ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เชิญปลัดทุกกระทรวง เข้าร่วมประชุม เพื่อทำความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ ในสถานการณ์ที่มีการชุมนุมทางการเมือง ณ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย สโมสรตำรวจ
หลังแถลงการณ์กดดัน 'ตู่-เต้น' เฮ-ศาลไม่ถอน เทือกบุกเชิญแขก กปน.
"เฉลิม อยู่บำรุง" เสียงแข็งยันแถลงการณ์ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)ไม่ก้าวก่ายล่วงพระราชอำนาจ ย้ำเป็นเพียงข้อเสนอแนะนำเพื่อป้องกันเกิดเหตุคนไทยฆ่ากันเอง ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญจับมือ ป.ป.ช.สวนกลับ ศอ.รส. กระทำการนอกเหนืออำนาจหน้าที่ พ.ร.บ.มั่นคง เข้าข่ายคุกคามก้าวล่วง การใช้ดุลพินิจของตุลาการศาล รธน. “มาร์ค” ได้โอกาสจี้ “นายกฯปู” แสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้แต่งตั้ง “ปึ้ง” ออกโรงตะเพิดปลัด สธ.ลาออกหลังไม่เข้าร่วมประชุม ศอ.รส. ด้าน “ตู่-เต้น” แกนนำคนเสื้อแดงเฮลั่นศาลอาญายกคำร้องปล่อยตัวชั่วคราว หลังขึ้นเวทีปราศรัยที่เขาใหญ่ “สุเทพ” เดินหน้ารวมพลังประชาชนต่อสู้ครั้งใหญ่
หลังจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)ออกแถลงการณ์แนะ ครม.ขอพระบรมราชวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกินขอบเขตอำนาจซึ่งอาจนำไปสู่สุญญากาศทางการเมืองและเกิดเหตุปะทะของคนไทยด้วยกันเองนั้น ล่าสุด ผอ.ศอ.รส.ได้ออกมาชี้แจงถึงเจตนารมณ์ของแถลงการณ์ดังกล่าวอย่างชัดเจน
“เหลิม” ยืนกราน ศอ.รส.ไม่ก้าวล่วง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.กล่าวถึงกรณี ที่ ศอ.รส.แถลงการณ์แนะนำ ครม.ขอพระบรมราชวินิจฉัย หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกินขอบเขตอำนาจว่า ไม่เป็นการก้าวล่วง เพราะเป็นข้อเสนอแนะ เมื่อเรารู้ว่าอะไรจะเกิดความเสียหาย คนไทยจะฆ่ากันจำเป็นต้องบอกทุกภาคส่วน ถ้าทุกภาคส่วนฟังแล้วไม่สนใจ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ล้มหายตายจากขึ้นมาจะเกิดตราบาปของภาคส่วนนั้นๆ อย่าเข้าใจผิดว่า ศอ.รส.ทำงานให้รัฐบาลอย่างเดียว เราคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน กปปส.วันนี้คือกลุ่มกบฏ มีทั้งหมด 80 คน พวกตนมีอำนาจอยู่แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ตนเป็น รมว.แรงงานและ ผอ.ศอ.รส. มาจากการเลือกตั้ง ซ้ำร้ายยังชนะพรรคประชาธิปัตย์ทุกชุด ไอ้พรรคขี้แพ้ถึงเวลาก็ตีรวน ยังตะบี้ตะบันจะใช้มาตรา 7 แล้วระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ ซึ่งทำไม่ได้ แต่ของตนเป็นเรื่องที่ทำได้ คนเรามีความรู้เหมือนกัน แต่ความชำนาญต่างกัน
...
