จากกรณี โลกโซเชียลฯแชร์คลิปฟิตเนสแห่งหนึ่ง มีกลุ่มชายหญิงเปลือยกายนัวเนียกัน ขณะที่มีผู้ชายบางคนก้มหน้าก้มตาวิ่งบนลู่วิ่งโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จึงขอต่อสายโทรศัพท์ด่วนไปยังอดีตเจ้าพ่ออาบอบนวด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับร้านฟิตเนสว่ามีการให้ผู้หญิงเปลือยกายรวมถึงมีการแอบแฝงขายบริการด้วยจริงหรือ? โดยนายชูวิทย์ เปิดเผยว่า สถานที่พวกนี้คือสปาที่มีบริการฟิตเนสและบริการนวดอย่างครบวงจร อยู่ย่านทาวน์ อิน ทาวน์ มีหลายร้านมาก แต่ถ้าเป็นร้านที่มีการเปลื้องผ้า จะมีอยู่ประมาณ 5 ร้าน
ธุรกิจเหล่านี้เป็นพัฒนาการต่อจากอาบอบนวด มีบริการนวดตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมถึงอวัยวะเพศของผู้ชายด้วย โดยคิดค่าเข้าคนละ 2,000 บาท เมื่อเดินเข้าไปก็มีหลายส่วนทั้งสปา ฟิตเนส เซาน่า และที่เด็ดสุดคือพนักงานเปลื้องผ้าคอยให้บริการแขก หากสนใจพนักงานคนไหนก็สามารถคุยต่อรองราคาและขึ้นไปบนห้องนวดชั้นบนได้ทันที ราคาก็แล้วแต่คนอยู่ที่ 5,000-10,000 บาท
...
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ มองว่า ผู้ที่ให้บริการธุรกิจแบบนี้น่าจะเอาต้นแบบมาจากมาเก๊า ซึ่งมีพนักงานผู้หญิงเปลือยกาย มีให้แช่น้ำร้อน มีห้องเซาน่า อีกทั้ง ยังมีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เรียกได้ว่า เปิดเป็นสปาครบวงจรจริงๆ
ส่วนเหตุผลหลักที่ปัจจุบันคนหันมาทำธุรกิจแบบนี้มากขึ้น เนื่องจากว่าอาบอบนวดที่เป็นตู้กระจกเริ่มล้าสมัยแล้ว คนใช้บริการก็ลดน้อยลง ไม่มีอะไรแปลกใหม่ คนก็เบื่ออะไรแบบเดิมๆ จึงดัดแปลงเป็นธุรกิจใหม่ที่แผ่ขยายออกไปได้หลายอย่าง เช่น อาจจะเป็นสปา มีบริการนวด พร้อมกับมีฟิตเนสให้ออกกำลังกาย อีกทั้งยังมีบริการขายอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเติมไปด้วย และที่สำคัญสามารถเปิดได้ 24 ชม. ซึ่งการทำธุรกิจแบบนี้ค่อนข้างแปลกใหม่ ดึงดูดใจผู้ใช้บริการมากกว่าอาบอบนวดตู้กระจก และสามารถทำรายได้ให้ผู้ประกอบการเป็นกอบเป็นกำ
นายชูวิทย์ อธิบายต่อว่า จำนวนผู้ใช้บริการจะมากหรือน้อยแล้วแต่สถานที่ อย่างทาวน์ อิน ทาวน์ ทาร์เก็ตจะเป็นคนไทยมีอายุ ส่วนที่ภูเก็ตก็มีธุรกิจแบบนี้เหมือนกัน ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ เช่นเดียวกับที่พัทยา สำหรับช่วงวันหยุด ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ผู้ใช้บริการจะเยอะเป็นพิเศษ ส่วนวันธรรมดาช่วงเที่ยงเมื่อคนต้องการพักผ่อนก็สามารถมาใช้บริการได้
“ธุรกิจแบบนี้ทำให้เกิดช่องโหว่ของกฎหมายที่เอาผิดไม่ได้ เนื่องจากเขาทำสปา ฟิตเนส อย่างถูกกฎหมาย และยังเปิดได้ 24 ชม. แต่ในต่างประเทศ เขาจะมีข้อห้ามไว้ว่าห้ามทำธุรกิจขายบริการแอบแฝง แต่ข้อห้ามแบบนี้ใช้ไม่ได้กับเมืองไทยหรอก” อดีตเจ้าพ่ออาบอบนวด แสดงความเห็น
ด้าน พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ชี้แจงถึงกรณีเซาน่าเซ็กซ์ว่า ในกรณีเช่นนี้ จะต้องส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ เพื่อหาข้อมูลและรายละเอียดการกระทำความผิดต่างๆ ของสถานบริการแห่งนั้น หากเข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่า มีการประกอบพฤติกรรมลามกอนาจารอยู่ในสถานที่ดังกล่าวจริง จะถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาอย่างแน่นอน
กระนั้น หากพบสถานบริการที่มีการเปิดแบบครบวงจร ในรูปแบบของสปา ฟิตเนส หรือแช่น้ำร้อนก็ดี แต่กลับมีการแสวงหาประโยชน์จากการเปิดธุรกิจอื่นๆ แอบแฝง มิหนำซ้ำ ยังมีนางบำเรอคอยให้บริการ พร้อมกับขายสุราและบุหรี่ด้วยแล้ว โดยที่ไม่มีกำหนดไว้ในใบอนุญาตประกอบกิจการค้า หรือไม่ถูกต้องตามประเภทของใบอนุญาต จะถือว่ามีความผิด
“หากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปแล้วพบว่ามีความผิดจริง จะถือว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า สามารถทำการจับกุมได้เลย หรือในกรณีที่ลงพื้นที่ไปแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด ก็จะต้องสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.ปัญญา กล่าว
...