พูดถึงวันครู หลายคนอาจมองว่า ล้าสมัย ดูเป็นเรื่องราวแบบไทยโบราณ "ไทยรัฐออนไลน์" จะพาไปรู้จักกับบุคคลที่ควรได้รับการยกย่อง ที่นำความรู้ความสามารถของตัวเองออกมาเปลี่ยนแปลงโลก…
16 มกราคม ของทุกปี เป็นวันครูแห่งชาติ... นอกจากคุณครูในแวดวงการเรียนการศึกษา ที่ถูกเปรียบเป็นเรือจ้าง เป็นแม่พิมพ์พ่อพิมพ์ของชาติแล้ว ในแวดวงอื่นๆ ของสังคม ก็ยังมีคุณครูอีกเป็นจำนวนมาก คุณคิดแบบนั้นไหม...?
เพราะกว่าที่โลกนี้จะมีเทคโนโลยีทันสมัย มีสินค้าไฮเทคให้พวกเราได้ใช้อำนวยความสะดวกสบายอยู่ทุกวันนี้ ต้องมีผู้ที่มุมานะ พยายามคิดค้นและพัฒนาขึ้นมา ซึ่งเส้นทางเหล่านั้นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่ได้ปูพรมแห่งความสำเร็จรอไว้ แล้วพวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ลองไปติดตามกัน...
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
ใครที่รู้จักเฟซบุ๊ก เป็นอันต้องร้องอ๋อ หรือคุ้นเคยกับชื่อนี้อยู่บ้าง นอกจากเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก หนุ่มวัย 30 ปีคนนี้ ยังเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลแห่งปี ค.ศ.2010 และเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในโลกเมื่อปี 2008 จากความสำเร็จในการก่อตั้งและสร้างมูลค่าให้เฟซบุ๊ก กลายเป็นโซเชียลมีเดียชื่อก้องโลก แต่ใครจะรู้ว่ากว่าเขาจะได้มาซึ่งความสำเร็จเช่นนี้ ต้องผ่านหนทางแห่งความยากลำบากใดมาบ้าง
...
ซักเคอร์เบิร์ก ฉายแววความเป็นอัจฉริยะตั้งแต่ชั้นประถมปลาย โดยพ่อของเขาได้สอนให้ใช้โปรแกรมพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ และยังสนับสนุนความสามารถของเขา โดยจ้างนักพัฒนาซอฟต์แวร์มาสอนเป็นการส่วนตัวเพิ่มเติม ส่วนเส้นทางแห่งความสำเร็จของเฟซบุ๊กนั้น เริ่มขึ้นในช่วงชีวิตนักศึกษาของเขา... หลังจากเขาเริ่มพัฒนาโปรแกรมชื่อ เฟซแมช ซึ่งให้ผู้ใช้เลือกหน้าผู้ใช้ที่หน้าตาดีที่สุดในบรรดารูปที่ให้มา ซึ่งนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เขาเรียกว่า เฟซบุ๊กส์ แหล่งรวบรวมรายชื่อและภาพของทุกคนที่อยู่ในหอพัก และให้ผู้เข้าเยี่ยมเว็บไซต์เลือกว่าใครร้อนแรงกว่ากัน พร้อมทั้งจัดอันดับเป็นผลโหวต ซึ่งทำให้เว็บไซต์ดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างล้นหลามภายในระยะยาวอันสั้น และแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากพึงพอใจกับเว็บไซต์ดังกล่าว แต่ก็มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งไม่พอใจ และร้องเรียนว่าภาพถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างแท้จริง เมื่อมีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเรียกร้องให้มหาวิทยาลัย พัฒนาเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อ ข้อมูล และภาพถ่าย เพื่อเป็นเครือข่ายมหาวิทยาลัย ซึ่งซักเคอร์เบิร์กตัดสินใจทำ! และเปิดตัวเฟซบุ๊กเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2004
อย่างไรก็ตาม เขาฝ่าฟันเรื่องต่างๆ จนย้ายไปอยู่ที่เมืองแพโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย กับเพื่อนบางส่วน และที่นี่เองซึ่งพวกเขาได้ดัดแปลงบ้านเช่าเป็นสำนักงาน จนกระทั่งเขาได้พบกับ ปีเตอร์ ทีล ผู้ที่ให้ทุนกับบริษัท หลังจากนั้นพวกเขายังต้องใช้ความพยายามและสร้างโอกาสอย่างหนักในการพาเฟซบุ๊ก มาถึงความสำเร็จดังเช่นปัจจุบัน
บิล เกตส์
เมื่อพูดถึงคอมพิวเตอร์ ยังไงซะคุณก็ต้องเคยใช้โปรแกรมออฟฟิศของไมโครซอฟท์มาบ้างล่ะ...! วิลเลียม เฮนรี เกตส์ ที่สาม หรือที่รู้จักในชื่อ บิล เกตส์ เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน โดยเขาได้ร่วมกับพอล แอลเลน ก่อตั้งไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเรื่องเทคโนโลยีไมโครซอฟท์, ประธานร่วมของมูลนิธิบิล และ เมลินดา เกตส์, ซีอีโอของแคสเคดอินเวสต์เมนต์, ประธานของคอร์บิส นอกจากนี้ เขายังเคยครองอันดับมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก ติดต่อกันถึง 9 ปีอีกด้วย!!! รวยจริงๆ
...
