จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส อีโบลา ทั่วโลกเพิ่มมีมากกว่า 4,000 รายแล้ว ขณะที่กระแสความวิตกเรื่องการแพร่กระจายของไวรัสชนิดนี้ในหลายประเทศกำลังเพิ่มสูงขึ้น...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส 'อีโบลา' เพิ่มขึ้นจนมีมากกว่า 4,000 รายแล้ว ตามการเปิดเผยขององค์การอนามัยโลก (ฮู) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.) ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการตกใจกลัวการระบาดของไวรัสมรณะชนิดนี้
ฮูระบุเมื่อวันศุกร์ว่า จนถึงวันที่ 8 ต.ค. ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพราะเชื้อไวรัสอีโบลาอยู่ที่ 4,033 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 8,399 คนใน 7 ประเทศ โดยเกือบทั้งหมดอยู่ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
ขณะเดียวกันกระแสความหวาดกลัวการระบาดของอีโบลาในประเทศต่างๆ กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ออสเตรเลียถึงซิมบับเว และมาซิโดเนียไปจนถึงสเปน ซึ่งประชาชนที่มีสัญญาณของอาการไข้ หรือติดต่อกับผู้ติดเชื้ออีโบลา จะถูกแยกเดี่ยวในศูนย์กักโรค หรือถูกสั่งกักบริเวณอยู่แต่ในบ้าน
ที่สเปน เกิดกระแสความกังวลว่าอาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้ออีโบลา ที่หน่วยกักโรคในโรงพยาบาล 'ลา ปาซ การ์ลอส ที่ 3' ในกรุงมาดริด ซึ่งนางเทเรซา โรเมโร ผู้ติดเชื้ออีโบลารายแรกนอกแอฟริกา กำลังพักรักษาตัวอยู่ โดยหน่วยกักโรคในโรงพยาบาลแห่งนี้ถูกปิดไปเมื่อปีก่อนเนื่องจากมาตรการตัดงบประมาณ และเพิ่งเปิดใหม่อีกครั้งเมื่อเดือนส.ค. เพื่อรับตัวหมอสอนศาสนา 2 คนที่ติดเชื้ออีโบลาในแอฟริกาตะวันตกกลับมารักษาในประเทศ
...
ส่วนที่ประเทศฝรั่งเศส มีการสั่งอพยพที่อาคารแห่งหนึ่งในย่ายชานกรุงปารีส เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากพบชายชาวแอฟริกันคนหนึ่งล้มป่วย และก่อนหน้านี้ ก็เคยเกิดกระแสความหวั่นวิตก หลังจากกลุ่มนักเรียนจากประเทศกินีกลุ่มหนึ่งมาร่วมเรียนที่โรงเรียนในฝรั่งเศส แต่ทั้ง 2 เหตุการณ์ไม่พบผู้ป่วยอีโบลา
ด้านประเทศมาซิโดเนีย รัฐบาลสั่งกักตัวผู้คนที่ติดต่อกับชายชาวสหราชอาณาจักร (ยูเค) ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยโรคที่มีอาการคล้ายไข้เลือดออกอีโบลา นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และยูเค ประกาศเพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่สนามบินขนาดใหญ่ ขณะที่โมร็อกโกเรียกร้องให้เลื่อนการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติแอฟริกาปี 2015 ออกไปก่อน
ขณะที่รัฐบาลสหรัฐเริ่มบังคับใช้มาตรการตรวจเข้มผู้โดยสารเครื่องบินจากต่างประเทศภายในสนามบินหลัก 4 แห่ง ได้แก่ สนามบินโอแฮร์ในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สนามบินนวร์ค รัฐนิวเจอร์ซีย์ สนามบินวอชิงตัน ดัลเลสและสนามบินนครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ซึ่งสนามบินทั้ง 4 แห่งรองรับผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศมากราว 90 เปอร์เซ็นต์
ผู้โดยสารทุกคนจะถูกตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ส่วนผู้เดินทางมาจากทวีปอัฟริกาตะวันตกผ่านมาจากยุโรปจะถูกสอบถามประวัติการเดินทางก่อนเข้าสหรัฐและคำถามเคยสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลาหรือไม่ ถ้าพบผู้ต้องสงสัยจะให้ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคระบาดหรือ ซีดีซี ดำเนินการประเมินสภาพร่างกายต่อไป ส่วนยอดผู้โดยสารเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงระบาดของไวรัสอีโบลาเข้าสหรัฐเฉลี่ยวันละ 160 คน
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐมีขึ้นภายหลังจากนายโธมัส ดันแคน ชาวอเมริกันเชื้อสายไลบีเรียผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกอีโบลาจากบ้านเกิดและเดินทางกลับสหรัฐถูกตรวจพบติดเชื้อไวรัสมรณะและถูกนำตัวมรับการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลในเมืองดัลลาส รัฐเท็กซัส ถือเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลารายแรกในสหรัฐและได้เสียชีวิตลงเมื่อวันพุธที่ผ่านไป ขณะที่สหประชาชาติประกาศขอระดมทุนป้องกันการระบาดของไวรัสอีโบลาราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