แม่ค้าชาว จ.สุราษฎร์ฯ ไปซื้อแผ่นทองโบราณจากชาวบ้านที่ขุดพบใน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุงมา 5 แผ่น บอกเป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ทองงอกเพิ่มได้เองเป็น 6 แผ่น ทั้งยังเกิดเหตุการณ์ประหลาด ฟ้าร้องฟ้าแลบตลอด รุดนำทองคืนกรมศิลป์ แต่ขอเงินคืนเต็มจำนวน
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ จ.นครศรีธรรมราช ได้มี นางวรรณี ภาราเริก อายุ 42 ปี อาชีพแม่ค้าขายของในตลาดสดเทศบาล อยู่บ้านเลขที่ 74/13 ม.8 ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ได้นำทองคำแผ่น จำนวน 6 แผ่น ขนาดความกว้าง 9 ซม. ยาว 12 ซม. มีอักขระภาษาจีนอยู่บนแผ่นทองคำทั้ง 6 แผ่น น้ำหนักรวม 2.5 บาท มาแจ้งกับกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า มีความประสงค์จะนำทองคำแผ่นทั้ง 6 แผ่น มาคืนให้กับสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช
ทั้่งนี้ นางวรรณี เล่าว่า หลังจากทราบข่าวว่ามีชาวบ้าน ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ขุดเจอทองคำแผ่นจำนวนมากในสวนปาล์ม เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนจึงเดินทางไปติดต่อขอซื้อทองคำแผ่นจากชาวบ้านคนหนึ่งในพื้นที่ที่ขุดเจอแผ่นทองคำจำนวนมาก โดยขอซื้อมา 5 แผ่น ในราคา 5.5 หมื่นบาท แล้วนำกลับมาเก็บไว้ที่บ้านพักใน จ.สุราษฎร์ธานี ปรากฏว่าจู่ๆ ก็เกิดปาฏิหาริย์ เมื่อพบว่า ทองคำแผ่นที่ซื้อมานั้นได้งอกเพิ่มมาอีก 1 แผ่น รวมเป็น 6 แผ่น และขณะที่เก็บทองคำแผ่นไว้ในบ้านก็มีปรากฏการณ์ฟ้าร้องฟ้าแลบเกิดขึ้นที่บ้านตนเกือบทุกวัน ทำให้ตนไม่สบายใจ แต่ก็ยังโชคดีที่กิจการค้าขายของตนเริ่มขายดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
"จนมารู้ข่าวว่า ทางสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ได้ประกาศให้ผู้ที่ครอบครองทองคำแผ่นที่ได้มาจากการขุดในสวนปาล์มที่ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง มาคืนให้กับทางราชการเสีย โดยจะมีการซื้อกลับคืน จึงเห็นว่าทองคำแผ่นที่ซื้อมาครอบครองนั้น เป็นสมบัติโบราณและมีความศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับเกิดความกลัวว่าอาจจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเองได้ จึงเดินทางมายังสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช เพื่อจะนำทองคำแผ่นทั้ง 6 แผ่นมาคืน แต่ทางกรมศิลป์จะต้องจ่ายเงินคืนให้ 5.5หมื่นบาทด้วย ไม่เช่นนั้นก็จะไม่คืนทองคำแผ่นทั้ง 6 แผ่นให้ แต่จะนำไปถวายวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในช่วงที่จะมีการบูรณะซ่อมแซมพระบรมธาตุเจดีย์ในอนาคตต่อไป" นางวรรณีกล่าว
...
ต่อมา นางวรรณี ได้เดินทางไปยังสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เข้าพบนายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่กรมศิลป์ พร้อมนำทองคำแผ่นทั้ง 6 แผ่น ไปแจ้งขอคืนแก่ทางราชการ โดยจะขอเงินคืน 5.5 หมื่นคืนด้วย ซึ่งนายอาณัติและเจ้าหน้าที่ได้รับทองคำแผ่นทั้ง 6 แผ่นคืนไว้ และรับปากว่าจะดำเนินการเบิกเงินให้แก่นางวรรณีในภายหลังต่อไป โดยมีการบันทึกปากคำและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ทำให้นางวรรณีพอใจ เดินทางกลับไป
ทางด้าน นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 กล่าวถึงการขุดค้นทองคำและสิ่งมีค่าอื่นๆ ในแปลงปาล์มน้ำมันของนายวิ ทับแสง ที่ ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ว่า การขุดค้นในทางวิชาการนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการในวันนี้ได้ เนื่องจากยังต้องเตรียมความพร้อมอีกในหลายๆ ด้าน อาทิ แสงสว่างในการดำเนินงานขุดค้น ซึ่งเครื่องปั่นไฟที่ใช้ในขณะนี้มีต้นทุนสูง และแสงสว่างคงไม่เพียงพอต่อการขุดค้นในภาคกลางคืน รวมทั้งการประสานงานรถแบ็กโฮจากหน่วยงานรัฐใน จ.พัทลุง สำหรับห้องสุขา และที่พักของเจ้าหน้าที่นั้น ได้รับความอนุเคราะห์จาก นายนิพันธ์ เมืองสง นายก อบต.เขาชัยสน โดยที่พักจะอยู่ใกล้กับถ้ำน้ำร้อน น้ำเย็น ส่วนทองคำที่ได้รับจากนายวิ ทับแสง เจ้าของที่ดินนั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่นำไปมอบกับกรมศิลปากร และยื่นเรื่องของบประมาณมาดำเนินการขุดทองแล้ว
นายอาณัติ กล่าวอีกว่า แผ่นทองคำที่ได้มานั้น เป็นแผ่นทองที่ทำมาจากก้อนทองที่มีน้ำหนักเท่ากัน โดยไม่มีการตีตราบอกสัญลักษณ์ที่ริมขอบแผ่นทอง ซึ่งแสดงว่าแผ่นทองที่พบทำมาจากช่างทองคนเดียวกัน มีน้ำหนักแผ่นละประมาณ 15 กรัม เพื่อประสงค์นำไปเป็นพุทธบูชาในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นไปได้สูงที่แผ่นทองดังกล่าวจะนำไปติดที่องค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช จึงขอวิงวอนให้ประชาชนที่มีทองคำ และทรัพย์สินมีค่าในแผ่นดินได้มอบกลับให้แก่กรมศิลปากร ซึ่งนอกจากจะได้รับรางวัลตอบแทนที่คุ้มค่าแล้ว ยังเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับประเทศชาติอีกด้วย.