มีชื่อ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก’-เบิร์ธเดย์‘ทักษิณ’จัดเล็ก
“ประยุทธ์” เปลี่ยนใช้ รถกันกระสุนเข้าทำงาน บก.ทบ. ตรวจสกู๊ปภาพ-เสียงผลงาน คสช.รอบ 2 เดือน ก่อนแถลง ลุยสกรีน รายชื่อ สนช.ขั้นตอนสุดท้าย ประกาศได้ไม่เกินสิ้นเดือน ก.ค. คาดนายทหารระดับสูงตบเท้าเป็นสนช.กว่า 100 นาย โควตา ทบ.เยอะสุด “บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก-ดาว์พงษ์” มีชื่อด้วย ขณะที่ “ประยุทธ์” ผบ.ทร.-ผบ.ทอ. เตรียมรับตำแหน่งใน ครม. “ทักษิณ” จัดงานวันเกิด 65 ปีเล็กๆภายในครอบครัว-เครือญาติ ให้ความร่วมมือ คสช. “โอ๊ค” หวังพ่อได้กลับบ้าน วางมือการเมือง “ยิ่งลักษณ์” มอบของขวัญอัลบั้มภาพให้พี่ชาย ทหารบุกรังแดง สั่งห้ามจัดงานเบิร์ธเดย์ “หลวงพ่อพันเทวา” วัดศรีบุญเรือง เชียงใหม่ ทำบุญแก้กรรมให้
ภายหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 หลายฝ่ายจับตามองถึงหน้าตาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 220 คน ว่าจะออกมาเช่นไร โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังเลือกเฟ้นในขั้นตอนสุดท้าย คาดว่าจะมีนายทหารระดับสูงร่วมเป็น สนช.จำนวนมาก
“ประยุทธ์” ใช้รถกันกระสุนแทนเบนซ์
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนินว่า บรรยากาศตลอดทั้งวันค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ และไม่มีประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ มีเพียงการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ มาตรการรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะ หัวหน้า คสช. ได้เดินทางเข้า บก.ทบ. ในช่วงเที่ยงวัน เพื่อติดตามการดำเนินการงานด้านๆ ของ คสช.ตามปกติ
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปลี่ยนมาใช้รถแลนด์ โรเวอร์สีดำกันกระสุน ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งอีกคัน แทนรถเบนซ์สีดำที่เป็นรถประจำตำแหน่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เป็นประจำ โดยแหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า การเปลี่ยนรถครั้งนี้ไม่ได้มีนัยแต่อย่างใด แต่เปลี่ยนเพราะต้องนำรถเบนซ์ไปตรวจเช็กสภาพรถตามวงรอบการใช้งานเท่านั้น และอีก 2-3 วันก็จะกลับมาใช้รถเบนซ์ตามเดิม
เฟ้น สนช.คาดได้ชื่อไม่เกิน ก.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำการตรวจสอบสกู๊ปทั้งภาพและเสียงผลงานของ คสช.ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมาก่อนจะถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบถึงภารกิจของ คสช. นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ตรวจสอบประวัติและสกรีนบุคคลตามรายชื่อที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ในฐานะรับผิดชอบดูแลกระบวนยุติธรรมและกฎหมาย เสนอเข้ามาเพื่อคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 220 คน คาดว่าจะมีประกาศรายชื่อ สนช.ทั้งหมดได้ภายในสัปดาห์หน้าอย่างช้าไม่เกินวันที่ 31 ก.ค.2557
ทหารตบเท้าพรึบกว่า 100 นาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อที่คาดว่าจะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็น สนช.นั้น มีทั้งบุคคลที่เป็นนักวิชาการ กลุ่มเอ็นจีโอ นักธุรกิจจากหลากหลายอาชีพ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และทหาร ในจำนวนนี้ชัดเจนว่าจะมีบรรดานายทหารระดับสูงในราชการเข้ามาเป็น สนช.ไม่ต่ำกว่า 100 นาย ไล่เรียงตั้งแต่ตำแหน่ง
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นายทหารระดับคุมกำลังและผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของแต่ละเหล่าทัพ อาทิ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และรองปลัดกระทรวงกลาโหมอีก 3 คน ในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด และ รอง ผบ.ทหารสูงสุด เสนาธิการทหาร ประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.)
