“ประยุทธ์” นำทีม ผบ.เหล่าทัพเข้าบ้านสี่เสาฯอำลา “ป๋าเปรม” หลังเกษียณอายุราชการ เริ่มต้นลุยงานสวมบทบาทรัฐบาล ให้คำมั่นจะตั้งใจแก้ปัญหาของชาติอย่างรวดเร็ว-ยึดมั่น โปร่งใส-ซื่อสัตย์สุจริต “ป๋า” มอบหลวงปู่ทวด รุ่นบ้านเกิด อวยพรให้สำเร็จสมความตั้งใจ “บิ๊กตู่” ส่งท้ายมอบงาน “อุดมเดช” รับไม้สานต่อสร้างความปรองดอง ผบ.ทบ.คนใหม่ลั่นบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย พร้อมนำกองทัพสนับสนุนรัฐบาลเต็มสูบ การันตีไม่มีการปฏิวัติซ้อน มติ ป.ป.ช.ไม่แก้ไขส่งกลับสำนวนเชือด “สมศักดิ์-นิคม” ให้ สนช.ถอดถอนตามหน้าที่ สั่งเจ้าหน้าที่ทบทวนเนื้อหาสอย “ปู” ให้รอบคอบ ศาลปกครองยกคำร้อง 28 สนช. ด้าน ป.ป.ช.เดินหน้าเปิดกรุสมบัติทันที 3 ต.ค.
หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะ ผบ.ทบ.เดินสายอำลาตำแหน่งก่อน เกษียณอายุราชการ ล่าสุดได้ทำพิธีส่งมอบงานให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.คนใหม่ โดย พล.อ.อุดมเดชยืนยันพร้อมทำหน้าที่สานต่อการสร้างความปรองดอง และยืนยันจะไม่มีการปฏิวัติซ้อนเกิดขึ้น
“ประยุทธ์” ส่งมอบงาน ผบ.ทบ.ใหม่
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 30 ก.ย.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน กองทัพบกจัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ ผบ.ทบ.โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะ ผบ.ทบ.คนที่ 38 ได้ส่งมอบหน้าที่แก่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.คนใหม่อย่างเป็นทางการ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ทำพิธีสักการะศาลพระชัยมงคลภูมิ จากนั้นถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านหน้าหอประชุมกิตติขจร ภายใน บก.ทบ. แล้วจึงลงนามเอกสารส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชาให้ พล.อ.อุดมเดช และมีพิธีส่งมอบธงประจำกองทัพบก รวมทั้งพิธีสวนสนามของกำลังพล 3 กองร้อย จากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) กองพลทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ (ม.1 รอ.) และกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 6 (ปตอ.พัน.6) ซึ่งได้ร้องเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทยและเพลงเพื่อผืนดินไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากแท่นพิธีไปทักทายกำลังพลอย่างอารมณ์ดี พร้อมโบกมืออำลาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนกลับไปขึ้นรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร รถประจำตำแหน่งคันใหม่ โดยเปิดกระจกรถลงโบกมือและชูสองนิ้วสัญลักษณ์แทนคำว่ารัก เคลื่อนขบวนช้าๆ ผ่านแถวกำลังพล ก่อนจะพ้นประตู บก.ทบ.ไป
...
