Volvo S60 Polestar Performance เป็นซีดานที่แปลกแยกออกไปจาก S60 รุ่นมาตรฐาน ในบางแง่มุมของพลังและการขับเคลื่อน มันเหมือนกับการจับเอาตัวคุณหมอที่มีนิสัยขี้อายสุภาพเรียบร้อยมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ให้กลายเป็นหมอที่ดูจริงจังกับชีวิตมากยิ่งขึ้น การปรับแต่งเครื่องยนต์ ช่วงล่างและระบบแอร์โรไดนามิกผ่านชุดแอร์โรพาร์ทใหม่ของ Polestar ทำให้มันกลายร่างเป็นสปอร์ตซีดานที่มีสมรรถนะดีเลิศประเสริฐศรี เหมาะสมกันดีกับหมอฟันมาดห้าวๆ หรือนักบินหนุ่มที่เบื่อทั้ง Mercedes Benz และ BMW หรือแม้แต่ Lexus ในด้านความเป็นรถขับหลังที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตลาดรถหรูของไทย
...
ตัวเลข 245 แรงม้า กับแรงบิด 350 นิวตันเมตร อัพจาก 220 แรงม้าขึ้นมาอีกนิดเดียว แต่เครื่อง Drive E Power Train ที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งผ่านการปรับแต่งจาก Polestar ไม่สามารถเพิ่มแรงบิดขึ้นไปให้มากกว่าเดิม ผลลัพธ์ที่ได้คือรถสปอร์ตซีดานที่มีการขับใช้งานในชีวิตประจำวันดีเยี่ยมคันหนึ่งในวงการรถหรู สำหรับการขับทดสอบตลอด 5 วัน มีทั้งการขับในเมืองท่ามกลางสภาพการจราจรที่ติดขัดและขับออกทางไกลแบบอัดต่อเนื่องบนไฮเวย์ S60 Polestar Performance ยังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ที่มีอัตราทดมากถึง 8 ตำแหน่ง เกียร์ใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทั้งอัตราเร่งที่ดีขึ้น ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ลดลง จากรอบเครื่องที่มีความเหมาะสมกับความเร็วด้วยเกียร์ฉลาดๆ ลูกใหม่ เครื่องยนต์มีพลังมากยิ่งขึ้น เมื่อ Polestar เข้าไปวุ่นกับสมองกลที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ตัวเลข 0-100 ใน 6.0 วินาที ทำให้ Volvo S60 รุ่นพิเศษคันนี้ห่างไกลจากคำว่ารถยนต์ที่น่าเบื่อจาก Volvo เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อเจาะฐานลูกค้าระดับบนที่ชอบทั้งความปลอดภัยและความแรงควบคู่กันไปสำหรับการเลือกซื้อรถคันใหม่ให้กับตัวเอง
...
ตัวเลขของสมรรถนะที่เปลี่ยนไปของ S60 Polestar Performance
กำลังจาก 220 แรงม้า กลายมาเป็น 245 แรงม้า (162 กิโลวัตต์ = 180 กิโลวัตต์) รอบเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูงสุดยังคงเท่าเดิม 5500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุดเท่ากับรุ่นมาตรฐานที่ 350 นิวตันเมตร มาในย่าน 1500-4800 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 จากเดิม 6.7 มาเป็น 6.0 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในเมือง 12.0 กิโลเมตรต่อลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงนอกเมือง 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.7 กิโลเมตรต่อลิตร (ขับแบบผสมทั้งในและนอกเมือง)
ค่าคาร์บอนมอนไดออกไซด์ (กรัม/กิโลเมตร) 139
มาตรฐานไอเสีย EURO-6
...
ห้องโดยสารของ S60 Polestar มีมิติที่อยู่ตรงกลางระหว่าง BMW Series-3 / Series-5 ภายในที่มีขนาดพื้นที่เท่ากับ E-Class ประกอบไปด้วยอุปกรณ์และการจัดวางที่ใกล้เคียงกับ V40 T5 / V60 T5 R-Design / XC60 D4 จากการใช้มาตรวัดและแผงคอนโซลกลางอัลลอยในสไตล์เดียวกันทั้งหมด แผงมาตรวัดใช้จอ LCD Screens แบบ TFT หรือ Thin film transistor เป็นมาตรวัดแบบใหม่ที่ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ ชนิดของหน้าจอแสดงผลเป็นแบบ LCD มีความละเอียดคมชัดสูงมาก ซึ่งแต่ละพิกเซลของจอ TFT จะถูกควบคุมโดยทรานซิสเตอร์ เทคโนโลยี TFT ให้ความละเอียดคมชัดดีที่สุดแต่ก็มีราคาแพงที่สุดเช่นกัน การแสดงผลในรูปแบบดิจิตอลเริ่มเข้ามาระบาดในรถซุปเปอร์คาร์ เช่น Ferrari และ Lamborghini รวมถึง Audi ที่ใช้จอลักษณะนี้ในรถยนต์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Audi TT อีกด้วย นอกจากจะแจ้งความเร็วเป็นแบบตัวเลข มาตรวัดรอบดิจิตอลในจอ TFT ของ Volvo ยังสามารถแสดงภาพคล้ายกับมาตรวัดในแบบอนาล็อกที่ผู้ขับขี่มีความคุ้นเคย ส่วนตัวเลขต่างๆ บนจอรวมกับข้อมูลของการขับขี่บนหน้าจอแบบออนบอร์ดทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน สำหรับเบาะผู้โดยสารตอนหน้าเป็นเบาะแบบสปอร์ตที่เน้นความกระชับ เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 3 ระดับ
...
