นักท่องเที่ยวได้ร้องว้าว! กันยกใหญ่ ในที่สุดตลาดน้ำแห่งใหม่ก็กำลังจะเกิดขึ้นจริง ณ ใจกลางกรุง (ข้างๆ ทำเนียบรัฐบาล) จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก ตลาดน้ำวิถีไทยคลองผดุงกรุงเกษม ที่ทอดยาวตั้งแต่สะพานอรทัย ถนนลูกหลวง ถึงบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ แว่วมาว่าเตรียมพร้อมจะเปิดให้เข้าไปล่องเรือพายสไตล์ชิลชิลกันได้ตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. - 1 มี.ค. รวมทั้งหมด 18 วัน ไม่มีวันหยุด เพื่อส่งเสริมวาระแห่งการท่องเที่ยววิถีไทยในปี 2558 นี้
แต่ก่อนจะไปเปิดตลาดวันแรกในวันที่ 12 ก.พ. นี้ ไทยรัฐออนไลน์ ขอพาไปทำความรู้จักกับคลองผดุงกรุงเกษมกันสักนิด ว่าจริงๆ แล้วคลองนี้มีมานานหรือยัง ตั้งอยู่ตรงไหน แล้วจะขายอะไรบ้าง พร้อมแล้วก็ล้อมวงกันเข้ามาชม 6 ข้อควรรู้เกี่ยวกับตลาดแห่งใหม่แห่งนี้กันดีกว่า
1. คลองนี้ท่านได้แต่ใดมา?
คลองผดุงกรุงเกษม ตามประวัติดั้งเดิมระบุว่าเป็นคลองรอบพระนครชั้นนอก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขุดเมื่อ พ.ศ. 2394 ด้วยพระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าบ้านเมืองเจริญรุดหน้าขึ้น ผู้คนก็มากกว่าเมื่อเริ่มสร้างกรุง ควรขยับขยายพระนครออกไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ว่าที่สมุหพระกลาโหมเป็นแม่กอง เจ้าหมื่นไวยวรนาถเป็นกงสีจ้างจีนขุดคลองพระนครออกไปอีกชั้นหนึ่ง โดยขุดถัดจากคลองรอบกรุงออกไปทางชานพระนคร เริ่มขุดจากปากคลองริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณวัดเทวราชกุญชร (วัดสมอแครง) ย่านเทเวศร์ มีแนวขนานไปกับคลองคูเมืองเดิม ผ่านย่านหัวลำโพง ตัดผ่านคลองมหานาคไปทะลุแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้านหนึ่งบริเวณวัดแก้วแจ่มฟ้า สี่พระยา คลองนี้ขุดเสร็จในปี พ.ศ. 2395 ได้รับพระราชทานชื่อว่า "คลองผดุงกรุงเกษม"
...
คลองนี้ตัดผ่านคลองมหานาค บริเวณสี่แยกมหานาค ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญ ผ่านบริเวณหัวลำโพงในปัจจุบัน ผ่านวัดมหาพฤฒาราม ในสมัยที่ทำการขุดมีขนาดกว้าง 20 เมตร ลึก 3 เมตร ยาว 5.5 กิโลเมตร (ข้อมูล : วิกิพีเดีย)
2. ทำไม? ต้องตลาดน้ำ ณ คลองผดุง
เนื่องจาก กทม. ต้องการพัฒนาพื้นที่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมและพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องที่แต่เดิมถูกปล่อยปละละเลย ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ พร้อมกับอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมแบบไทยๆ ซึ่งผูกพันอยู่กับสายน้ำลำคลองเอาไว้ไม่ให้สูญหายไป ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเรียนรู้ และสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำแบบไทยในอดีต
3. ที่นี่มีอะไรน่าเที่ยว?
ทาง กทม. ได้เนรมิตให้มีพื้นที่ตลาดบกและตลาดน้ำขึ้น โดยตลาดบกเปิดให้บริการเวลา 11.00-20.00 น. และตลาดน้ำให้บริการ 15.00-20.00 น. ภายในนตลาดนักท่องเที่ยวจะได้พบกับเรือค้าขายเข้าร่วมงานจำนวนถึง 90 ลำ และมีท่าเรืออีก 3 ท่า เอาไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการนั่งเรือชมคลองผดุงกรุงเกษมย่านเทเวศน์-หัวลำโพง โดยจัดเรือท่องเที่ยวขนาดที่นั่ง 40 คน ไว้บริการวันละ 2 เที่ยว เวลา 16.00 น. และ 17.00 น.
4. กิจกรรมชิคแอนด์ชิลล่ะ?
