เครือข่ายชาวสวนยางพาราภาคใต้ ให้เวลารัฐบาล 1 เดือน แก้ปัญหาน้ำยางสด และยางแผ่นดิบราคาตกต่ำ ลั่นถ้าเรื่องไม่ขยับ เตรียมตบเท้าเข้าพบ ‘บิ๊กตู่’ ที่ทำเนียบรัฐบาลแน่ สิ้นเดือนนี้
จากการประชุมประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราและแกนนำชาวสวนยางพาราทั่วภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา นายไพรัช เจ้ยชุม ประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราจังหวัดพัทลุง เผยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้แก้ไขปัญหาราคาน้ำยางสด และยางแผ่นดิบแต่อย่างใด โดยขณะนี้ราคาน้ำยางสดมีการซื้อขายเพียงกิโลกรัมละ 43 บาท ส่วนยางแผ่นดิบราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 57 บาทเท่านั้น ทางเครือข่ายฯ จึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาราคาน้ำยางสด และราคายางแผ่นดิบให้เห็นเป็นรูปธรรม เหมือนกับการแก้ปัญหายางแผ่นรมควัน ที่ส่งผลให้ราคาในตลาดกลางสูงขึ้น
"ถ้าหากรัฐบาลยังแก้ปัญหาราคาน้ำยางสด และยางแผ่นดิบที่ราคาตกต่ำไม่ได้ สิ้นเดือนมกราคม 2558 นี้ กลุ่มประธานเครือข่ายชาวสวนยางพาราทั่วภาคใต้ จะเดินทางไปพบกับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลแน่นอน" ประธานเครือข่ายชาวสวนยางพารา จ.พัทลุง ระบุ
นายไพรัช กล่าวด้วยว่า ทางเครือข่ายฯ พึงพอใจการแก้ปัญหาราคายางแผ่นรมควันของรัฐ ด้วยการใช้เงิน 6,000 ล้านบาท ให้องค์การสวนยาง มารับซื้อยางแผ่นรมควันในราคากิโลกรัมละ 60 บาท จนขณะนี้ราคายางแผ่นรมควันที่ขยับสูงถึงกิโลกรัมละ 61-62 บาท แม้ต้นทุนการผลิตอยู่ที่กิโลกรัมละ 64 บาท แต่ชาวบ้านยอมรับได้กับราคาดังกล่าว
วันเดียวกัน นายสุคนธ์ สวัสดิภิรมย์ แกนนำเครือข่ายชาวสวนยาง จ.กระบี่ กล่าวถึงปัญหาราคายางพาราตกต่ำเช่นกันว่า ถึงแม้ขณะนี้ราคายางพาราได้ปรับขึ้นมาเล็กน้อย อยู่ที่ 50 กว่าบาท แต่ยังทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาเกษตรกรได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบาลไปแล้ว แต่ก็ไม่มีผลใดๆ และยังไม่มีการแก้ไขตามข้อเรียกร้องที่ต้องการให้ยางราคาอยู่ที่ 80 บาท ดังนั้น ชาวสวนยางจึงต้องเตรียมเคลื่อนไหวอีกครั้งตามที่เคยได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า หลังปีใหม่ หากยังไม่ขยับขึ้นตามที่เรียกร้องไว้ก็ต้องเคลื่อนไหวชุมนุม
...
นายสุคนธ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ ทางแกนนำชาวสวนยางพารา แต่ละพื้นที่จะหารือถึงทิศทางการเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลว่าจะเป็นจุดใด ซึ่งเท่าที่มีการหารือกันเบื้องต้น คาดว่าน่าจะเป็นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จุดใหญ่ และแต่ละจังหวัดจะเป็นจุดย่อยสำหรับเกษตรกรต่อไป ทั้งนี้ การที่ราคายางตกต่ำมานานเริ่มมีผลกระทบต่อครอบครัวเกษตรกรจำนวนมาก บางรายทราบว่าต้องขายสวน ขายรถ เพราะต้องใช้หนี้แล้ว