เลิก‘อัยการศึก’มีเรื่องแก้ยังไงใบ้กิน-ไม่ตอบ‘บิ๊กตู่’ระบุปชต.ไม่ตายจากไทยบอกถ้าไล่ล่าปูเอาเข้าคุกแล้ว!

“บิ๊กตู่” เผย “ธนะศักดิ์” รมต. บัวแก้ว ย้อน “แดเนียล” ถึงกับอึ้ง เลิกกฎอัยการศึก ถ้าวุ่นจะทำไง คึกหวังใช้เวทียูเอ็นเคลียร์อีกรอบ บอกเหลือไม่กี่ ปท.ที่ไม่เข้าใจ เมินเดินสายพบ “ปู” ย้ำถ้าไม่ทำผิดใครจะเล่นงานได้ เหน็บอดีตนายกฯหญิง “ประชาธิปไตยไม่มีตายไปจากแผ่นดินไทย” ขู่ถ้าไล่ล่าจริงจับยัดเข้าคุกจบ “นิพิฏฐ์” ซัดมะกันแทรกแซงไทย ฟังแต่ข้อมูลด้านเดียว “ปึ้ง” ขี่กระแส “แดเนียล” ไล่ขย่มบอกลูกผู้ชายต้องเล่นแฟร์ๆ อย่าตบตามหาอำนาจรู้หมด “สิงห์ทอง” ซีดรายงานตัว มทภ.1 ฮึ่มถ้ายังป่วนเจอกันอีก “บิ๊กป้อม” สั่งห้ามทำแตกแยก ครม.ไฟเขียว มท.โยกระดับ ผวจ. 10 ตำแหน่ง กระฉ่อนเด้งฟ้าผ่าเด็ก “เนวิน” “บิ๊กป๊อก” ย้ำไม่เกี่ยวทุจริต นายกฯสำทับใครเกียร์ว่างโดนอีก กมธ.ยกร่างฯขีดวงอำนาจ กกต.แค่คุมเลือกตั้ง ริบดาบแจกใบแดงให้ศาลอุทธรณ์ผุดองค์กร กจต.จัดการเบ็ดเสร็จ

จากกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าพบบุคคลสำคัญทางการเมืองของฝ่ายไทย ทำให้ถูกจับตามองว่ามีการส่งสัญญาณกดดันรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำเนินการตามโรดแม็ปที่ประกาศไว้

เผย “แดเนียล” ถูกย้อนจนใบ้กิน

เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ทำเนียบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่า พล.อ.ธนะศักดิ์เล่ารายละเอียดให้ฟังทั้งหมดแล้ว ฝ่ายรัฐบาลชี้แจงสถานการณ์ทั้งหมดว่าอะไรเป็นอะไร รวมทั้งได้ถาม กลับไปว่าถ้าต้องลดการใช้กฎอัยการศึกแล้วเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ต่างๆ หรือถ้าเป็นในสหรัฐฯแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งนายแดเนียลก็ตอบไม่ได้ บอกว่าเดี๋ยวไปหาคำตอบมาก่อน ถือว่ายังติดคำตอบไว้ว่าจะมีวิธีการอะไรหรือไม่ ทุกคนก็ทราบดีว่าถ้าไม่มีกฎหมายดังกล่าว ทุกคนจะออกมาพูดเสนอความคิดเห็นจนเกิดความวุ่นวายไปหมด

...

“บิ๊กตู่” คึกหวังใช้เวทียูเอ็นชี้แจง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีที่ไหนปฏิวัติมาแล้วทำแบบตน ส่วนใหญ่ปฏิวัติแล้วก็ดำเนินการเต็มที่ ไม่มีมานั่งแถลงชี้แจงเหตุผล แต่บางอย่างก็ต้องอยู่ในกรอบบ้าง บางอย่างต้องให้เกียรติกัน และไม่มีความกังวลอะไร นอกจากนายแดเนียลแล้ว ยังมีเอกอัครราชทูตถาวรประจำสหประชาชาติอีก 21 ประเทศเข้าพบตน จึงถือโอกาสชี้แจงโรดแม็ปที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ ก็ชี้แจงไปตรงๆ ว่าไม่สามารถเล่าในรายละเอียดได้ว่าบ้านเรามีปัญหาอะไรบ้าง เพราะอายตัวเอง ไม่อยากพูดสิ่งที่ไม่ดีของ ประเทศไทยมากนัก ขอให้เป็นเรื่องของเรา เขาก็เข้าใจ แต่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมดว่าจะทำอะไรบ้าง ก็มี การตอบสรุปกลับมาว่าพอใจในคำชี้แจง และคิดว่าสิ่งที่ตนทำเป็นแบบอย่างและตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนและประชาคมโลก และยังเชิญไปพูดและชี้แจงในเวทีประชุมใหญ่ของสหประชาชาติเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ ก็พร้อมจะเดินทางไปถ้ายังอยู่ก็ไปอยู่แล้ว