ส่วนกิจกรรมที่จะมีขึ้นภายในงานก็น่าสนใจ ได้แก่ ในโซนตลาดบกจะมีการจัดซุ้มการทำเรือจำลอง การทำว่าวประดิษฐ์ งานศิลปหัตถกรรม การเสวนาทางวิชาการ หัวข้อ วิถีไทยกับสายน้ำ นิทรรศการประวัติศาสตร์คลองผดุงกรุงเกษม การแสดงวัฒนธรรมดนตรี และการแสดงศิลปวัฒนธรรม ส่วนโซนตลาดน้ำจะมีการแข่งขันพายเรือประเภทสนุกสนาน การแข่งขันเรือหัวใบ้ท้ายบอด
นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียง ยังมีการกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวแหล่งวัฒนธรรมย่านนางเลิ้ง บริเวณตลาดนางเลิ้ง โรงหนังเฉลิมธานี วัดสุนทรธรรมทาน และบ้านศิลปะ พร้อมจัดซุ้มถ่ายรูปที่ระลึกภายในบริเวณงาน อีกทั้งยังมีกิจกรรมตักบาตรทางเรือ จำนวน 61 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 25 ก.พ. เวลา 07.00 น. อีกด้วย
5. มีสินค้าอะไรน่าสนใจบ้าง?
ส่วนสินค้าที่นำมาจำหน่าย ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์ของดีเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดุสิต และเขตพระนคร รวมถึงผลิตภัณฑ์และอาหารคุณภาพและมีชื่อเสียง ภายใต้แนวคิด “5 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ” โดย 5 ตลาดบก ได้แก่ ตลาดนางเลิ้ง เขตป้อมปราบฯ ตลาดหัวตะเข้ ริมคลองประเวศ ตลาดหลวงแพ่ง เขตลาดกระบัง ตลาดวัดทอง เขตบางกอกน้อย ตลาดวัดนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ และ 6 ตลาดน้ำ ได้แก่ ตลาดวัดกำแพง ริมคลองบางหลวง ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำวัดสะพาน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน และตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง (พระประแดง) ในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงมาจำหน่ายภายในงานด้วย ทั้งหมดนำมารวบรวมไว้ให้ได้ชม ชิม ช็อป กันที่นี่
...
6. การเดินทางล่ะ?
สำหรับใครที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวที่นี่ ทาง กทม. ได้จัดพื้นที่จอดรถไว้สำหรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงาน ได้แก่ วัดโสมนัสวิหาร วัดมกุฏกษัตริยาราม ริมถนนลูกหลวง และได้รับความอนุเคราะห์พื้นที่จากสนามม้าราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง) ให้สามารถเข้าจอดได้ แต่เนื่องจากจุดดังกล่าวอยู่ห่างจากพื้นที่จัดงานพอสมควรจึงจะได้จัดรถบริการไว้คอยรับส่งเพื่อความสะดวกของผู้ร่วมงาน ทั้งนี้ ได้จัดบริการรับส่งประชาชนที่จะมาร่วมงานจำนวน 3 จุด
จุดแรก สามารถโดยสารรถไฟใต้ดิน MRT มาลงที่สถานีหัวลำโพงและขึ้นเรือจากท่าเรือหัวลำโพงมายังบริเวณจัดงาน รับส่งทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 19.00 น.
จุดที่ 2 เจษฎาเทคนิคมิวเซียมบริการรถบัสโบราณซานฟราน รับส่งทุกวัน ระหว่างเวลา 11.00 – 20.00 น. เส้นทางจากราชตฤณมัยสมาคม (สนามม้านางเลิ้ง)
จุดที่ 3 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดบริการรถรางโบราณจากวัดโสมนัสวิหาร - สนามมวยราชดำเนิน - แยกผ่านฟ้า - ถนนนครสวรรค์ - ตลาดนางเลิ้ง - แยกเทวกรรม และวัดโสมนัสวิหาร บริการระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 12 - อาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์/วันที่ 21 – 22 กุมภาพันธ์ และวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2558
...
ส่วนใครที่อยากใช้เส้นทางรถไฟใต้ดิน MRT มาลงที่สถานีหัวลำโพงนั้น ก็จะมีเรือไว้ให้บริการรับส่ง ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. โดยเรือทุกลำจะมีเสื้อชูชีพไว้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร เพื่อความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน สอบถามการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ กองการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2225-7612-4
รู้อย่างนี้แล้ว จะควงแขนคนรู้ใจไปเที่ยววาเลนไทน์แบบย้อนยุคกันที่นี่ก็เก๋ไก๋ไม่น้อย ทั้งยังได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารไทยๆ ช็อปปิ้งสินค้าไทยๆ และได้ล่องเรือชมบรรยากาศแบบไทยๆ โห...สมกับเป็นธีมท่องเที่ยววิถีไทยในปีนี้จริงๆ.
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก siamsouth.com