าเขาไซฟ่อนเงิน คนที่เกี่ยวข้องในกระบวนการนี้จะต้องมีความพยายาม ยักย้ายถ่ายเทโอนเงิน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเส้นทางการเงินได้ ส่วนกรณีที่นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกว่าจะให้ดีเอสไอเข้าไปยึดอายัดทรัพย์สินของวัดพระธรรมกาย หากวัดยังไม่มีการคืนเงินบริจาคภายในเดือน มี.ค.นี้ เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ามีการประสานเรื่องดังกล่าว มาที่ดีเอสไอเพื่อให้เข้าไปยึดอายัดทรัพย์สินของวัดพระธรรมกาย แต่ยืนยันว่าดีเอสไอจะเร่งดำเนินการตรวจสอบนำเงินกลับคืนสู่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นทุกราย
...
ขณะที่นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ยื่นฟ้องเรียกเงินของสหกรณ์คืนจากธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและพระลูกวัด จำนวนเงินรวม 937 ล้านบาท อยากขอให้ฝ่ายสงฆ์ช่วยชาวบ้าน ด้วยการคืนเงินให้แก่สหกรณ์ เพราะผู้เดือดร้อนมีจำนวนมาก เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่สบายใจที่จะใช้กระบวนการทางกฎหมายกับพระ หากเป็นได้ถ้าวัดไม่สามารถจะคืนเงินทั้งหมด 937 ล้านบาทในงวดเดียว ขอให้ทยอยคืนมาอาจจะครั้งละ 100 ล้านบาทก็ได้ ถ้าได้เงินคืนจากวัดพระธรรม–กาย ก็จะช่วยให้ผู้ฝากเงินรายย่อยกว่า 54,000 คน มีโอกาสถอนเงินฝากคืนได้ เพราะกลุ่มนี้มีเงินฝากรวมกันไม่ถึง 600 ล้านบาท