ชี้แนวทางดีปกป้องคนฆ่ากันตาย
เมื่อถามว่านายกฯ เห็นด้วยกับแนวทาง ศอ.รส. หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า จะบังคับนายกฯได้อย่างไร แต่เราเห็นว่าแนวทางนี้จะดี ถ้านายกฯระบุว่าไม่เห็นด้วยเป็นดุลพินิจของนายกฯ ยืนยันว่าตนทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อบ้านเมืองไม่ได้ทำเพื่อใครคนหนึ่งคนใด ขอให้เชื่อว่าถ้าไม่ยึดแนวทางของ ศอ.รส. จะต้องฆ่ากันแน่ ตนจะสั่งจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมีอำนาจเต็ม แต่รู้ว่าถ้าไปจับจะยิงกัน เพราะนายสุเทพมีการ์ดเป็นพันคน พอยิงกันก็ตาย ตนไม่ได้ตายเพราะไม่ได้เป็น คนไปจับ แต่ถ้านายสุเทพตาย การเมืองมันขาดสีสัน
เผยรอชำระแค้น “สุเทพ”
เมื่อถามว่า แถลงการณ์ ศอ.รส.กดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถ้าดูตามรายชื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้วไม่มีใครกดดันได้ แนวคิด ศอ.รส.ไม่ใช่แนวคิดเผด็จการ ส่วนตัวอยากให้ กกต.จัดการเลือกตั้งใช้เวลา 3-6 เดือนแล้ว ปฏิรูปประเทศ เมื่อทุกฝ่ายพอใจค่อยเลือกตั้งใหม่ถือเป็นวิธีการสากล แต่แนวทางกลุ่ม กปปส.เป็นเผด็จการจึงไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ ซึ่ง กกต.มีอยู่ 5 คน มีคนพูดมากอยู่คนเดียว นายสมชัย ศรีสุทธิ–ยากร ควรจะอยู่เฉยๆ แล้วทำหน้าที่ของตนเอง ถ้าอยากให้คนฆ่ากันก็ตัดสินตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาร้องมา แล้วเมื่อแก่ตัวลงจะมานั่งร้องไห้ว่าได้สร้างตราบาปไว้ อย่างไรก็ตาม ศอ.รส.จะพยายามดูแลไม่ให้คนทะเลาะกัน แต่ห่วงเรื่องอารมณ์ของทั้ง 2 ฝ่ายกลัวจะเอาไม่อยู่ ส่วนการปราศรัยของนายสุเทพ ไม่มีอะไรชอบเลี้ยวมาด่าตน วันหนึ่งจะจิกหัวด่าบ้างซึ่งจะเอาเรื่องจริงมาด่า และนายสุเทพก็จะเดินในสังคมไม่ได้
แขวะปลัด สธ.ขึ้นเวทีด่ารัฐบาล
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เข้าร่วมประชุมกับ ศอ.รส.ว่า ฝากปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่าอย่าทำตัวเป็นนักเลง ถ้าแน่จริงให้เข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส.ขึ้นเวทีด่าโคตรพ่อโคตรแม่รัฐบาลไปเลย แต่อย่าใช้กระทรวงเป็นฐาน เพราะกระทรวงไม่ใช่ของปลัด เป็นสมบัติของชาติ แน่จริงขึ้นเวทีปราศรัยเผื่อจะได้เป็น รมว.สาธารณสุขบ้าง เมื่อนายสุเทพได้เป็นนายกฯ แต่จะต้องรออีก 3 ชาติ และตนจะไม่เรียกร้องให้ นพ.ณรงค์ลาออกจากตำแหน่ง
“ปึ้ง”แนะปลัด สธ.รีบชิงลาออก
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ไม่เข้าร่วมประชุมปลัดกระทรวงเมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า น่าเสียดายซึ่งเขาเป็นคณะกรรมการ ศอ.รส. แต่ไม่เคยมาร่วมประชุมเลย ถือเป็นการขัดคำสั่งโดยตรงและฝ่าฝืนคำสั่ง ศอ.รส. อีกทั้งก่อนหน้านี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขถูกตั้งกรรมการตรวจสอบวินัยรวม 3 เรื่อง ซึ่งเขาต้องรับสิ่งที่ตั้งใจฝ่าฝืนอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นเขาคงต้องตัดสินใจด้วยตัวเองอาจจะลาออกได้ เพราะใกล้เกษียณ หากถูกลงโทษผิดวินัยจะเป็นตราบาป
ปัดก้าวล่วงขอพระราชวินิจฉัย
เมื่อถามว่า กปปส.กล่าวหา ศอ.รส.มีความพยายามก้าวล่วงพระราชอำนาจตามแถลงการณ์ศอ.รส. นายสุรพงษ์กล่าวว่า กปปส.หรือฝ่ายต่างๆไม่เข้าใจการทำหน้าที่ของ ศอ.รส.ที่ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมและพยายามหาทางแก้ไขไม่ให้เกิดการปะทะ เกิดความวุ่นวายและเกิดการสูญเสียชีวิต ดังนั้นแถลงการณ์ทั้ง 7 ข้อต้องการเรียกร้องให้สังคมไทยหันหน้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ต้องการเห็นความแตกแยกต้องการให้ยุติการชุมนุมที่สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ การที่นำเสนอขอพระบรมราชวินิจฉัยกรณีที่เกิดสุญญากาศทางการเมืองเรามีสิทธิเพราะเป็นสิ่งที่คิดกันไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประเทศ แต่นายสุเทพไม่เห็นด้วยเอาความคิดตนเป็นใหญ่อาจคิดว่าตัวเองเป็นประธานาธิบดี ประกาศจัดตั้งรัฏฐาธิปัตย์ วันนี้สังคมต้องคิดให้หนักถ้ามีนายสุเทพเป็นผู้นำทางความคิดประเทศชาติไปไม่ถึงไหน
วอนแกนนำม็อบหยุดปลุกระดม
