“พิงกี้” งานเข้าอีก หลังพบมีชื่อเป็นหุ้นส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับสถานบันเทิง ย่านเทพารักษ์ แม่ต้องออกมาแจงว่าไม่เป็นความจริง ตกใจมากที่มีชื่อเกี่ยวข้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งชี้แจงกรณีถือหุ้นลมใน บ.เคพีพี โปรดักชั่น จก. เผยโฉนดที่พบในบ้านญาติของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด 1 ในผู้ต้องหาที่หลบหนี มีการโอนให้มารดา ญาติพี่น้อง น่าเป็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเป็นทอดๆ ล่าสุด “บอย ปกรณ์” ดาราหนุ่มชื่อดังเดินทางแสดงความบริสุทธิ์กับตำรวจหลังซื้อรถสปอร์ตหรู แลมโบร์กินี ในราคา 13.5 ล้านบาทจากนายกิตติศักดิ์ ยืนยันไม่มีส่วนร่วมกับแก๊งนี้

กรณีโกงเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ครั้งมโหฬารกว่า 1,475 ล้านบาท โดยตำรวจกองปราบปรามสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้บางส่วนและอยู่ระหว่างตามตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี เตรียมเดินหน้าขยายผล คาดว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดไม่ต่ำกว่า 10 ราย รวมทั้งสาวถึงตัวผู้บงการระดับสูง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 1 ม.ค. พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.หัวหน้าคณะทำงานสอบสวนกล่าวถึงความคืบหน้าคดีโกงเงิน สจล. ยอดเงินกว่า 1,475 ล้านบาท ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมเอกสารต่างๆที่ตรวจค้นยึดมาได้จากสถานที่ต่างๆ ของบ้านและที่ทำงานของเครือข่ายของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด หนึ่งในผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ก่อนนำไปตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าโยงไปถึงผู้ใดบ้าง รวมทั้งตรวจสอบผลประกอบการของบริษัทในเครือของนายกิตติศักดิ์ทั้งหมดว่าผลประกอบธุรกิจขาดทุนหรือกำไรมากน้อยเพียงใด เข้าข่ายการเปิดบริษัทเพื่อฟอกเงินหรือไม่

พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผกก.1.บก.ป. เผยว่า หลังชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านของเครือข่ายของนายกิตติศักดิ์ พบหลักฐานหลายอย่าง ผู้ต้องหารายนี้โอนถ่ายทรัพย์สินหลายอย่างไปให้ญาติพี่น้อง เบื้องต้นพบโฉนดที่ดินประมาณ 29 แปลง และส่วนใหญ่เป็นชื่อของนางระดม มัทธุจัด มารดาของนายกิตติศักดิ์ ส่วนการติดตามตัวนายกิตติศักดิ์ที่หลบหนีอยู่ที่ฮ่องกงนั้น อยู่ระหว่างประสานงานตามขั้นตอน ส่วนผู้ต้องหารายอื่นที่หลบหนีอยู่ระหว่างการติดตามตัว คาดยังหลบหนีอยู่ในประเทศ ด้านการพบชื่อ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือพิงกี้ ดาราสาวเข้าไปมีส่วนพัวพันกับหุ้นบริษัทในเครือนายกิตติศักดิ์นั้น สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปตรวจ

...

สอบสถานบันเทิงสตรีทผับ ตั้งอยู่ที่ถนนเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งนายกิตติศักดิ์นำเงินไปลงทุนและมีชื่อดาราสาวเข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทหรือสถานบันเทิงนั้น มองว่าไม่ได้เป็นความผิด การเข้า ไปเป็นหุ้นส่วน หรือลงทุนร่วมกัน ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล เพียงแต่ตัวดาราสาวนั้นไปลงทุนเป็นหุ้นกับผู้กระทำความผิดโดยเจ้าตัวไม่ทราบมาก่อน จากพยานบอกเล่าทราบว่าสถานบันเทิงดังกล่าวนายกิตติศักดิ์อ้างว่าหุ้นกับดารา มองว่าเป็นการสร้างความ น่าเชื่อถือและช่วยทำให้ร้านดัง อย่างไรก็ตาม น.ส.สาวิกา หรือพิงกี้ สามารถเดินทางเข้าให้ข้อมูลแสดง ความบริสุทธิ์ใจเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกดาราสาวเข้าให้ปากคำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจพนักงานสอบสวน

ด้านนางสรินยา ไชยเดช มารดาของ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือพิงกี้ ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวหลังมีข่าวว่า ดาราสาวมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทแอคติ้งวัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ใน 7 บริษัทของนายกิตติศักดิ์ 30 เปอร์เซ็นต์ ว่าทราบข่าวในตอนแรกรู้สึกตกใจมาก ไม่สบายใจ เพราะเป็นช่วงที่บุตรสาวเดินทางไปฮันนีมูนกับสามีที่ประเทศญี่ปุ่น กลับต้องมาเจอแต่ข่าวไม่ดีมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยักยอกเงินของ สจล. ก่อนหน้านี้เพิ่งจะออกมาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีถือหุ้นลมใน บ.เคพีพี โปรดักชั่น จก. ในกรณีที่มีชื่อบุตรสาวเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท แอคติ้งวัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หากตรวจสอบไปยังกระทรวงพาณิชย์จะพบว่าไม่มีชื่อของบุตรสาวปรากฏอยู่อย่างแน่นอน

เวลา 12.00 น. วันเดียวกัน นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือบอย ปกรณ์ ดารานักแสดงชื่อดัง เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผกก.1 บก.ป. และ ร.ต.ท.ปรีชา ศรีอุดม พงส.กก.1 บก.ป.เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด กรณีซื้อรถสปอร์ตหรู แลมโบร์กินี จากนายกิตติศักดิ์ ในราคา 13.5 ล้านบาท ภายหลังตำรวจสอบปากคำนายปกรณ์ไว้ในฐานะพยาน ก่อนนายปกรณ์เปิดเผยว่า ที่เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ เพราะทราบว่านายกิตติศักดิ์ถูกดำเนินคดีลักทรัพย์เงิน สจล.ถูกตำรวจกองปราบฯออกหมายจับและอยู่ระหว่างหลบหนี พอทราบข่าวตกใจมาก เพราะซื้อรถสปอร์ตหรูคันดังกล่าวต่อจากนายกิตติศักดิ์เมื่อเดือน ต.ค.57 และชำระเงินจนครบ ได้เล่มทะเบียนมาอย่างถูกต้อง ที่มาพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ข้อมูลไว้เพื่อเป็นพยานในเส้นทางการเงินของผู้ต้องหารายนี้