พ้นตำแหน่งแต่ไม่ทิ้งอุดมการณ์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในการส่งมอบหน้าที่ตอนหนึ่งว่า การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทหารของชาตินับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจสูงสุด รวมทั้งเป็นโอกาสสำคัญในชีวิตที่ได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน และทำหน้าที่ยิ่งใหญ่พิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ ค้ำจุนราชบังลังก์ และสร้างสรรค์สันติสุขให้กับประชาชน ขอบคุณทุกคนที่เสียสละกำลังกายกำลังใจทำให้กองทัพและประเทศชาติก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนตลอดไป แม้จะต้องพ้นจากหน้าที่ผบ.ทบ.ไป แต่อุดมการณ์ที่ยึดมั่นมาตลอดจะยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย และเชื่อมั่นว่า ผบ.ทบ.คนใหม่เป็นผู้มีจิตวิญญาณความเป็นทหารเต็มเปี่ยม จะนำพากองทัพบกพัฒนาไปในทุกๆด้าน สมฐานะเป็นกองทัพของชาติ และพร้อมก้าวสู่เป็นกองทัพอาเซียนต่อไป
“อุดมเดช” รับไม้สานต่อปรองดอง
ด้าน พล.อ.อุดมเดชกล่าวรับหน้าที่ว่า ผบ.ทบ.ได้กำหนดบทบาทของกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยดำรงจุดยืนอยู่เคียงข้างประชาชนทุกโอกาส และเป็นหลักในการเข้าคลี่คลายปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของชาติ รวมทั้งความสงบสุขปลอดภัยของประชาชน ทำให้กองทัพดำรงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีจนได้รับความไว้วางใจจากสังคม ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่ผบ.ทบ.ต่อไป ขอตระหนักถึงความรับผิดชอบภาระหน้าที่สำคัญจะอุทิศทั้งกำลังกายและกำลังใจ สติปัญญา จะตั้งใจดำเนินภารกิจทุกด้านอย่างดีที่สุด ซื่อสัตย์ สุจริต ปกครอง บังคับบัญชายึดหลักความถูกต้องและเป็นธรรม โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายทุกด้านให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่มีแต่ความสามัคคีปรองดอง มีสันติสุขและเสริมสร้างความมั่นคง มีเสถียรภาพให้กับชาติบ้านเมืองต่อไป
ลั่นบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย
จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.อ.อุดมเดช ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับตำแหน่งว่า หน้าที่ของกองทัพบกคือพิทักษ์ รักษา และเทิดทูนสถาบันด้วยชีวิต และจะไม่ยอมให้ใครมาล่วงละเมิด หลังจากนี้ตนจะปฏิบัติตามภาระหน้าที่หลักคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและดูแลพื้นที่ของประเทศไทยให้มีแต่ความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาเขตแดนต้องรักษาไว้ไม่ให้มีปัญหา ส่วนการดูแลความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศโดยเฉพาะช่วงนี้ ซึ่ง คสช.ยังคงอยู่ต่อไปเพื่อช่วยสนับสนุนรัฐบาล กองทัพบกยังคงเป็นหลักเรื่องการรักษาความสงบ ตนมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการให้เกิดความสงบให้ได้ ผู้ที่มีความคิดไม่เข้าใจหรือผู้เห็นต่าง ในภาพรวมต้องทำความเข้าใจ และจะต้องร่วมมือกัน คสช.และรัฐบาลกำลังดำเนินการเรื่องสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รัฐบาลทราบดีว่าเป็นยุทธศาสตร์ความสำเร็จในการปรองดองสมานฉันท์ต่อไป เพราะฉะนั้นกองทัพจะสนับสนุนส่วนนี้ บุคคลที่ไม่ได้ถูก คสช.คัดสรรเป็น สปช.ก็สามารถมีส่วนร่วมให้แนวคิดตามที่นายกฯระบุไว้
การันตีไม่มีปฏิวัติซ้อน