เชื่อมือ “บิ๊กเจี๊ยบ” ทำงานดีแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ไม่ได้มองแค่ประเทศไทย เราต้องมองถึงประชาคมโลก ซึ่งไม่ใช่แค่การค้าการลงทุนและเศรษฐกิจ ต้องมองถึงประชาคมโลกและความเป็นมนุษยชาติว่าจะอยู่อย่างไรไม่ให้มีความขัดแย้ง แต่ถ้ามีการทุจริต โกงหรือทำ ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน เหมือนความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถ้า ไม่ทำหรือไปก้าวล่วงสถาบันก็ไม่มีใครไปตรวจสอบ หากเราไม่มีอะไรควบคุมเลยปล่อยให้เสรีก็เกิดปัญหา เมื่อถามว่าต้องปรับปรุงการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า พล.อ.ธนะศักดิ์เข้าไปปรับปรุงการทำงานทั้งหมดแล้ว ทำงานเชิงรุกมาตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ ปรับให้เดิน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการเชื่อม ต่อด้านต่างๆ รวมถึงงานด้านความมั่นคงก็ต้องไปพูดคุยกับประเทศต่างๆ ให้เข้าใจในการดำเนินคดีอาญาหรือคดีตามมาตรา 112 และคดีถอดถอน อย่า ไปมองว่าเขาไม่ทำงานเชิงรุก มีการเช็กปฏิกิริยา เสียงสะท้อนกลับจากประเทศต่างๆตลอด สรุปผลกันทุกวัน ส่วนใหญ่เข้าใจมากขึ้น มีเพียงอีกไม่กี่ประเทศที่ยังติดคำว่าประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ทั้งหมดยังมีการค้าขายกับไทยตามปกติ เรื่องประชาธิปไตยต้องแยกออก เรื่องการค้าขายก็ทำไปไม่สามารถพูดคำอื่นได้และต้องแสดงบทบาทของตัวเองออกมา เพราะเขาเป็นประเทศมหาอำนาจ

บอกอย่าไปสนใจมะกันพบ “ปู”

เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่ต่างประเทศเคยบีบคั้นไทยลดลงแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เขาบีบเราตรงไหน ไม่มีใครมาบีบหรือมายุ่งอะไร กับตนเลย ทั้งสมาคมพ่อค้า ประชาชน ส่วนใหญ่มาคุยก็ขอให้เราดูแลและพอใจมาตรการที่ออกมาในปัจจุบัน บางอย่างดีกว่าในภาวะปกติด้วย เพียงแต่เขาพูดไม่ได้ว่าเห็นชอบกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจแบบนี้ ส่วนการพบกันของนายแดเนียลกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่า ไปสนใจเป็นเรื่องของเขา สื่อจะไปสนใจอะไรหนักหนา ประเด็นมันอยู่ที่ว่าถ้าหากไม่กระทำความผิดจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่ การฟ้องร้องเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามายึดอำนาจ จะให้ยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนการยึดอำนาจเอาไหมล่ะ ก็ทำไม่ได้ เรื่องที่เข้าสู่กระบวนการกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ส่วนอะไรจะเกิดก่อนหรือหลังอยู่ที่ว่าความเสียหายมีมากหรือน้อย เรื่องไหนที่มีผลกระทบต่อสังคม ประเทศ หรืองบประมาณต้องสอบสวนก่อน ตนเป็นคนสั่งเองว่าคดีไหนที่เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรงต้องดำเนินการให้ได้โดยเร็ว

ย้ำไม่อยากใช้อำนาจรังแกผู้หญิง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การที่ผู้แทนสหรัฐฯพบและหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อให้เกิดความชัดเจน ความจริงถ้าจะห้ามก็ทำได้ ว่าห้ามพบกับใคร ให้อยู่แต่ภายในบ้านอย่างเดียว ห้ามไปไหน ใช้อำนาจเต็มที่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำเพราะถ้าทำก็จะถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินเหตุ รัฐประหาร รังแกผู้หญิง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง วันนี้พยายามแสดงให้เห็นว่าอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ไม่เคยสั่งสนช. อยากถามว่า ทำไมคดีอื่นจึงไม่มีปัญหาเหมือนคดีถอดถอนนี้ ทั้งที่เป็นคดีที่ส่อว่ามีการกระทำผิด โดยความรับผิดชอบถ้าพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องรับผิดชอบมันก็จบ แม้ไม่มีเจตนาแต่เมื่อมันมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนคดีทางอาญาก็ว่ากันไป ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไปต่อสู้กันในทางอาญา มันบิดพลิ้วไม่ได้

