เดลล์ ประกาศรับไลฟ์สไตล์คนไทยกลับใจจากแท็บเล็ตมาสู่คอมพิวเตอร์ราคาระดับต้นๆ มั่นใจสภาพเศรษฐกิจดีคนอยากใช้จ่ายเพราะการเมืองนิ่ง ส่วนการมาของเทคโนโลยีใหม่ก็ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ…
จากความนิยมในการเทคโนโลยีกับชีวิตประจำวัน ทั้งการทำงานและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว... "เดลล์" ในฐานะผู้พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี ได้จัดงานแนะนำสายผลิตภัณฑ์ด้านโซลูชั่นไคลเอนด์ ซึ่งถือเป็นการจัดงานเปิดตัวระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และยังเป็นครั้งแรกของเดลล์ในการจัดงานลักษณะดังกล่าวด้วย
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลต่างๆ ซึ่งเดลล์นำเสนอเกี่ยวกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตระบุว่า ปัจจุบันคนราว 3,000 ล้านคนทั่วโลก มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเข้าถึงการใช้งานโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ ยังมีคนทำงานกว่า 250 ล้านคน ที่นำอุปกรณ์ส่วนตัวของพวกเขาไปใช้ในการทำงาน ขณะเดียวกัน ยอดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพื่อใช้กับอุปกรณ์ประเภทโมบายล์นั้น อาจมีจำนวนการดาวน์โหลดถึงกว่า 58,000 ล้านครั้งภายในปีนี้
ภายใต้ทิศทางดังกล่าว เดลล์ นำเสนออุปกรณ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของคนทำงานและองค์กรธุรกิจให้ครบถ้วนจากการเปิดตัวสายผลิตภัณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ ได้แก่... อัลตร้าบุ๊ก XPS13 รุ่นล่าสุด , แล็บท็อป XPS15 หรือผลิตภัณฑ์กลุ่ม 2 in 1 อย่าง Latitude ซีรีส์ 7000 และแท็บเล็ต Venue 11 Pro รวมถึงโซลูชั่นเดสก์ท็อปสาย Optiplex และจอมอนิเตอร์รุ่นล่าสุด Dell UltraSharp 5k Display Monitor
โดย นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ เดลล์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศไทย และผู้จัดการทั่วไป เดลล์ อินโดจีน เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมากำลังซื้อของตลาดโน้ตบุ๊กกลุ่มราคาล่างของประเทศไทยหายไปอย่างชัดเจน เนื่องจากผู้บริโภคหันไปซื้อแท็บเล็ตมากขึ้น ขณะที่กลุ่มราคาระดับกลาง-สูงก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเดลล์มองเห็นเทรนด์ดังกล่าว และเตรียมเน้นโน้ตบุ๊กกลุ่มราคาระดับล่างเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่เริ่มกลับมา
...
"แม้ผู้บริโภคจะหันไปซื้อแท็บเล็ตจำนวนไม่น้อย แต่ช่วงนี้ก็เริ่มเห็นกำลังซื้อในกลุ่มโน้ตบุ๊กราคาล่างกลับมาแล้ว สำหรับเดลล์เองก็ยังคงภาพลักษณ์โน้ตบุ๊กในกลุ่มตลาดราคากลาง-สูงต่อไป ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มสินค้ากลุ่มราคาล่างตั้งแต่ 15,000 บาทลงไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวด้วย รวมถึงการเติมสินค้าในกลุ่มราคา 17,000 บาทให้มากขึ้น"
นายอโณทัย กล่าวอีกว่า สำหรับเทรนด์ความนิยมสินค้าของเดลล์ในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปนั้น โน้ตบุ๊กราคาระดับกลาง-สูงยังคงได้รับความนิยม ส่วนสินค้ากลุ่มองค์กรนั้น เดสก์ท็อปยังคงเป็นดีไวซ์หลักสำหรับการทำงานในออฟฟิศ ขณะที่การใช้แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนนั้นจะเป็นอุปกรณ์เครื่องที่ 2 โดยสัดส่วนยอดขายสินค้าของเดลล์ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดนั้นอยู่ที่ 65% และ 35% ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนในกลุ่มต่างจังหวัดนั้นเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ จากสภานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของแต่ละภูมิภาค เช่น ผลผลิตทางการเกษตรที่สามารถทำเงินได้ดีขึ้น หรือการรับเงินช่วยเหลือจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์ตลาดปีนี้อาจจะไม่ได้เติบโตรุนแรงนัก แม้ว่ายังมีบางกลุ่มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าหากภาครัฐและผู้บริโภคทั่วไปยังคงมีกำลังซื้อ ตลาดไอทีก็จะมีสถานการณ์เติบโตได้ ในส่วนของเดลล์ คาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับดับเบิลดิจิ จากหลายๆ ปัจจัยรวมถึงกำลังซื้อที่เริ่มกลับมา
"ปีนี้เดลล์อาจมียอดขายกลับมาเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียนได้อีกครั้ง หลังจากเคยได้ตำแหน่งดังกล่าวเมื่อปี 2013 จากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้น ราคาที่ถูกลง หรือแม้แต่การมาของ 4จี ซึ่งกระตุ้นความต้องการใช้งานอุปกรณ์ในกลุ่มโมบิลิตี้ รวมถึงความมั่นคงทางสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งส่งผลให้คนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่นโยบายดิจิตอล อีโคโนมีนั้น เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้ภาคธุรกิจตื่นตัวได้และจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่อาจต้องใช้เวลาระยะยาวกว่าจะเห็นผลทางเศรษฐกิจ" นายอโณทัย กล่าว.