แผงประตูและที่วางแก้วน้ำทำออกมาได้หรูหราสมราคา อัลลอยจำนวนมากถูกใช้ที่แผงคอนโซลกลาง บริเวณที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิ ปรับตั้งระบบเครื่องเสียงและระบบนำทางด้วยดาวเทียม รวมถึงการปรับตั้งค่าต่างๆ ของตัวรถที่ส่วนใหญ่เป็นการปรับตั้งระบบความปลอดภัยในขณะขับขี่เกือบทั้งหมด พวงมาลัยทรงสปอร์ตสามก้าน มีก้านวงด้านล่างทำจากอัลลอยสีเงินที่สวยงาม พวงมาลัยยังมีสวิตช์เปลี่ยนอัตราทดหรือแป้น Paddle Shift แปะอยู่ด้านหลังวงพวงมาลัยมาให้ใช้งาน หัวเกียร์แบบครึ่งหนังครึ่งอัลลอยวางตำแหน่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติและทำให้มีความสะดวกในการใช้งาน ถัดจากซุ้มเกียร์มีช่องวางแก้วน้ำสองตำแหน่งพร้อมฝาปิดแบบเลื่อนปิด-เปิดได้ พนักเท้าแขนที่บริเวณคอนโซลกลางออกแบบให้เป็นทั้งที่เท้าแขนและช่องเก็บของกระจุกกระจิก พวกแผ่น CD ภายในกล่องเก็บของใต้พนักเท้าแขนยังมีช่องเชื่อมต่อ USB-iPod ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหลังมีช่องแอร์ที่ไม่เหมือนกับชาวบ้าน ช่องแอร์ด้านหลังสำหรับให้ความเย็นกับผู้โดยสารตอนหลัง ถูกย้ายมาติดอยู่กับเสากึ่งกลางของตัวรถ
เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ ปริมาตรความจุ 2.0 ลิตร 1969 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบมีการทำงานที่ค่อนข้างราบรื่นและเรียบเนียน ความเงียบและนิ่งของเครื่องยนต์ในขณะใช้รอบต่ำทำให้มันมีความน่าใช้งานเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์มีอัตราสิ้นเปลืองในเมืองเฉลี่ย 12.0 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งอยู่ในระดับปกติทั่วไป แต่เมื่อนำออกไปวิ่งทางยาวแบบไฮเวย์ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ S60 Polestar จะดีขึ้นอยู่ผิดหูผิดตาที่ 21.3 กิโลเมตรต่อลิตร การทดกำลังจากเกียร์อัตโนมัติรุ่นล่าสุดที่มีมาให้ถึง 8 สปีด ทำให้รอบเครื่องยนต์ในช่วงใช้ความเร็วเดินทางลดต่ำลงมาก การลดลงของรอบเครื่องยนต์จึงส่งผลไปถึงความประหยัดโดยตรง ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบจะใช้รอบเครื่องแค่ 1800 รอบต่อนาที เป็นตัวเลขของรอบเครื่องยนต์ที่เท่ากับ BMW Series-3 / Series-5 ซึ่งใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 8 สปีดเหมือนกัน จะไม่เหมือนก็แค่เกียร์ของ S60 Polestar นั้น เป็นเกียร์ขับเคลื่อนล้อหน้าที่มีขนาดกะทัดรัดมากกว่าเกียร์ 8 สปีดของ BMW ซึ่งเป็นเกียร์ขับหลังที่มีขนาดใหญ่กว่า รวมถึงลักษณะของการวางเครื่องยนต์ ในรถ Volvo S60 Polestar จากการเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์จึงถูกวางตามขวางและทำให้ขนาดของเกียร์กะทัดรัดตามไปด้วย ส่วน BMW นั้นเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง วางเครื่องยนต์ตามยาวขนานไปกับตัวรถ ทำให้เกียร์ที่ต่อออกจากเครื่องยนต์มีขนาดที่ใหญ่และยาวมากกว่าเกียร์ของรถขับเคลื่อนล้อหน้าอย่าง Volvo
การเร่งความเร็วอย่างฉับพลันมีอาการหน่วงเพียงเล็กน้อยในขณะที่คันเร่งไฟฟ้าถูกกดลงไปจนหมด อาการดึงอย่างหนักหน่วงทำให้ผู้ขับต้องกุมพวงมาลัยให้แน่นกระชับมากกว่าปกติ แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ปลดปล่อยออกมาในย่าน 1500-4500 รอบต่อนาที เร็วกว่า S60 รุ่นมาตรฐานอยู่ถึง 0.7 วินาที ในบางแง่มุมที่ต้องการเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (1-100 ใน 6.0 