ด้าน น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงผลประชุม ศอ.รส.ว่า ตามที่ ศอ.รส.ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เรื่องข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยโดยยืนยันว่า เหตุผลที่ ศอ.รส.ต้องออกแถลงการณ์เนื่องจากมีข้อมูลอย่างเพียงพอที่ได้บ่งชี้ว่าจะเกิดความรุนแรงและเหตุร้ายขึ้นในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ ศอ.รส. โดยเฉพาะการระดมมวลชนให้มีการชุมนุมใหญ่ทั้งของ กปปส.-นปช. และกลุ่มอื่นๆในลักษณะท้าทายและแข่งขันกัน ทาง ศอ.รส.มีความห่วงใยต่อกรณีที่แกนนำกปปส.ได้ประกาศว่า จะระดมผู้ชุมนุมและยกระดับเพื่อประกาศชัยชนะได้ภายในเดือน เม.ย. ซึ่งจะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และกลุ่มผู้เห็นด้วยกับรัฐบาล จึงขอเรียกร้องไปยังแกนนำ กปปส. รวมทั้งแกนนำ นปช.และแกนนำกลุ่มอื่นๆให้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
ป.ป.ช.ถล่ม ศอ.รส.ก้าวก่ายหน้าที่
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณี ศอ.รส.แถลงการณ์พาดพิงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการพิจารณาคดีโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า การไต่สวนของ ป.ป.ช.อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรค 2 ว่า “การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ครม.ศาล รวมถึงองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม” หมายถึงไม่กระทำการตามอำเภอใจ ใช้หลักเหตุผล หลักกฎหมายและหลักความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมายเดียวกันโดยเคร่งครัดปราศจากอคติ แม้จะถูกข่มขู่ คุกคาม ก้าวร้าว และมีการกระทำรุนแรงจากบุคคลบางกลุ่ม คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่เคยท้อถอย ละทิ้งต่อการทำหน้าที่ตามหลักนิติธรรม การที่ ศอ.รส.ออกแถลงการณ์ดังกล่าว นับว่าหมิ่นเหม่ที่อาจทำให้เห็นว่ามีการแทรกแซงจากฝ่ายบริหาร อันไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และกดดันให้ ป.ป.ช.วินิจฉัยไปในทางที่ฝ่ายบริหารต้องการ
“มาร์ค” จี้นายกฯต้องรับผิดชอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแถลงการณ์ ศอ.รส.ว่าไม่เหมาะสม หากเห็นว่าการตัดสินเกิดขึ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่สุจริตก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลับแสดงท่าทีเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นสภาพของปัญหาให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะท่าทีของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ที่พูดเชิงข่มขู่ ป.ป.ช.เป็นการสะท้อนอาการของคนที่รู้ว่า ตัวเองกระทำผิดแล้วไม่รู้จะต่อสู้อย่างไร ดังนั้นองค์กรอิสระต้องมีความกล้าหาญหนักแน่น ทำในสิ่งที่ถูกต้องพร้อมที่จะอธิบายเหตุผลที่รองรับคำวินิจฉัย ซึ่งเรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งรักษาการตามกฎหมายความมั่นคงและเป็นผู้แต่งตั้ง ศอ.รส. มีความเห็นอย่างไรกับแถลงการณ์ จะปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นไม่ได้ โดยต้องมีท่าทีชัดว่าตั้งศอ.รส.มาเพื่ออะไร ตนจึงขอให้สลายตัวเพราะ ศอ.รส. ไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลรักษาความมั่นคงแต่อย่างใด
ปชป.ชี้รัฐบาลดิ้นรักษาอำนาจ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ของ ศอ.รส.ว่าเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของรัฐบาลที่ก้าวก่ายอำนาจตุลาการ คิดล้มล้างอำนาจศาลและกระบวนการยุติธรรม สะท้อนให้เห็นถึงวิกฤติเศรษฐกิจการเมืองในปัจจุบัน เพราะฝ่ายบริหารไม่ยอมรับระบบการตรวจสอบ เมื่อถึงภาวะจนตรอกก็คิดสั้น ถึงขนาดคิดกระทำการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทด้วยการเสนอให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเพื่อปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่กระทำภายใต้พระปรมาภิไธย ชี้ให้เห็นถึงการหมดความชอบธรรมของรัฐบาล ทั้งนี้ หากรัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจหรือบิดเบือนกฎหมายได้ ก็จะใช้มวลชนมาสร้างความรุนแรง ในขณะที่ ศอ.รส.กลับออกมา แถลงการณ์กระทำตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์เสียเอง
ปลัด สธ.แจงไม่ร่วมประชุม ศอ.รส.
