ผู้อ่านไทยรัฐ จำนวนมากอยากทราบว่า “กระพี้จั่น” เป็นอย่างไร ซึ่ง “กระพี้จั่น” มีถิ่นกำเนิดทั่วไปในเอเชียเขตร้อน และในประเทศไทยพบเกือบทุกภาค พบมากที่สุดทางภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตกเฉียงใต้ ขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณที่มีความแห้งแล้ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า MILLETTIA BRAN-DISIANA KURZ. อยู่ในวงศ์ LEGUMI-NOSAE–PAPILIONOIDEAE

เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูง 8-15 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มโปร่งและกว้าง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ก้านใบหลักออกเรียงสลับ ยาว 3-7 ซม. ใบย่อยออกตรงกันข้ามจำนวน 6-8 คู่ ใบอ่อนมีขนและขนจะร่วงหมดเมื่อใบแก่ ใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ปลายใบแหลมหรือมน โคนใบมนหรือแหลม ด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีจางกว่า เวลามีใบดกจะให้ร่มเงาดีและน่าชมยิ่ง

ดอก ออกเป็นช่อขนาดใหญ่ที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ลักษณะดอกมีกลีบเลี้ยงเป็นรูประฆังปลายแยกเป็น 5 แฉก สีม่วงเกือบดำ กลีบดอกเป็นรูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน เป็นสีชมพูอมม่วง มีเกสรตัวผู้ 10 อัน เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันทั้งต้น จะดูสวยงามมาก “ผล” เป็นฝักแบน มีเมล็ดหลายเมล็ด ดอกออกเกือบทั้งปี จะมีดอกดกในช่วงฤดูร้อนทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและตอนกิ่ง มีชื่อเรียกอีกคือ จั่น, ปี้จั่น และ ปี๊จั่น (ภาคเหนือ)

นิยมปลูก เป็นไม้ดอกสวยงามประเภทไม้ยืนต้นตามบ้าน ตามสำนักงาน สวนสาธารณะ รีสอร์ตทั่วไป เวลามีต้นสูงใหญ่จะให้ร่มเงาสร้างระบบนิเวศได้ดีและมีดอกสวยงามมาก ประโยชน์ทั่วไป ในยุคสมัยก่อน เนื้อไม้ใช้ทำฟืน ปัจจุบันมีต้นขายทั้งต้นขนาดเล็กและสูงใหญ่ ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ราคาอยู่ที่ขนาดของต้นครับ.

“นายเกษตร”

...