เจ้าอาวาสที่ร้อยเอ็ด ร่วมกับกรรมการวัดและชาวบ้าน บอกขายต้น"พะยูง"ในวัด เพื่อหาเงินมาสร้างโบสถ์ให้เสร็จ  ปรากฏว่าขณะที่นายทุนส่งคนมาตัด ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับ สุดท้ายถูกดำเนินคดี2ข้อหา ตัดไม้หวงห้ามในที่สาธารณะและฉ้อโกง 

เมื่อเวลา 13.30น.วันที่1ส.ค.57 ภายหลังจาก พล.ต.นคร สุขประเสริฐ ผบ.กกล.รส.ร้อยเอ็ด ได้รับโทรศัพท์จาก คสช.ที่กรุงเทพฯว่า ก่อนหน้านี้ได้มี นางสุรดา แสนภัคดี อายุ 52 ปี บ้านอยู่ซอยอ่อนนุช 70/1 แขวงและเขตประเวศ กทม. เข้าร้องเรียนและกล่าวหา ว่า พระอธิการสุพจน์ สุทธิญาโน อายุ 30 ปี เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างมงคล บ้านโนนสำราญ หมู่ 7 ต.ลิ้นฟ้า อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด พร้อมคณะกรรมการรวม 7 คน ฉ้อโกงเงินจำนวน 1.5 ล้านบาท และหลอกลวงให้ซื้อไม้พะยูงของวัด 4 ต้น เป็นเงินจำนวน 4.3 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จึงขอให้ไปสอบสวนข้อเท็จจริง

ดังนั้น พล.ต.นคร สุขประเสริฐ จึงพร้อมด้วย พ.อ.สรชัช สุทธิสนธิ์ รอง ผบ.กกล.รส.ร้อยเอ็ด พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบ.ก.ภ.ร้อยเอ็ด และนายชาญยุทธ นาคมุจลิน ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ร้อยเอ็ดเดินทางไปที่วัดศรีสว่างมงคล ซึ่งมี นายสมบัติ สิทธิสถาพรกุล นายอำเภอจตุรพักตรพิมาน และพ.ต.อ.สมพงษ์ พันชัย ผกก.สภ.จตุรพักตรพิมาน เป็นผู้ประสานงาน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบกับพระอธิการสุพจน์ สุทธิญาญาโน ซึ่งให้การว่า ตนเป็นพระรูปเดียวที่จำพรรษาอยู่ในวัด ก่อนหน้าเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ชาวบ้านเห็นว่าการสร้างโบสถ์และกุฏิยังไม่แล้วเสร็จเพราะขาดเงินอยู่จำนวนกว่า 4 ล้านบาท และเนื่อง จากชาวบ้านเห็นว่าที่ดินของวัดมีน.ส.3 จึงพากันทำประชาคม ให้ขายต้นพะยูงซึ่งมีอยู่ในบริเวณวัดจำนวน 4 ต้น เพื่อจะได้นำเงินมาสร้างโบสถ์และกุฏิให้เสร็จ

พระอธิการสุพจน์ กล่าวว่า ต่อมาเมื่อต้นเดือน มี.ค.57 มีคนกลุ่มหนึ่งอ้างว่าเป็นคนของเสี่ยแดง ต้องการมาซื้อไม้พะยูงของวัดที่จะขาย คณะกรรมการวัดจึงตกลง กระทั่งวันที่ 19 มี.ค.57จึงมีหญิงคนหนึ่งอ้างว่าชื่อ เจ๊นวล พร้อมพวกหลายคนได้มาบอกว่า ตกลงจะซื้อไม้พะยูงต่อจากเสี่ยแดง และนำเงินค่าต้นพะยูงของวัดที่ต้องการขาย เป็นเงินจำนวน 4.3 ล้านบาทมาจ่าย แต่คณะกรรมการวัดบอกว่า การซื้อขายไม่มีการทำสัญญา และเงินที่นำมาซื้อนั้นให้ถือว่าเป็นเงินบริจาคให้มาสร้างโบสถ์และกุฏิ ปรากฏว่าเจ๊นวลยอมรับข้อเสนอของคณะกรรมการวัด

...

เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างมงคล กล่าวต่อว่า หลังจากจ่ายเงินจำนวน 4.3 ล้านบาทแล้วคณะกรรมการวัดจึงนำเงินไปฝากเข้าบัญชีกลางของชาวบ้านที่ธ.ก.ส.สาขา บ้านข่า อ.จตุรพักตรพิมาน จากนั้นวันที่ 20 มี.ค.เจ๊นวลพาคนมาตัดต้นพะยูงทั้ง 4 ต้น แต่ต่อมาวันที่ 21 มี.ค.มีคนแจ้งพ.ต.ท.วีรชีพ ช.ชมเมือง รองหัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอำเภอจตุรพัตรพิมาน และตำรวจสภ.จตุรพักตรพิมานไปจับกุมคนงานตัดต้นพะยูง 2 คน พร้อมอุปกรณ์ตัดไม้จำนวนหนึ่ง

"ต่อมาจึงมีการนำเจ้าพนักงานที่ดินเข้าตรวจสอบที่ดินของวัด ปรากฏว่าต้นพะยูงจำนวน 3 ต้นอยู่ในบริเวณวัด แต่อีก 1 ต้นอยู่นอกบริเวณวัด คือ เป็นที่ดินสาธารณะ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงนำต้นพะยูงซึ่งถูกตัดในที่ดินสาธารณะไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่า รอ.2 (พนมไพร) ต่อจากนั้นจึงมีการจัดเวรยามเฝ้ารักษาต้นพะยูงที่เหลือ 1 ต้นที่ยังไม่ถูกตัด ซึ่งแต่ละคืนจะมีขบวนการตัดไม้เข้ามาป้วนเปี้ยนและบางคืนที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาพูดข่มขู่ว่า หากเอาต้นพะยูงไปไม่ได้ 1 ต้น จะขอเรียกเงินคืนจำนวน 1.5 ล้านบาท ถ้าไม่ได้เงินคืน ไม่รับรองความปลอดภัยเจ้าอาวาสวัด"พระอธิการสุพจน์ กล่าว และเผยต่อว่า เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ที่ทราบว่าตนถูกดำเนินคดีถึง 2 ข้อหา คือ 1.ร่วมกับพวกตัดไม้หวงห้ามในที่สาธารณะโดยผิดกฎหมาย และ2.ร่วมกับคณะกรรมการวัดรวม 7 คน ฉ้อโกงเงินจำนวน 1.5 ล้านบาทและหลอกลวงขายไม้พะยูงให้ นางสุรดา แสนภัคดี

ผู็สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระอธิการสุพจน์ ให้การแล้วได้มีการตรวจบัญชีเงินฝากธนาคารฯปรากฏว่าถูกต้อง ต่อจากนั้น พล.ต.นคร สุขประเสริฐ ผบ.กกล.รส.จว.ร้อยเอ็ด จึงได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าอาวาสวัดศรีสว่างมงคล พร้อมกับคณะกรรมการวัดและชาวบ้าน ได้เข้าใจ และะนำข้อเท็จจริงไปรายงานให้ คสช.ทราบ ส่วนการดำเนินคดีเป็นเรื่องของตำรวจ.