โควตา ทบ.เยอะสุด “อุดมเดช” นำทีม
สำหรับกองทัพบกจะมีจำนวนมากกว่าปกติเพราะถือว่าเป็นหน่วยหลักในการเข้ามาควบคุมสถานการณ์ยึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาจึงต้องเสนอชื่อนายทหารที่เข้ามาปฏิบัติงานร่วมกับ คสช. อาทิ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก และรองเสนาธิการทหารบก, ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายต่างๆ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. รวมถึงนายทหารระดับแม่ทัพกองทัพภาคต่างๆ ทั้ง 4 กองทัพภาคและ รองแม่ทัพภาค นอกจากนี้ยังมีนายทหารระดับคุมกำลังตั้งแต่ระดับ ผู้บัญชาการกองพลทั้ง 20 กองพล, ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ผบ.หน่วยบัญชา-การป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ผบ.ศูนย์บัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (ศปภอ.ทบ.) ผบ.มณฑลทหารบก (มทบ.) ในแต่ละกองทัพภาคต่างๆ อีก 13 หน่วย
“บิ๊กป้อม” มีชื่อเป็น สนช.
กองทัพเรือ อาทิ รอง ผบ.ทร. ผู้ช่วย ผบ.ทร. เสนาธิการทหารเรือ และที่ปรึกษา ผบ.ทร. ผู้บัญชาการกองเรือภาคต่างๆ สำหรับกองทัพอากาศ อาทิ รอง ผบ.ทอ. ผู้ช่วย ผบ.ทอ. เสนาธิการทหารอากาศ และที่ปรึกษา ผบ.ทอ.ตลอดจนผู้บังคับการกองบินต่างๆ นอกจากนี้ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนายตำรวจระดับสูงอีกไม่ต่ำกว่า 10 นาย อาทิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร. รวมถึงที่ปรึกษาหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อีกหลายคนเข้ามาเป็น สนช.ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ซึ่งถือว่าเป็นที่ปรึกษาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ความไว้วางใจมากที่สุด
“ประยุทธ์” ควบหัวหน้า คสช.–นายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผบ.ทร. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก สนช. เนื่องจากอยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ นั่งควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ซึ่งในเบื้องต้นภายหลังประกาศรายชื่อ สนช.แล้วจะมีการเลือกประธาน สนช.ก่อนที่จะเรียกประชุมครั้งแรก เพื่อเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป คาดว่าไม่เกินเดือน ส.ค.2557
พร้อมเต็มที่รับรายงานตัว สนช.
นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา กล่าวถึงการเตรียมรับการรายงานตัวของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า สำนักงานเตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเมื่อไร วุฒิสภาก็พร้อมรับรายงานตัวได้ทันที โดยได้จัดสถานที่ไว้บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา 2 เมื่อสมาชิกมารายงานตัวก็จะให้ทำบัตรประจำตัวสมาชิกชั่วคราว และแจกเอกสารคู่มือให้ เช่น รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ข้อบังคับการประชุม สนช.ปี 2549 สิทธิประโยชน์ รวมถึงให้เตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วมรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรกด้วย ส่วนที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ จะเดินทางมาตรวจความพร้อมรัฐสภาในวันที่ 30 ก.ค.นั้น สำนักงานจะรายงานความคืบหน้าความพร้อมด้านต่างๆ ในการรับ สนช. ให้รับทราบ เบื้องต้นมอบหมายให้หน่วยงานภายในไปรวบรวมรายละเอียดเพื่อเสนอต่อ พล.ต.อ.อดุลย์ และสัปดาห์หน้าจะประชุมเพื่อสรุปอีกครั้งหนึ่ง
“วีรวิท” เชื่ออดีต ส.ว.ได้เป็น สนช.