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส. ระบุว่าตนไม่เข้าร่วมประชุมปลัดกระทรวงเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาให้ตัดสินใจลาออกว่า ตนไม่ทราบแต่ที่ไม่เข้าร่วมประชุมเพราะติดภารกิจเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ได้ไปพบคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อหารือถึงการทำงานที่ต้องเน้นความโปร่งใสเป็นหลักในเมื่อไม่ต้องการคนโกงก็ต้องมาพัฒนาให้ปลอดการทุจริตคอร์รัปชัน ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงานและ ผอ.ศอ.รส.ระบุว่า ตนเลือกข้างผิดนั้น ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยเลือกข้างเพราะอยู่ข้างประชาชนมาตลอด ยืนยันว่าการไม่ไปร่วมประชุมกับ ศอ.รส. เนื่องจากติดราชการมีภารกิจต้องปฏิบัติ และเป็นสิทธิที่จะไม่เข้าร่วมประชุมได้ เชื่อว่าข้าราชการในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ มีวิจารณญาณมากพอที่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
เครือข่าย ขรก.ยึดความเป็นกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายข้าราชการพลเรือน อาทิ สมาคมข้าราชการพลเรือนแห่งประเทศไทย เครือข่ายกลุ่มข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กลุ่มข้าราชการกระทรวงแรงงาน กลุ่มรักกระทรวงพาณิชย์ และเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข นำโดย พญ.อุทุมพร กำภู ณ อยุธยา ประธานชมรมแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่ ศอ.รส.เรียกประชุมปลัดกระทรวงเพื่อซักซ้อมและกำชับการปฏิบัติของปลัดกระทรวงว่า ถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีข้าราชการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เครือข่ายขอยืนยันว่า เราจะยึดความเป็นกลางทางการเมืองไม่แบ่งแยกว่าเป็นฝ่ายใด สามารถทำงานร่วมกับพรรคการเมืองทุกพรรคที่ได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่บริหาร ไม่เข้าข้างพรรค การเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับหลักจริยธรรม ธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของข้าราชการ ยึดมั่นในการกระทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่เกรงกลัวต่ออำนาจ คำข่มขู่ และคำสั่งที่ไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีเกียรติ สมศักดิ์ศรี ของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ศาล รธน.ซัด ศอ.รส.ก้าวล่วงอำนาจ
เวลา 17.00 น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวตอบโต้แถลงการณ์ ศอ.รส.โดยตอนหนึ่งระบุว่า การออกแถลงการณ์หรือการให้ข้อมูลข่าวสารของ ศอ.รส. มีลักษณะเป็นการก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นองค์กรตุลาการ หนึ่งในอำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดย ศอ.รส.มีอำนาจหน้าที่หลักรับผิดชอบในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไข หรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคง ตามพ.ร.บ.รักษาความมั่นคง แต่แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในอนาคต มีลักษณะคุกคาม ก้าวล่วงการใช้ดุลพินิจของตุลาการและศาล มีผลเป็นการทำลายชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือศรัทธาของศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.มั่นคง ทั้งนี้ การพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และในพระมหาปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ดังที่รัฐธรรมนูญมาตรา 197 วรรคหนึ่งบัญญัติไว้ และต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ การปฏิบัติหน้าที่ย่อมได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย หากการดำเนินการของ ศอ.รส.กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“สุเทพ” นำมวลชน กปปส. บุก กปน.