กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจงผลการจับกุมแกนนำโจรใต้ 3 รายระดับผู้สั่งการ เป็นไปตามขั้นตอนของ ก.ม. ในการปฏิบัติการเชิงรุก จำกัดเสรีการปฏิบัติ รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากพี่น้อง ปชช. ..
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ส.ค. พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กรณีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เข้าติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรง ตามหมายจับในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 14 ส.ค. สามารถจับกุมแกนนำผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ จำนวน 3 คน พร้อมยึดอาวุธปืน วัตถุระเบิด และอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดหลายรายการ ผู้ที่ถูกจับกุมมี นายอาสมาล เจะบา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 1 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นแกนนำระดับปฏิบัติการมีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 7 หมาย เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิด และลอบยิงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเหตุการณ์
คนที่ 2 คือ นายอาฟันดี กาพา อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 100 บ้านมะนังดาลำ หมู่ 1 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นมือประกอบระเบิดชำนาญการ มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 2 หมาย เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิด และลอบยิงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายเหตุการณ์ และนายสุกรี สาแม บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 6 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นแกนนำระดับสั่งการ เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนหลายเหตุการณ์
ส่วนอาวุธปืนที่ยึดได้มีปืนเล็กยาว HK – 33 จำนวน 1 กระบอก, ปืนพก ขนาด 9 มิลลิเมตรจำนวน 2 กระบอก, ปืนพก ขนาด .38 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก, ปืนเล็กยาว .22 มิลลิเมตร จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนและอุปกรณ์อื่นๆ จำนวนหลายรายการ นอกจากนั้น ตรวจยึดอุปกรณ์ในการประกอบ วัตถุระเบิดจำนวนมาก เช่น ถังแก๊สขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม จำนวน 1 ถัง, ขนาด 5 กิโลกรัม 1 ถัง และอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดอีกหลายรายการ รวมทั้งรถจักรยานยนต์ พร้อมป้ายทะเบียนปลอม จำนวน 2 คัน
...
จากกรณีดังกล่าว เป็นผลจากการปฏิบัติการตามนโยบายและสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ./หัวหน้า คสช. ที่ได้เน้นย้ำให้หน่วยปฏิบัติการเชิงรุกและจำกัดเสรี ในการปฏิบัติ และติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่เบื่อหน่ายความรุนแรงและพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ช่วยกันแจ้งเบาะแส นำไปสู่การจับกุม ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนได้แสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มดังกล่าวได้
ผู้ก่อเหตุรุนแรงกลุ่มดังกล่าว เป็นบุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา และหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำนวนหลายหมาย เนื่องจากมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ทั้งการลอบยิง และลอบวางระเบิด จำนวนหลายเหตุการณ์ ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐ และพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ละเมิดต่อหลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงมาอย่างต่อเนื่อง
การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกระบวนการทางกฎหมาย จึงไม่เกิดความสูญเสียขึ้น โดยทุกคนจะได้รับการปฏิบัติในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ซึ่งเป็นวิธีที่เจ้าหน้าที่ทุกคนยึดถือและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบสารพันธุกรรม (DNA) รวมทั้งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายความเชื่อมโยงต่อไป สำหรับอาวุธปืนที่ยึดได้ทั้ง 5 กระบอก เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบแหล่งที่มา และความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่กระทำความผิด และผู้เห็นต่างมาร่วมกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการยุติการใช้ความรุนแรง และเข้ารายงานตัวแสดงตนตามโครงการพาคนกลับบ้าน โดยเจ้าหน้าที่พร้อมที่จะให้ความสะดวกในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ สามารถแจ้งความประสงค์กับผู้นำท้องที่, ผู้นำท้องถิ่น, ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ หรือหน่วยเฉพาะกิจประจำพื้นที่ได้ตลอดเวลา.