“ศอ.รส.” เรียกร้อง “สุเทพ” ยุติเรียกร้อง “นายกฯ มาตรา 7” เหตุ ไร้ ก.ม. รองรับ ชี้ “อาเซียน” ห่วงสถานการณ์ไทย ประณาม “การ์ดกปปส.” ทำร้ายปชช.

วันที่ 12 พ.ค. ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. จัดการประชุม และเห็นว่ามีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบโดยสรุป ดังนี้

เรื่องที่ 1 ตามที่ ศอ.รส. ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 7 เรื่อง ข้อเรียกร้องต่อกลุ่ม กปปส. รวมถึงกลุ่มการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุน ให้ยุติการกระทำผิดต่อกฎหมายด้วยการคัดเลือกและแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและแจ้งเตือนประชาชนให้แยกตัวออกจากการชุมนุม เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น

ศอ.รส. ขอเรียนย้ำว่า การที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่มแกนนำ ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเรียกร้องไปยังบุคคลสำคัญต่าง ๆ เช่น ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ให้ร่วมกันคัดเลือกและทูลเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 แห่งรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้โดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เนื่องจากเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง

ซึ่งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 10 ก็ได้กำหนดให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี

ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ในขณะนี้จึงยังไม่เกิดสุญญากาศทางการเมืองตามที่ กปปส. ต้องการมาตั้งแต่ต้น และไม่มีข้อกฎหมายและความจำเป็นใดๆ รองรับให้ต้องมีการดำเนินการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 

...

ศอ.รส. จึงเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำ กปปส. ยุติการเรียกร้องที่ไม่มีกฎหมายรองรับ และสร้างความสับสนให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 เป็นแนวทางที่เหมาะสมและสามารถกระทำได้ 

ทั้งๆ ที่ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐธรรมนูญ และยิ่งจะเป็นการสร้างความแตกแยกมากขึ้นในสังคมระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นต่างกัน ซึ่งอาจลุกลามไปถึงการก่อเหตุร้ายจนอาจกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ในที่สุด

นอกจากนี้ ด้วยพฤติการณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำ กปปส. ที่ได้กระทำอุกอาจต่างๆ จนทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น จนขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าถึงจุดวิกฤติมากที่สุดแล้ว

ศอ.รส. จึงจำเป็นจะต้องยกระดับการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดและเข้มข้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดในเวลาอันใกล้นี้ และขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนแยกตัวออกจากกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชน

เรื่องที่ 2 ศอ.รส. ได้รับทราบถึงแถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งมีเนื้อหาว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ติดตามสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และขอสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในไทยด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจา บนพื้นฐานของหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม

นอกจากนี้ในแถลงการณ์ดังกล่างยังระบุว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนเน้นย้ำความสำคัญของกระบวนการประชาธิปไตยในการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย ส่งเสริมความสมานฉันท์ในชาติ และนำความปกติสุขกลับคืนมาสู่ประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย

ในการนี้ ศอ.รส. จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเลือกตั้งซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งของมวลชนกลุ่มต่างๆ ยุติลง และนำมาซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศอันเป็นภารกิจหลักของ ศอ.รส.

เรื่องที่ 3 ศอ.รส. ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องของการ์ด กปปส. โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มการ์ด กปปส. ที่ทำการปิดกั้นการจราจรบนทางยกระดับโทลล์เวย์ได้รุมทำร้ายประชาชนรายหนึ่งขณะที่กำลังเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง จนได้รับบาดเจ็บ

และเมื่อคืนวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุในลักษณะเดียวกัน โดยประชาชนอีกรายถูกกลุ่มการ์ด กปปส. รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณตรงข้ามสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5

ทั้งนี้ ทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวล้วนเป็นการทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์เพียงเพราะบุคคลดังกล่าวต้องการจะสัญจรตามปกติโดยไม่ทราบถึงการปิดกั้นการจราจรของกลุ่ม กปปส.

นอกจากนี้ การปิดการจราจรบนทางยกระดับโทลล์เวย์ ยังทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องเดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง ต้องลงเดินเพื่อไปยังสนามบิน ซึ่งเหตุการณ์นี้ย่อมส่งผลเสียหายต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน

ดังนั้น ศอ.รส. จึงขอประณามการกระทำดังกล่าวของการ์ด กปปส. และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อนึ่ง ตามที่มีข่าวว่า ศอ.รส. ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจขอขมาพระพุทธะอิสระหลังจากวันเกิดเหตุบริเวณด้านหน้า ศอ.รส. นั้น ขอยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการขอขมา แต่เป็นการแสดงความเสียใจที่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และมีการใช้แก๊สน้ำตาในการควบคุมสถานการณ์

โดยการแสดงความเสียใจนั้นก็เป็นวิธีปฏิบัติโดยทั่วไปที่เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติมาโดยตลอดเมื่อมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อันเกิดจากการปฏิบัติการตามหน้าที่

ทั้งนี้ เจ้าพนักงานก็ได้มีการดำเนินคดีกับพระพุทธะอิสระกับพวกในฐานบุกรุกสถานที่ราชการ และข้อหาอื่นๆ อีก รวม 5 ข้อหา โดยไม่ละเว้นในทันที

ซึ่ง ศอ.รส. ขอแสดงความเสียใจ เห็นใจ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและความอดทนอดกลั้นจนถึงที่สุด

ศอ.รส. จึงขอเชิดชูเกียรติศักดิ์และความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายเป็นอย่างยิ่ง

จึงประกาศมาเพื่อทราบทั่วกัน