ถือเป็นอีกหนึ่งคดีเหี้ยมโหดสะเทือนขวัญสังคมแห่งปี กรณีครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่นชายวัย 79 ปี หายตัวไปปริศนาในประเทศไทย ซึ่งหลังจากลูกชายเหยื่อเข้าแจ้งความแล้วตำรวจสามารถคลี่คลายคดีจนจับกุม 2 ผู้ต้องหา สามีภรรยา พร้อมกับค้นหาจนพบศพสภาพถูกหั่นทิ้งคลอง โดยใช้เวลาไม่นาน นับว่าตำรวจสามารถคลี่คลายคดีได้อย่างรวดเร็ว

ย้อนไปหลังเกิดคดีนี้ ตำรวจได้เร่งตามล่าตัวผู้ก่อเหตุ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความมั่นคงระหว่างประเทศ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก รรท.รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.น. ทีมสืบสวนสอบสวนมือดี และฝ่ายทหารนำโดย พ.อ.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมาย ส่วนรักษาความสงบ คสช.

จากนั้น มีการสั่งการให้ พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร์ รรท.ผบก.น.1 พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา กับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2026/8 หมู่ 15 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ และนางพรชนก ไชยะปะ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201/237 หมู่ 7 ถนนบางนา-ตราด ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ จ.1875/2557 และ จ.1876/2557 ลงวันที่ 23 ต.ค. 57 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย” ในเวลาต่อมา 

...

ทั้งนี้ รายละเอียดของคดีนั้น ไล่เลียงจากเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 57 นายเทสซึโอะ ชิมาโตะ บุตรชาย นายโยชิโนริ ชิมาโตะ ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่นวัย 79 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วงขวาง ว่า นายโยชิโนริ ได้หายออกจากห้องพัก เลขที่ 180 ชั้น 10 ศรีวราแมนชั่น แขวงสามเสนนอก เขตดินแดง กทม. จากนั้น นายเทสซึโอะ จึงได้เดินทางไปยังที่พักดังกล่าว พบนางพรชนก ซึ่งคบหากันเป็นแฟนกับนายโยชิโนริ อยู่ในห้องพักท่าทางมีพิรุธ ใส่วิกผมปิดบังใบหน้า จากการตรวจค้นตัวพบบัตรเอทีเอ็มของนายนายโยชิโนริ จึงได้แจ้งความดำเนินคดีกับนางพรชนกในข้อหาลักบัตรเอทีเอ็ม แต่ได้ประกันตัวในชั้นศาลแล้วหลบหนีไป ต่อมามีการตรวจสอบบัญชี พบว่า นางพรชนก ได้นำบัตรเอทีเอ็มดังกล่าวไปกดเงิน ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 57 เป็นต้นมา จำนวน 14 ครั้ง ได้เงินไป จำนวน 720,000 บาท

กระทั่งตำรวจตรวจสอบเงื่อนปมน่าสงสัย พบว่า นางพรชนก เคยมีความสัมพันธ์กับชายชาวญี่ปุ่นหลายคน และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายโยชิโนริ เจ้าหน้าที่จึงออกติดตามตัวมาสอบสวนอีกครั้ง พบว่าหลบหนีไปกับนายสมชาย แก้วบางยาง สามีคนขับแท็กซี่ ไปอยู่ที่บ้านพักใน จ.อ่างทอง

ต่อมา เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 57 เจ้าหน้าที่ทหารได้พบตัว นางพรชนก และนายสมชาย จึงเชิญตัวมาสอบถามข้อเท็จจริง จากการสอบสวนนางพรชนก ยังให้การปฏิเสธ ส่วนนายสมชาย ให้การรับสารภาพ โดยนางพรชนก ให้การว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 57 ช่วงกลางวัน ขณะที่นายโยชิโนริ เดินทางไปสอนภาษาญี่ปุ่น ที่การเคหะบางพลี ได้มีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน นางพรชนก จึงได้พาไปรักษาตัวที่ รพ.บางนา 2 และเมื่อแพทย์ตรวจอาการพร้อมแจ้งค่าใช้จ่ายแล้ว นางพรชนกเห็นว่าค่าใช้จ่ายสูง จึงนำตัวนายโยชิโนริ ออกจาก รพ.และพาไปส่งขึ้นรถที่สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข เวลาประมาณ 17.00 น. ของวันเดียวกัน หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก

...

ด้าน นายสมชาย ให้การยอมรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 57 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่กำลังขับรถแท็กซี่ นางพรชนกได้โทรศัพท์ให้ไปพบที่บ้าน ภายในหมู่บ้านออร์คิดวิลล่า เลขที่ 201/237 หมู่ 7 ถนนบางนา-ตราด ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เมื่อไปถึงนางพรชนกได้พาขึ้นไปบนห้องนอนชั้น 2 พบนายโยชิโนริ นอนนิ่งใบหน้าเขียวคล้ำ เชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว นางพรชนกกลัวความผิด จึงได้ร่วมกันวางแผนจะทำลายศพ เพื่อปกปิดการตาย จากนั้นนายสมชายได้ใช้มีดและค้อน หั่นศพออกเป็นชิ้นๆ บรรจุในถุงปุ๋ย 4 ถุง แล้วนำใส่ท้ายรถแท็กซี่ เพื่อไปทิ้งยังสะพานข้ามคลองสนามพลี

...

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ต.ค. เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้ไปรับตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน และนำตัวมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อทำบันทึกต่างๆ ในทางคดี ซึ่งหลังจากเสร็จขั้นตอนนี้แล้ว ก็จะส่งตัว 2 ผู้ต้องหาไปยัง สน.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินคดีในช่วงบ่ายวันนี้ ส่วนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น คาดว่าน่าจะทำได้ในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบชิ้นส่วนของผู้ตายจนครบและมีการตรวจดีเอ็นเอยืนยันแล้วว่าชิ้นส่วนที่พบเป็นของนายโยชิโนริ รวมทั้งผู้ต้องหาก็ได้ให้การรับสารภาพทั้งหมดแล้ว ทางตำรวจนครบาลก็จะส่งมอบสำนวนให้พนักงานสอบสวนของ สน.บางเสาธง ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป.