โดนต่อเนื่อง โลกโซเชียลเลยเถิด มือบอนแก้พาดหัวข่าวไทยรัฐออนไลน์และเว็บไซต์ข่าวอื่นหลายครั้ง ก่อนเผยแพร่สู่โลกอินเทอร์เน็ต สร้างความเสื่อมเสีย และเข้าใจผิดแก่ผู้คนในสังคม เตรียมแจ้งความเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แล้ว...

จากกรณีมีผู้ไม่หวังดี แก้ไขข้อความพาดหัวข่าวของเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์เป็นจำนวนหลายครั้ง จนเกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้ที่ได้รับการแชร์ข้อความดังกล่าว และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบุคคลที่ถูกอ้างถึง เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และผู้ตกเป็นข่าวในกรณีนั้นๆ และรวมถึงไทยรัฐออนไลน์ได้รับการต่อว่าถึงจรรยาบรรณในการพาดหัวข่าว เนื่องจากความเข้าใจผิดดังกล่าวของผู้อ่าน โดยจากการตรวจสอบย้อนหลังพบมี 3 ครั้ง ที่มีผู้แก้ไขข้อความและนำออกเผยแพร่ เช่น ข่าวมดในหู จากข้อความพาดหัวข่าว "เกิดเหตุพิลึก มดออกจากหู ด.ญ.วัย 9 ขวบ" ถูกแก้ไขข้อความเป็น "อึ้ง วิธีการรักษาแบบใหม่ของชาวบ้าน จับคนไข้มาอมจู๋ของหมอ" พร้อมภาพประกอบ โดยข่าวดังกล่าวถูกแก้ไขและเผยแพร่เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา

...

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการแก้ไข ดัดแปลง ทำเลียนแบบข้อความที่ถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กไทยรัฐด้วยเช่นกัน โดยอ้างถึงการอนุมัติจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันการขับรถฝ่าไฟแดงของรัฐบาล และให้คำบรรยายภาพว่า "บิ๊กตู่อนุมัติงบกองทัพจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันการขับรถฝ่าไฟแดงด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับความเร็วรุ่นใหม่ พร้อมจะหยุดทุกความเร็วด้วยรุ่น GE M 134 Minigun ใช้กระสุนขนาด 7.62 x 51 mm. Nato อัตราการยิง 4,700 นัดต่อนาที คาดคนไทยจะมีวินัยจราจรมากขึ้น"

ขณะที่ล่าสุด กรณีนักฟุตบอลทีมชาติไทยชื่อดัง ชาริล ชัปปุยส์ ลูกครึ่งสวิส-ไทย ก็ถูกแก้ไขข้อความทำให้เกิดความเสื่อมเสียด้วยเช่นเดียวกัน โดยข่าวที่ไทยรัฐออนไลน์นำออกเผยแพร่ ใช้ข้อความพาดหัวว่า "ครั้งแรก!! เปิดตัวแฟนสาว แข้งเทพบุตร ชัปปุยส์" ถูกแก้ไขเป็น "ชัปปุยส์ ลั่นสาวในภาพไม่ใช่แฟน เปิดใจเป็นเกย์รุกหลังตนเองไปเที่ยวสีลมซอย2" นอกจากนี้ข่าว ชาริล ชัปปุยส์ ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ sport.truelife.com ก็ถูกแก้ไขข้อความพาดหัวข่าวก่อนถูกเผยแพร่ช่วงวันที่ 22 ธ.ค. จนสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่านจำนวนมากด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ เว็บไซต์ sanook ก็เป็นอีกเว็บไซต์หนึ่งที่ถูกแก้ไขข้อความพาดหัวข่าวและเผยแพร่ออกไปจนผู้ตกเป็นข่าวได้รับความเสื่อมเสีย รวมถึงเว็บไซต์เองก็ได้รับผลกระทบจากการเข้าใจผิดของผู้อ่านข้อความที่ถูกแก้ไขและส่งต่อกันไป โดยมีผู้ท้วงติง และต่อว่าเข้ามาเป็นจำนวนมาก ก่อนจะมีการเสนอข่าวชี้แจง และอธิบายความจริงต่อมา


ซึ่งกรณีดังกล่าว ไทยรัฐออนไลน์ได้หารือฝ่ายกฎหมาย และเตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำการดังกล่าวแล้ว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550.

...