บิลล์ เกตส์ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนเลคไซด์ โรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองซีแอตเทิล ซึ่งเป็นที่ที่เขาได้พัฒนาทักษะในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเพื่อให้ได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม บิลล์ เกตส์ กับ พอล อัลเลน เพื่อนสนิท ได้แอบเข้าไปในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน โดยแม้ว่าทั้งคู่จะถูกจับได้! แต่ก็ได้ตกลงกับเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนได้ใช้ฟรี ต่อมาเขาได้เข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ต้องพักการเรียนไปโดยไม่จบการศึกษา เพื่อเริ่มประกอบอาชีพทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งในระหว่างกำลังศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ดนั้น เขามีโอกาสได้รู้จักกับ สตีฟ บาลเมอร์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมห้องในหอพักระหว่างที่เป็นนักศึกษาปี 1 นอกจากนี้ ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ที่ฮาร์วาร์ด เขายังได้ร่วมกับ พอล อัลเลน เขียนต้นแบบภาษาอัลแตร์เบสิก ซึ่งเป็นโปรแกรมอินเตอร์เพรเตอร์ สำหรับเครื่องอัลแตร์ 8800 (เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จทางการค้าในกลางคริสต์ทศวรรษที่ 70) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาษาเบสิก ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียนรู้ได้ง่าย ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดยดาร์ทเมาท์คอลเลจ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน
แลร์รี เพจ
กว่าจะเป็น กูเกิล เสิร์ชเอนจิ้นชื่อดังให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ค้นหาเรื่องราวต่างๆ เชื่อไหมถ้าเราจะบอกว่าผู้ก่อตั้งเขาใช้เวลาเพียง 2 ปี ในการพัฒนา...? เรื่องราวเริ่มต้นจากปี 1995 แลร์รี่ เพจ และเซอร์เกย์ บริน พบกันที่สแตนด์ฟอร์ด ขณะนั้น แลร์รี่ อายุ 22 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและกำลังตัดสินใจเลือกโรงเรียน ส่วน เซอร์เกย์ อายุ 21 ปี ได้รับมอบหมายให้พาเขาชมสถานที่ แต่การพบกันเป็นครั้งแรกนี้ พวกเขากลับมีความเห็นไม่ลงรอยกันในแทบจะทุกเรื่อง ต่อมา... ในปี 1996 แลร์รี่ และ เซอร์เกย์ ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่สแตนฟอร์ด ก็ได้ร่วมกันสร้างเครื่องมือค้นหาที่เรียกว่า BackRub ซึ่งทำงานอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของสแตนฟอร์ด มากกว่าหนึ่งปี แต่ต่อมามีการใช้แบนด์วิดท์มากเกินความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในมหาวิทยาลัย และในปี 1997 แลร์รี่ และ เซอร์เกย์ จึงตัดสินใจว่าเครื่องมือค้นหา BackRub จะต้องมีชื่อใหม่
...
...
หลังจากได้ระดมความคิดกัน พวกเขาก็ได้ชื่อว่า Google ซึ่งมาจากการเล่นคำว่า googol ที่เป็นศัพท์ทางคณิตศาสตร์สำหรับตัวเลข 1 ที่มีเลขศูนย์ 100 ตัวตามหลัง การใช้คำนี้แสดงถึงเป้าหมายในการจัดการข้อมูลที่ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนมากมายมหาศาลบนเว็บ อย่างไรก็ตาม พวกเขาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท กูเกิล จนกระทั่งปี 2001 พวกเขาได้จ้าง เอริก ชมิดต์ ให้เป็นประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจของ กูเกิล เคียงบ่าเคียงไหล่กันเรื่อยมา
แจ็ค หม่า
ชายสัญชาติจีน ที่มีเลือดนักสู้และความพยายามอย่างเต็มเปี่ยมผู้นี้ กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเมื่อปีที่ผ่านมา หลังทุบสถิติมูลค่าหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยการพา Alibaba (อาลีบาบา) เว็บอี-คอมเมิร์ซ ขายหุ้นให้กับนักลงทุนเป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ถึงกว่า 25,000 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 800,000 ล้านบาท
เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ สัญชาติจีนนี้ จะไม่มีทางถือกำเนิดและมีชื่อเสียงได้เลย หากไร้ชื่อของ แจ็ค หม่า หรือ หม่าหยุน ในฐานะผู้ก่อตั้ง จากวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ประกอบกับความมุ่งมั่น อดทน ซึ่งฉายแววมาตั้งแต่สมัยเด็ก แม้จะมีพื้นฐานครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน และทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่กับความหรูหรา ฟุ่มเฟือยได้ แต่นั่นกลับกลายเป็นพลังผลักดันเขาก้าวสู่ความมุ่งมั่น ใฝ่ดี และได้รับผลตอบแทนที่ดีแก่ชีวิต... แม้ในสมัยเด็ก เขาจะไม่เก่งคณิตศาสตร์ แต่กลับสนใจเรียนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก ถึงขนาดขี่จักรยานนานกว่า 40 นาที เพื่อเดินทางไปเตร่อยู่แถวๆ โรงแรม เพื่อหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นคู่สนทนา หรือเสนอตัวเป็นไกด์ให้แก่คู่สนทนาเหล่านั้นเพื่อเป็นการฝึกซ้อมภาษาอังกฤษ หลังจากนั้น เขาก็ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยและมุ่งมั่นจะเป็นครูสอนภาษา แม้จะต้องใช้ความพยายามในการสอบมากกว่า 1 ครั้ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้!