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวถึง กระแสข่าวจะมีอดีต ส.ว.บางคนเป็น สนช.ว่า ไม่ทราบว่าจะมีใครบ้าง แต่คิดว่ามีแน่นอน เพราะการเป็นสมาชิกรัฐสภามีกฎกติการะหว่างการประชุมมาก ซึ่งต้องใช้เวลาศึกษา หากมีผู้ที่มีประสบการณ์ เช่น อดีต ส.ว. ร่วมด้วยก็จะช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้สมาชิก สนช.คนอื่นได้ แต่คงไม่ใช่เฉพาะ ส.ว.ชุดที่ผ่านมา แต่หมายรวมถึง ส.ว.ชุดอื่นๆด้วย สนช.เมื่อปี 2549 ก็มีอดีต ส.ว.หลายชุดเข้าร่วม ส่วนตัวเชื่อว่า คสช.จะเลือกอดีต ส.ว.ที่ทำงานสภาเก่ง มีบทบาทดีในสภา โดยเลือกมาให้เป็นตัวอย่าง หรือเป็นพี่เลี้ยงให้สมาชิกใหม่ โดยเฉพาะช่วงแรกๆ เพราะถ้าใหม่ทั้งหมด การประชุมอาจติดขัดได้ อย่างไรก็ตาม สนช. มาจากไหนไม่สำคัญเท่ากับทำหน้าที่จริงจัง กลับสู่หลักการใช้เหตุผลมากขึ้น มีมารยาทที่ดีต่อกัน เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับสมาชิกรัฐสภาไทยในอนาคต
ปัด คสช.ให้อำนาจตัวเองล้นฟ้า
นายชาญเชาว์ ไชยานุกิจ รักษาการปลัดกระทรวง ยุติธรรม กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว โดยเฉพาะมาตรา 44 ที่ให้อำนาจกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า คสช.พยายามลดอำนาจตัวเอง ตนทำงานกับ คสช.ก็รู้ว่าพยายามไม่ใช้อำนาจเลย จึงมาเกาะระบบราชการโดยใช้ปลัดกระทรวง แต่คนก็ยังบอกว่า คสช.ใช้อำนาจ เมื่อถามว่า มาตรา 44 เขียนกว้างโดยระบุเพื่อความปรองดอง สมานฉันท์ นายชาญเชาว์ตอบว่า เป็นการวางแนวไว้ให้ ส่วนการตัดสินใจไปดำเนินการกันเอง เมื่อถามว่าถ้ายึดมาตรา 44 แล้วนำไปออกเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้กลุ่มการเมืองได้หรือไม่ นายชาญเชาว์ตอบว่า ต้องไปถาม สนช. ให้คน 200 กว่าคนว่ากันไป แต่กรอบการนิรโทษกรรมเท่าที่เคยปฏิบัติมา คือเรื่องยึดอำนาจเท่านั้น และไม่ย้อนไปถึงเสื้อแดงเสื้อเหลืองที่ฆ่ากัน อันนี้ยืนยันมาตั้งแต่วันแรกที่รัฐประหาร กระบวนการยุติธรรมต้องเดินต่อ ส่วนข้างหน้าเป็นเรื่องสัญญาประชาคม กลไกที่ว่าไว้จะเสนอให้มีการนิรโทษกรรมก็ไปทำกันเอง คสช.ไม่เกี่ยว
ชี้ถ้ากลียุค คสช.ต้องอยู่ยาว
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะทำงานยากหรือไม่ นายชาญเชาว์ตอบว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านทำงานไม่ยาก เพราะทุกคนมีเป้าชัด แต่รัฐประหารมา 2 เดือน ตนเหนื่อย คสช.เหนื่อย เพราะทำงาน 7 วัน แต่ต่อจากนี้จะง่ายเพราะเป้าชัด คือไม่ต้องทำอะไร คลีนแอนด์เคลียร์ ดังนั้น ไม่หนักใจเลย แต่คงต้องเหนื่อยมาก เพราะต้องทำทุกอย่างให้เสร็จภายในระยะเวลา จะจบในช่วงการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งทั่วไป เมื่อถามว่า สังคมมองว่า คสช.อาจอยู่ยาว นายชาญเชาว์ตอบว่า เป็นมุกที่เป็นสีสันที่จะแหย่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และหัวหน้า คสช.เล่น แต่หาก คสช.ต้องอยู่ยาว นั่นหมายความว่า กลียุค ประเทศไม่ได้เดินไปตามนี้ มีความสับสน ยุ่งเหยิง ไม่สงบ มันถึงต้องอยู่ต่อ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ไม่ควรอยู่ต่อ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว ตนทำงานกับ คสช.มา 2 เดือน คิดว่ารู้ใจว่าไม่ได้อยากอยู่นาน คสช.มีแนวการทำงานที่ค่อนข้างเป็นระบบระเบียบ ทุกเรื่องขึ้นสู่ข้างบน แต่คนที่อยู่ข้างๆ คอยเสียบก็มี แต่ทหารมีความชัดเจน ถ้าไม่ใช่นายสั่งคือไม่ใช่ ส่วนกระบวน– การยุติธรรมก็ต้องทำให้เห็นว่าไม่ได้เข้าข้างใคร
