ทหาร-ตำรวจ จังหวัดบึงกาฬ เดินหน้าคดีบุกตรวจค้นโรงงานแปรรูปไม้เถื่อนรอบสอง พร้อมยึดไม้พะยูง 384 ท่อน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทไว้ตรวจสอบ ขณะที่เจ้าของไม้พะยูงปิดบ้านหนี อ้างเดินทางไปต่างจังหวัด

ภายหลังทหารและตำรวจจังหวัดบึงกาฬ บุกเข้าตรวจค้นโกดังแห่งหนึ่ง ในจังหวัดบึงกาฬ โดยมีรั้วคอนกรีตสูงกว่า 2 เมตร ล้อมรอบโกดัง และจับกุมนายสนอง พาพันธ์ อายุ 55 ปี และนายสมชาย จอดนอก อายุ 34 ปี พร้อมของกลางไม้พะยูง จำนวน 58 ท่อน พร้อมอายัดไม้พะยูงไว้ตรวจสอบอีก 384 ท่อน รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้แปรรูป ขณะที่นางสาวธนพรรณ ประชานันท์ นำหลักฐานการซื้อของและหนังสือสั่งไม่ฟ้องของสำนักงานอัยการจังหวัดยโสธร พร้อมรับคืนไม้พะยูงจำนวน 585 ท่อน นั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 28 ต.ค.57 นายสุรัตน์ วิเศษลา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นค.6 บึงกาฬ พร้อมด้วย ร.อ.ชัยพร เขื่อนพงษ์ ผบ.ร้อย ฉก.รส. ที่ 1332 ร.ท.วิทยา สิงห์อร ผบ.ร้อย ทพ.2103 และ พ.ต.ต. บันเทิง คงชยะนันท์ สว.ตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่ ตชด.244 บึงกาฬ ได้ย้อนกลับเข้าไปตรวจสอบไม้พะยูงที่อายัดไว้กว่า 354 ท่อนในโกดัง แต่นางสาวธนพรรณ ประชานันท์ ที่อ้างตัวเป็นเจ้าของไม้และว่าจ้างชาย 2 รายมาแปรรูปไม่อยู่บ้าน เนื่องจากเดินทางไปต่างจังหวัด จึงสั่งอายัดไม้พะยูงของกลางกว่า 58 ท่อน ในข้อหามีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองและตั้งโรงงานแปรรูปไม้ในเขตควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่

นายสุรัตน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบบัญชีไม้พะยูงของกลางที่อัยการจังหวัดยโสธรสั่งไม่ฟ้อง มีไม้ใบบัญชีหายไปกว่า 143 ท่อน และคงเหลืออยู่เพียง 384 ท่อน ขณะที่แปรรูปไปแล้วกว่า 58 ท่อน จากทั้งหมด 585 ท่อน ต้องสอบถามเจ้าของว่าไม้ที่เหลือหายไปไหน ในส่วนของการดำเนินคดี 2 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ในข้อหาตั้งโรงงานแปรรูปไม้เถื่อนและมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครอง เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวนว่าผลการสอบสวนผู้ต้องหา สาวไปถึงผู้บงการหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องจะได้เรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี นอกจากนี้ ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบถึงผลการตรวจสอบไม้ครั้งนี้ว่าถูกต้องตามบัญชีเพื่อคืนของกลางให้แก่เจ้าของต่อไป

...