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขอฝากผู้ที่มีแนว ความคิดต่างหรือมีความคิดเห็นอย่างไร ขอให้นำเสนอความคิดเห็นมาในช่องทาง สปช.ทั้ง 11 ด้าน เราจะรับฟังแนวความคิดเห็นทั้งหมดจากส่วนรวม ฉะนั้นหากมีการประกาศรายชื่อ สปช.แล้วจะต้องสนับสนุนกัน อย่าไปทำสิ่งที่นอกเหนือกฎหมาย กองทัพบกจะไม่ยอมให้เกิดความไม่สงบ กองทัพบกเป็นกลไกหลักของรัฐบาล ซึ่งเป็นรัฐบาลรักษาการเพื่อรอการเลือกตั้ง ที่ผ่านมานายกฯแสดงเจตนารมณ์ว่ามาด้วยความจริงใจ ต้องการทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้นจริง ตนจะสืบสานและทำให้ดี เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจต่อประชาชนอย่างไรว่าในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.จะดูแลไม่ให้เกิดการปฏิวัติซ้อน เพื่อบ่อนทำลายรัฐบาล พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นใครที่อยู่ในปัจจุบันหรืออนาคต ผู้บังคับบัญชาได้ทำความเข้าใจไว้หมดแล้ว และทุกคนก็เดินในแนวทางเดียวกัน บางครั้งที่มีการเขียนไปต่างๆ ก็เข้าใจไปกันเอง เป็นความเข้าใจผิดของการถ่ายทอด และขอให้ทุกคนสบายใจ ไม่มีอย่างแน่นอน กองทัพบกจะเป็นฐานสำคัญที่จะทำให้ประเทศชาติสงบ คสช.และรัฐบาลจะดำเนินการเคียงคู่กันไปจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยตามกรอบแนวทางที่นายกฯมอบหมายไว้
“บิ๊กตู่” นำ ผบ.เหล่าทัพอำลา “ป๋าเปรม”
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะคสช.ในฐานะ ผบ.ทบ.นำ ผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วยพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะ ผบ.ทหารสูงสุด พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ในฐานะ ผบ.ทอ. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการประจำสำนักนายกฯ พล.อ.จิรเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก และ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่ออำลาตำแหน่งหลังเกษียณอายุราชการ โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที
พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยภายหลังเข้าพบว่า มากราบลาประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งในการพบกันต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันในการทำงาน โดย พล.อ.เปรมได้มอบหลวงปู่ทวดรุ่นบ้านเกิด ให้กับทุกคน เพื่อเป็นสิริมงคลให้คำมั่น รบ.ยึดซื่อสัตย์ โปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าพบครั้งนี้เกิดจากการประสานงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นครั้งแรกที่นายทหารระดับสูงสุดของเหล่าทัพมาอำลาหลังเกษียณอายุราชการกันครบถ้วนทุกคน ซึ่งระหว่างการเข้าพบ พล.อ.เปรม ให้กำลังใจทุกคนในการทำหน้าที่ดูแลชาติบ้านเมือง รวมถึงอวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้คำมั่นว่ารัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาของประเทศชาติตามที่ตั้งใจไว้ และจะทำงานด้วยความรวดเร็ว ยึดมั่นในความโปร่งใสและซื่อสัตย์สุจริต ทำเพื่อประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง พล.อ.เปรมยังได้ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ว่าที่ผ่านมาทำหน้าที่ดูแลกองทัพได้ดี และขอให้รักษามาตรฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 30 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์จะไปร่วมงานมุทิตาจิต ที่จัดขึ้นโดยกองทัพบก ซึ่งเป็นงานเลี้ยงสำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการทั้งหมด และเป็นการอำลาตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างเป็นทางการ ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต
คสช.-ครม.นัดหารือแลกข้อมูล
ขณะที่เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ และ พ.อ.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานนายกฯ เข้าสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า และไหว้ศาลพระภูมิ ศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล หน้าตึกบัญชาการ 1 จากนั้น ร.อ.นพ.ยงยุทธให้สัมภาษณ์ว่าภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.แล้ว จะนั่งทำงานที่ทำเนียบฯเป็นหลัก โดยแยกภารกิจในฐานะนายกฯและ คสช.ออกจากกันชัดเจน วันที่ 7 ต.ค. จะมีการประชุมร่วม ครม. และ คสช.เป็นโอกาสดีที่จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้คำแนะนำกลุ่มงานทั้ง 5 ด้าน คสช.ถือว่าทำงานคู่ขนาน ไม่ได้ก้าวก่ายรัฐบาล
รบ.ปัดข่าวสั่งเจาะไลน์ ปชช.