ตอกเข้าใจ ปชต.ถ่องแท้จริงไหม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะไม่ผิดได้อย่างไรถ้าหลักฐานครบ แม้รัฐบาลนี้จะมาจากการยึดอำนาจก็เพราะขณะนั้นมีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คุณยิ่งลักษณ์อยู่ตรงไหน ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงประเมินหรือไม่ว่าจะผ่อนคลายกฎอัยการศึกได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มันเดือดร้อนอะไร กันหนักหนากับการใช้กฎอัยการศึก อย่าไปเดือดร้อนกับมันมากนักเลย ถามกลับไปยังคนที่ตั้งคำถามนี้แล้วถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจะแก้ด้วยอะไร หากมีคนลุกขึ้นใช้อาวุธสงครามยิงใส่กัน เมื่อถามว่า ได้อ่านคำ แถลงการณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ผ่านเฟซบุ๊กที่ระบุว่า ประชาธิปไตยไทยตายแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่ได้อ่าน ก็เหมือนเดิม อยากถามกลับว่าแล้วประชาธิปไตยมันตายแล้วหรือยัง ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังสร้างประชาธิปไตยอยู่ทุกวัน ไม่ได้ไปยึด อำนาจมาแล้วเอาเงินคนนั้นไปให้คนนี้ หรือยึดเอามาเป็นสมบัติตัวเองหรือของชาติ อยากบอกว่านี่เป็น ประชาธิปไตยที่ดีกว่าปกติอีก ขอร้องให้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ ประชาธิปไตยที่ดีต้องดูแลทั้งคนจน คนมีรายได้ปานกลางและรายได้สูง

ลั่นประชาธิปไตยไม่ตายจากไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงประชาธิปไตยไทยยังไม่ตายใช่ไหม พล.อ.ประยุทธ์ยกมือข้างขวาขึ้นมาทุบที่หน้าอกด้านซ้ายก่อนตอบว่า “ตายที่ไหน ยังไม่ตาย ประชาธิปไตยไม่มีตายจากแผ่นดินไทย เพราะวันนี้ผมเป็นทหารหัวใจประชาธิปไตย แต่ผมควบคุมอำนาจเพราะต้องการให้ประชาธิปไตยมันอยู่ได้” เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามว่า หลังคดีถอดถอนอดีตนายกฯมีการปลุกปั่นในสังคมโซเชียล จะดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า คงห้ามใครไม่ได้ มอบหมายให้ คสช.ไปดู จะพิจารณาอย่างไร เป็นเรื่อง คสช. ส่วนที่มีข่าวว่ามีการปลุกระดมให้ใส่เสื้อแดงวันนั้นวันนี้ เป็นเรื่องที่ คสช.ต้องพิจารณา ถ้าออกมาแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายคงไม่ได้ สื่อไม่ต้องมาถามให้เป็นเรื่อง เหมือนกรณีที่อดีตนายกฯจะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าศาลไม่ให้ไปหรือห้ามออกนอกประเทศก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าใครจะหนีกฎหมายออกไปก็คงกลับมาอีกไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรหนักหนา

ขู่ถ้าไล่ล่าจริงจับยัดเข้าคุกแล้ว

“ผมไม่ได้ไปเป็นศัตรูไล่ล่าใคร เคยบอกแล้วว่าสิ่งที่ทำวันนี้ขอเวลาทำให้กับคนไทย ให้กับประเทศไทยได้หรือไม่ ถ้าท่านทำดีกันอยู่แล้วก็คงไม่ต้องเข้ามาทำหรอก จึงขอว่าอย่าให้ใครมาชักจูงมากล่าวหาว่าผมจะไล่ล่า ผมคงไม่ลงทุนขนาดนั้นโดยเอาประเทศมาเป็นเดิมพัน ถ้าจะไล่ล่าจริงก็จับตัววันนี้ พรุ่งนี้ก็ติดคุกไปก็จบแล้วไม่ต้องไปขึ้นศาลให้วุ่นวาย แต่ไม่ทำ นั่นคือสิ่งที่ผมให้ความเป็นประชาธิปไตยเขาตัดสินว่าจะทำอย่างไรและเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งไม่มีคณะรัฐประหารที่ไหนเขาทำกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“บิ๊กป้อม” ฮึ่มห้ามทำให้แตกแยก