เขาเริ่มต้นการทำงานจากอาชีพครูสอนภาษา ที่มีรายได้เพียง 500 บาทต่อเดือน และใช้เวลากว่า 5 ปี ในการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แต่ปัจจุบันเขาคือ ชายชาวจีนที่มีฐานะร่ำรวยที่สุด และยังติดอันดับ 1 ใน 50 มหาเศรษฐีของโลก
เฟรดริก อิเดสตัม
หากกล่าวถึงชื่อนี้ คุณอาจไม่คุ้นหูนัก... แต่ถ้าบอกว่า เขาคือวิศวกรมือดีที่เป็นผู้ให้กำเนิดมือถือโนเกีย คงจะร้องอ๋อได้ไม่ยาก! จุดเริ่มต้นของโนเกียนั้น ไม่ได้เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หากแต่เป็นบริษัทผลิตเยื่อกระดาษ ก่อนจะพัฒนาเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคและก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมโทรคมนาคม จนกระทั่งถูกไมโครซอฟท์เข้าซื้อและเปลี่ยนชื่อธุรกิจมือถือของโนเกียเป็นไมโครซอฟท์ โมบาย
ในปี 1865 โนเกีย ก่อตั้งขึ้นบนริมฝั่งแม่น้ำ Nokia (โนเกีย) แม่น้ำสายใหญ่ในประเทศฟินแลนด์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และทะเลสาบ นับว่าเป็นดินแดนที่เหมาะสมอย่างมากในการทำธุรกิจ เยื่อกระดาษในย่านนี้ และกลายมาเป็นโรงงานผู้ผลิตเยื่อกระดาษรายใหญ่ ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว กระทั่ง...ในปี 1918 บริษัท Finnish Rubber Works (FRW) บริษัทผู้นำผลิตภัณฑ์ยางในประเทศฟินแลนด์ หนึ่งในลูกค้ารายสำคัญของโรงงานผลิตไฟฟ้าของโนเกีย ได้กลายมาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ หลังจากที่โนเกียไม่สามารถรองรับการขาดทุนของธุรกิจได้ จนต้องตกไปเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท FRW แทน อย่างไรก็ตาม... ยุคของอิเล็กทรอนิกส์ของโนเกีย ได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจังในปี 1977 ภายใต้การดูแลของ Kari Kairamo ประธานบริษัท ซึ่งนำแนวคิดแบบตะวันตกและแหวกแนวมาประยุกต์ มุ่งเน้นให้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ให้เข้ากับยุคแห่งพลังงาน จนกลายมาเป็นธุรกิจหลักของ โนเกีย จากการผลิตโทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง
ส่วนธุรกิจมือถือนั้น... ในปี 1987 มือถือแบบ NMT Mobile Phone Standard (Nordic Mobile Telephony) หรือโทรศัพท์มือถืออนาล็อกรุ่นแรก ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยสโลแกน Connecting People กับแนวคิดที่ต้องการเปิดอิสระและสร้างความต่อเนื่องในการติดต่อสื่อสาร จากนั้นโนเกียจึงพัฒนาเครือข่าย GSM ให้กับ Radiolinja บริษัทของฟินแลนด์ จนถึงปี 1992 มือถือ Nokia 1011 บรรพบุรุษของบรรดาโทรศัพท์มือถือ ก็ได้ออกมาสู่สายตาของทุกคนเป็นครั้งแรก และโนเกีย ก็ได้ยึดโทรศัพท์มือถือเป็นธุรกิจหลักจากนั้นเป็นต้นมา...
คุณนึกถึงใครอีกบ้าง ที่สมควรได้ตำแหน่ง "ครู..." ผู้ซึ่งสละความรู้ ความสามารถ และนำมาสร้างประโยชน์ให้คนส่วนรวม...?