ร.อ.นพ.ยงยุทธยังกล่าวถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 30 ก.ย. มีการปล่อยข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า “แจ้งมาเพื่อทราบ ตั้งแต่ 1 ต.ค.57 ใช้ไลน์มั่วไม่ได้แล้ว เนื่องจากทางการไทยขอเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เนื่องจากมีบุคคลละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ผลิตไลน์ในญี่ปุ่นเห็นว่า เป็นการหมิ่นประมาทด้วยเช่นกัน จึงอนุญาตให้รัฐบาลไทยและ คสช.เข้าถึงข้อมูลในไลน์ได้ ทีมงานไอซีทีของ คสช.ตั้งทีมงานตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้” ว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายเรื่องนี้ ไม่ละเมิดสิทธิประชาชน และเชื่อว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว
ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวว่า รัฐบาลหรือ คสช.ไม่มีนโยบายเจาะข้อมูลไลน์ของประชาชน ไม่ทำอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำงานของรัฐบาล เท่ากับละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ไม่ทราบที่มาและไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ การรับข้อมูลข่าวสารต้องระมัดระวัง
นายกฯวางคิวเดินสายโกอินเตอร์
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.จะเดินทางเยือนเมียนมาร์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. เพื่อหารือเรื่องขยายความร่วมมือและพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และจุดผ่านแดนถาวรเพิ่มเติม ปัญหาแรงงานต่างด้าว โครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งตอบรับเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่ 10 วันที่ 16-17 ต.ค. ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพื่อหารือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนระหว่างเอเชียและยุโรป และจะไปร่วมประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่สาธารณรัฐ ประชาชนจีน เดือน พ.ย. ส่วนผลการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยพิเศษ สมัยที่ 69 ของ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศได้รับการตอบรับที่ดีจากต่างชาติ โดยเฉพาะนายจอห์น แคร์รี รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ มีท่าทีที่ดี และรับทราบสถานการณ์ของไทย แต่ขอให้ไทยทำตามโรดแม็ปที่พูดไว้ และการเลือกบุคคลเข้ามาเป็น สนช. ต้องโปร่งใส ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วม
จ้อคืนความสุขฯเวลาเดิม
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงการจัดรายการคืนความสุขให้กับคนในชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ว่าวันที่ 2 ต.ค. นายกฯจะใช้ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 1 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล บันทึกเทปรายการเป็นครั้งแรกแทน บก.ทบ.หลังพ้นตำแหน่ง ผบ.ทบ. เบื้องต้นยังคงใช้ชื่อรายการเหมือนเดิม ออกอากาศวัน เวลาเดิม คือทุกวันศุกร์ เวลา 20.15 น. แต่เปลี่ยนจากผลิตโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เป็นผู้ผลิต มาเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ (เอ็นบีที) ผลิตรายการแทน
ศาล ปค.รับคำร้องชะลอ สปช.ยโสธร
วันเดียวกัน นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ อดีต ส.ว.ยโสธร และผู้เข้ารับการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จ.ยโสธร กล่าวว่า ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 29 ก.ย. เพื่อขอให้มีคำสั่งชะลอการนำรายชื่อ สปช.ยโสธรขึ้นทูลเกล้าฯ เนื่องจากเห็นว่าคณะกรรมการสรรหาสปช.ยโสธร ทำเกินหน้าที่ ไม่ทำตามพระราชกฤษฎีกาการสรรหา สปช. พร้อมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเรื่องนี้ทันที เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยศาลปกครองอุบลราชธานีมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา แต่ยกคำร้องการไต่สวนฉุกเฉิน เพราะเห็นว่ายังไม่มีเหตุจำเป็น หลังจากนี้คงต้องรอคำสั่งศาลปกครองจะออกมาว่าอย่างไร ศาลฯไม่ได้บอกว่าจะนัดไต่สวนเมื่อใด แต่เชื่อว่าทำโดยเร็ว ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่ท้วงติงให้เป็นกรณีศึกษาถึงเสียงคัดค้านในสังคม ไม่ใช่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ ส่วนรายชื่อ สปช.ทั้ง 11 ด้าน เป็นไปตามที่คาดไว้ ไม่ค่อยมีตัวแทนจากนักการเมืองและภาคประชาชนเข้าร่วมมากนัก คิดว่าคงจะปฏิรูปไม่สำเร็จตามที่หวังไว้ คงจะปฏิรูปได้แค่ 2-3 ปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นจะไม่ยอมรับในรัฐธรรมนูญที่แก้ไข หวังว่าขอให้แก้ไขให้ดีกว่ารัฐธรรมนูญปี 50 และสนองตอบความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด
“อภิสิทธิ์” ค้านเปลี่ยนระบบ ลต.