ที่อาคารรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ครั้งที่ 2 ถึงกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 1 เรียกนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าพบว่า เป็นไปตามกฎหมาย รัฐบาลและ คสช.ยอมไม่ได้หากมีการกระทำใดที่ก่อให้เกิด ความแตกแยก หากพบว่าจะสร้างความแตกแยกและไม่ปรองดอง ต้องเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจเฉพาะผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นควบคุมตัวนายสิงห์ทอง ทั้งนี้ ไม่ต้องการไล่ล่าใคร เพราะไม่ต้องการแก้แค้นหรือเป็นศัตรูกับใคร ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้พบกับอดีตนักการเมืองคนใด รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

ยันต้องคงกฎอัยการศึกไว้

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ส่วนการพบกันระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับผู้แทนสหรัฐฯ จะมีนัยทางการเมืองหรือไม่นั้น คงเป็นการพูดคุยสามารถทำได้ เราไม่ได้ห้าม ส่วนที่สหรัฐฯแสดงท่าทีกังวลใจกับการใช้กฎ อัยการศึก ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศมีการปกครองของตนเอง ไทยมีแนวทางการดำเนินงานภายในถือว่าสถานการณ์ขณะนี้สงบเรียบร้อย เดินหน้าได้ทุกด้าน โดยไม่ได้ปิดกั้นใคร หากใครจะเสนอประเด็นใดก็มีช่องทางแสดงความคิดเห็น ยืนยันว่าแม้จะมีกฎ อัยการศึกแต่ยังคงใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ว่ายังจำเป็นต้องคงประกาศกฎอัยการศึกไว้ และขอให้ทุก ฝ่ายเข้าใจ เพราะขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลปกติ

ปชป.ซัดมะกันส่อแทรกแซงไทย

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแสดงออกของสหรัฐฯ มาจากพื้นฐานที่คิดว่าเป็นตำรวจโลก ที่ต้องจัดระเบียบ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีการบริหารขัดกับระบอบประชาธิปไตย เพราะในมุมมองสหรัฐฯเข้าใจว่าผู้นำ ในชาติประชาธิปไตยต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตและรับผิดชอบตามแบบของเขา ซึ่งพูดตามพื้นฐานความคิดของเขา แต่ใช้ไม่ได้กับชาติในเอเชียหรือบ้านเรา บางคำพูดส่อถึงการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ที่อาจไม่เข้าใจรายละเอียดหรือความผิดพลาดของนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำไว้ นัก การเมืองที่กำกับนโยบายต้องรับผิดชอบ

ฟังแต่ข้อมูลเพื่อไทยด้านเดียว

นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ระบุว่าไทยควรยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยชัดเจน บริบทและสถานการณ์ของแต่ละประเทศแตกต่างกัน เช่น กรณีสหรัฐฯปฏิบัติการไล่ล่าบุคคลที่ถือว่าเป็นภัยกระทบต่อความมั่นคงของเขาในประเทศต่างๆ ไทยเราไม่เคยแสดงท่าทีใดๆกับเรื่องของเขา เรื่องการใช้กฎอัยการศึกของไทยจึงควรเป็นเรื่องภายในของไทย ที่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในประเทศไทยด้วย ส่วนที่นายแดเนียลระบุว่ามีผลกระทบต่อความปรองดองนั้น เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน เป็นคนละเรื่อง แต่เข้าใจว่าคงได้รับแนวคิดมาจากคนของพรรค เพื่อไทย จึงเข้าทางพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมหรือเซตซีโร่ใหม่หมด ทั้งที่การบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการปรองดองเป็นคนละส่วนกัน อย่าเอามาเหมารวมกัน

“ปึ้ง” ขี่กระแส “แดเนียล” ไล่ขย่ม

ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่นายแดเนียล รัสเซลล์พูด สะท้อนมุมมองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างชัดเจน การคงกฎอัยการศึกไว้เท่ากับปิดกั้นความคิดเห็นประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ปิดกั้นกันเสียจนประชาชนไม่กล้าแสดง ออก การประชุมหารือเพื่อระดมความคิดเห็นทำไม่ได้ แล้วจะปฏิรูปกันอย่างไร ที่ไปร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่โดยอ้างว่าเพื่อการปฏิรูปจึงเป็นไปไม่ได้ คิดกันเขียน กันเฉพาะคนไม่กี่คนที่เลือกกันมาเอง แบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย มันต้องฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่คิดกันเอาเอง นายแดเนียลบอกว่าแม้ประเทศไทยต้องเผชิญ สถานการณ์ที่ขัดแย้งยากลำบากแค่ไหน ทางออกก็คือการฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่

บอกลูกผู้ชายต้องเล่นแฟร์ๆ