ยันไม่กลั่นแกล้งคดีหมิ่นสถาบัน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร.ให้รับผิด ชอบงานด้านความมั่นคง คดีที่เกี่ยวข้องหมิ่นสถาบันฯ คดีการชุมนุมกระทำการใดๆ กระทบต่อความมั่นคงหรือการปกครองของรัฐและคดีที่เกี่ยวกับ อาวุธปืนและวัตถุระเบิด ถือว่าได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับ บัญชาให้ทำงานให้เป็นตามนโยบาย คสช. คดีหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นนโยบายสำคัญที่ให้ความสำคัญ การพิจารณาดำเนินคดีใช้รูปแบบคณะกรรมการเป็นหลัก เชื่อมั่นว่าผ่านขั้นตอนมาตรฐานสากล ไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือใช้ความเห็นส่วนตัวมาตัดสิน เช่นเดียวกับการพิจารณาคดีก่อเหตุรุนแรงต่างๆในช่วงที่ผ่านมา
คสช.เตือน “ผู้จัดการ” ปั้นข่าวเท็จ
เมื่อเวลา 18.15 น. มีประกาศ คสช.ฉบับที่ 108/2557 เรื่อง การตักเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้ามเพื่อให้การรักษาความสงบ และการแก้ปัญหาบ้านเมืองเป็นไปอย่างเรียบร้อย ระบุว่า ตามที่มีประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 และ 103/2557 ห้ามมิให้ผู้ประกอบกิจการด้านสื่อมวลชนทุกชนิดนำเสนอหรือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนอันเป็นเท็จหรือส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ปรากฏว่า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 251 วันที่ 26 ก.ค.-1 ส.ค.ตีพิมพ์ข้อความหลายเรื่อง ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ มีเจตนาไม่สุจริต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช.ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของ คสช.ดังกล่าว ในชั้นนี้เห็นสมควรตักเตือนผู้เขียนบทความ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว หากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.57 เป็นต้นมา และส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายด้วย อนึ่งให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ฝ่าฝืนดังกล่าวเป็นสมาชิกดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพกับบุคคลเหล่านั้น แล้วรายงานผลการดำเนินการให้ คสช.ทราบโดยเร็ว
พท.ห่วง รธน.ไม่เป็นประชาธิปไตย
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เป็นกังวลหลังจากได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวคือ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้น จะเป็นประชาธิปไตยมากน้อยแค่ไหน เพราะผู้เกี่ยวข้องเน้นประเด็นมุ่งจัดการกับนักการเมืองและพรรค การเมืองเป็นหลัก อยากถามว่าปัญหาอยู่ที่นักการเมืองและพรรคการเมืองจริงหรือ เพราะนักการเมืองเหมือนบุคลากรอื่นๆที่มีทั้งคนดีและไม่ดี แต่มีคนดีมากกว่าคนไม่ดีแน่นอน หากย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 มาถึงปัจจุบันเป็นเวลา 82 ปี นักการเมืองมีโอกาสบริหารประเทศครบเทอมเพียง 1 สมัย 4 ปีเท่านั้น ส่วนใหญ่การเมืองไทยบริหารอยู่ภายในระบอบอำนาจนิยม ประชาธิปไตยครึ่งใบ อยู่ในระบอบประชาธิปไตยน้อย ไม่ต่อเนื่อง ล้มลุก คลุกคลาน การเมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจึงหวังจะเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถูกกำหนดโดยไม่มีอคติกับนักการเมือง และโครงสร้างของภาคส่วนต่างๆควรเอื้อประโยชน์ให้ประชาธิปไตยมั่นคงและยั่งยืน