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดแจ้งมาเป็นตัวเลขที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงบิดที่มาตั้งแต่ย่าน 1400 รอบต่อนาที ทำให้การขับไปในเมืองที่มีสภาพการจราจรคับคั่งค่อนข้างคล่องตัวมาก ส่วนน้ำหนักของพวงมาลัยแบบอัตราทดแปรผันไปตามความเร็ว มีน้ำหนักที่ออกมาในแนวหนึบแน่น สร้างความมั่นใจในขณะที่ใช้ความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี ส่วนในย่านความเร็วต่ำ พวงมาลัยยังคงให้น้ำหนักที่เบาสบายข้อมือสำหรับการหักเลี้ยวในมุมแคบหรือหมุนพวงมาลัยเพื่อเข้า-ออกจากที่จอดรถแคบๆ
ระบบรองรับของ Volvo S60 Polestar มีการเพิ่มค่าความแข็งของสปริงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ความรู้สึกของช่วงล่างออกมาในแนวหนึบแน่นมากกว่า Volvo ทุกรุ่นที่ผมเคยขับทดสอบ เจ้า Volvo S60 Polestar ใช้กันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบมัลติลิ้งค์ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของระบบรองรับใน Volvo S60 Polestar ถูกปรับปรุงเพื่อรองรับแรงม้าที่เพิ่มเข้ามาอีก 25 ตัว สำหรับคุณภาพของล้อและยางติดรถมาจากโรงงานนั้น ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว กับยาง Continental รุ่น Conti-sport Contact 3 ให้กริ้บที่ดีผนวกแรงยึดเกาะ เมื่อขับบนไฮเวย์ ยาง Continental มีเสียงรบกวนจากการบดไปบนพื้นผิวถนนไม่มากนัก สิ่งที่โดดเด่นของ Volvo S60 Polestar อยู่ที่การควบคุมอันแม่นยำ พลังในรูปของแรงบิดจากการบูสของเทอร์โบสามารถเรียกใช้ได้เกือบจะทุกย่านรอบเครื่องยนต์ และทำให้มันเป็นสปอร์ตซีดานที่ควบคุมได้ง่ายดาย ขับสนุกลุกนั่งสบายได้ทั้งวัน มันเหมาะกับผู้ที่นิยมการขับรถทางไกล ด้วยท่านั่งที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีที่ช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อต้องขับกันยาวมากกว่า 4-500 กิโลเมตร สำหรับคนที่ชอบเทคโนโลยีของระบบความปลอดภัย รับรองว่า Volvo S60 Polestar มีให้มากเท่าที่ต้องการและบางระบบดูจะเกินความจำเป็นไปด้วยซ้ำ การทรงตัวในย่านความเร็วสูง Volvo S60 Polestar สามารถตอบสนองในด้านการยึดเกาะได้ดีมาก เมื่อรวมเข้ากับความสบายของห้องโดยสารอาจทำให้คุณลืม BMW หรือ Mercedes Benz ได้เลยทีเดียว
Volvo เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ลูกค้าในปัจจุบันคาดหวังจากการพัฒนารถยนต์ Volvo คือ การผสมผสานสมรรถนะที่ดี ระบบความปลอดภัย และการประหยัดพลังงานเข้าด้วยกัน ในขณะเดียวกันการเป็นเจ้าของ Volvo สักคันไม่ว่าจะมีอายุการใช้งานเท่าไรก็สามารถมีอุปกรณ์เสริมสมรรถนะให้ขับสนุกยิ่งขึ้น Volvo จึงร่วมมือกับ Polestar (โพลสตาร์) พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการแข่งขันรถยนต์พัฒนา Polestar Performance Optimisation เป็นซอฟต์แวร์เสริมสมรรถนะให้กับรถยนต์ Volvo ทุกรุ่นที่ออกวางขายอยู่ในปัจจุบัน
V60 Polestar Performance Optimisation
Polestar Performance สำนักแต่งตัวแข่งของสวีเดน เข้ามาลงมือลงแรงในการเพิ่มพลังแรงม้าและแรงบิดในรถยนต์ Volvo รุ่นที่มีเทอร์โบให้ถึงขีดสุด ซอฟต์แวร์หรือสมองกลที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ พัฒนาขึ้นโดยวิศวกรช่างเทคนิค และผู้เชี่ยวชาญชุดเดียวกันกับที่แต่งเครื่องยนต์ให้กับทีมรถแข่ง Volvo ที่คว้าชัยชนะบนสนามแข่งระดับโลกมาแล้ว โดยสำนักแต่ง Polestar ได้นำประสบการณ์เกือบ 20 ปี และความมั่นใจในสมรรถนะหลังจากวิ่งบนสนามแข่งจริงมาแล้วกว่า 17,000 รอบ ไม่รวมการวิ่งทดสอบ มาใช้ในการเพิ่มสมรรถนะพลังขับเคลื่อนและแรงบิดให้รถยนต์ที่ทรงพลังอยู่แล้วเพิ่มความแรงเร้าใจได้มากขึ้นกว่าเดิม Polestar เป็นพันธมิตรกับ Volvo มานานถึง 18 ปี ทั้งในด้านการแข่งรถ และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับรถยนต์ Volvo และสร้างชื่อเสียงในสนามแข่งมาตลอด โดยเริ่มจาก Volvo รุ่น 850 ตามมาด้วย S40 และ S60 ในปี 2551 Polestar ได้รับมอบหมายจาก Volvo ให้พัฒนารถแฮตช์แบ็กขนาดเล็ก 3 ประตูในรุ่น C30 เพื่อลงชิงชัยในสนามแข่ง โดยได้ลงมือพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ที่โรงงานของตนเองในเมืองโกเธนเบิร์กตั้งแต่การออกแบบเครื่องยนต์ แชสซี ระบบอิเล็กทรอนิกส์ คุณสมบัติต่างๆ เพื่อเพิ่มความเพรียวลมให้กับรถรุ่นนี้
ในปี 2554 Volvo C30 ที่พัฒนาโดย Polestar 2 คัน ก็เสร็จสมบูรณ์เพื่อลงชิงชัยในสนาม Swedish Touring Car Championship (STCC) คันหนึ่ง ส่วนอีกคันหนึ่งใช้เพื่อการประเมินผลในการแข่งขัน World Touring Car Championship (WTCC) Polestar นับได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมรถแข่งของ Volvo สามารถคว้าแชมป์รายการ Scandinavian Touring Car Championship (STCC) ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ในปี พ.ศ. 2556 และพ.ศ. 2557 โดยเฉพาะในสนาม Mantorp Park ในสวีเดนซึ่งเป็นสนามสุดท้ายที่ปิดฤดูการแข่งขันประจำปี 2557 อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีสองนักแข่งทีม Volvo Polestar คือ เท็ด บียอร์ค รั้งตำแหน่งแชมป์ และเฟรดริก เอคบลอม รั้งอันดับ 3 ในการแข่งขัน มร. โยฮัน ไมสเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญจาก Polestar เปิดเผยว่า ทีมแข่งของ Volvo Polestar ประสบความสำเร็จมากในฤดูการแข่งขันล่าสุด 2 ปี ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการแข่งรถที่โหดมาก แต่คุ้มค่ามากกับความสำเร็จที่ได้รับกลับคืน Polestar ยินดีที่ได้มีโอกาสนำประสบการณ์ทั้งจากนักแข่งและทีมวิศวกรและช่างในสนามแข่งมาแบ่งปันกับเจ้าของรถยนต์ Volvo ทั่วโลก ในฐานะพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมสมรรถนะให้แก่รถยนต์ สำนักแต่ง Polestar ได้รับมอบหมายจาก Volvo ให้ทำการพัฒนาและจำหน่ายชุดเพิ่มสมรรถนะในรถยนต์ Volvo ให้แก่ลูกค้าทั่วโลก โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน มีการจำหน่ายและติดตั้ง Polestar Performance Optimisation เพื่อเพิ่มสมรรถนะแรงม้าและแรงบิดให้แก่รถยนต์ Volvo มากกว่า 60,000 คันในกว่า 60 ประเทศ
Polestar และเครื่องยนต์แห่งอนาคตของ Volvo
จากความสัมพันธ์อันยาวนานหลายปีที่ผ่านมา Volvo และ Polestar ยังได้ร่วมกันนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากสนามแข่งเข้ามาผนวกรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ Volvo รุ่นใหม่โดยที่ Polestar มีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนาเครื่องยนต์ Drive-E Powertrains ใหม่ของ Volvo จากการทดสอบเครื่องยนต์ต้นแบบในปี พ.ศ. 2554 พบว่าเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่บนแพลตฟอร์มนี้ มีกำลังแรงมาก และเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดในสนามแข่ง Volvo และ Polestar จึงได้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่นี้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รวมทั้งยังจะติดตั้งเครื่องยนต์ Drive-E Powertrains ไว้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต