ความหวัง “ทางออก” วิกฤติประเทศหลังสงกรานต์
สงกรานต์คั่นเวลามาดับร้อน
นางสงกรานต์ปี 2557 นามว่า “โคราคะเทวี” ทรงพาหุรัด ทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดาหาร ภักษาหารน้ำมัน หัตถ์ขวาทรงขรรค์ หัตถ์ซ้ายทรงไม้เท้า เสด็จยืน มาเหนือหลังพยัคฆ์ (เสือ) เป็นพาหนะ
นางสงกรานต์ยืนมา ทำนายว่า จะเกิดความเดือดร้อนเจ็บไข้
วันมหาสงกรานต์เป็นวันจันทร์ ทำนายว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ตลอดจนคุณหญิง คุณนายทั้งหลายจะเรืองอำนาจ
วันเนาเป็นวันอังคาร ทำนายว่า ผลหมากรากไม้จะแพง
และวันเถลิงศกเป็นวันพุธ ทำนายว่า บรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิตจะมีความสุขสำราญ
ว่ากันตามตำราโหราศาสตร์ ที่สุดแล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคลจะใช้วิจารณญาณ
แต่ที่แน่ๆวันสงกรานต์กับคนไทยคือประเพณีสืบทอดกันนับร้อยๆปี ถือเป็นเทศกาลปีใหม่ไทยที่ผนึกเอาวันครอบครัวแห่งชาติและวันผู้สูงอายุแห่งชาติ เข้ามาอยู่ด้วยกัน
นั่นก็เพราะหลักปฏิบัติที่นิยมทำกันมาสำหรับลูกหลานไทย
ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด ก็ต้องกลับภูมิลำเนาเพื่อไปรดน้ำดำหัวขอพรพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ป้า น้า อา ตักบาตรทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ
อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในวันรวมญาติ
ก็อย่างที่เห็นภาพเป็นข่าวทุกปี สถานีขนส่งหมอชิต สถานีรถไฟหัวลำโพง รถเมล์ รถไฟ คลาคล่ำไปด้วยประชาชนที่เดินทางกลับต่างจังหวัด ยอมฝ่าการจราจรที่แสนแออัดกลับบ้านเกิด
ไม่ยอมพลาดเทศกาลสำคัญ
ใจจดใจจ่ออยู่กับการสาดน้ำ เล่นสงกรานต์ชุ่มฉ่ำกันทั้งประเทศ
โดยห้วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน รื่นเริงบันเทิงใจของคนไทยทุกภาค ไม่แบ่งฝ่ายแบ่งค่าย
ตามโอกาสที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็มักเปิดบ้านให้บิ๊กทหาร นายตำรวจใหญ่ รวมถึงนักการเมืองได้เข้ารดน้ำอวยพร ทำให้เห็นบรรยากาศของความรักและความสามัคคี
...
ลดอุณหภูมิความขัดแย้งลงชั่วขณะ
แม้แต่ความเคลื่อนไหวทางการเมือง เรื่องของวิกฤติม็อบร้อนๆไม่ว่าจะขั้วของเสื้อแดง นปช. หรือขั้วของม็อบ กปปส.ยังต้องประกาศพักกิจกรรมชั่วคราว
หลบให้วันเวลาแห่งความรื่นเริงบันเทิงใจ
และนี่คือสิ่งที่แฝงอยู่ในเทศกาลแห่งความสุขแบบไทยๆ กับจุดแข็งของประเพณีที่สะท้อนให้เห็น “ความเป็นไทย” ที่ยังคงรักษากันไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
สงกรานต์ไม่มีการแบ่งภาคแบ่งจังหวัด
ซึ่งก็พิสูจน์ได้เลย ไม่ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดขนาดไหน คนไทยจะแตกแยกทางความคิดกันอย่างรุนแรง เห็นต่างทางการเมืองกันอย่างไร
ก็ผ่อนคลายได้ด้วยวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมา
นับว่าโชคดีที่คนไทยยังมีจุดยึดโยงที่เหนียวแน่น
โดยสถานการณ์ที่ช่วยให้การเมืองสงบนิ่งลงชั่วขณะ
ยกยอดไปลุยกันหลังสงกรานต์
ตามโปรแกรมที่จ่อรอลุ้นผลพลิกคว่ำพลิกหงาย ทั้งรายการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังเดินหน้ากระบวนการไต่สวนและตัดสินนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว
เหลือแค่ยื้อสอบเพิ่มพยานกันอีกไม่กี่ปาก
แต่ที่จะตัดหน้าก่อนก็คือรายการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยฟันธงประเด็นนายกฯยิ่งลักษณ์และ ครม.โยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมิชอบ ตามคำตัดสินของศาลปกครอง
โดยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดเดดไลน์ให้นายกฯยิ่งลักษณ์ต้องชี้แจงเคลียร์ข้อหาภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 18 เมษายน
ตามปฏิทินน่าจะรู้ผลไม่เกินสิ้นเดือนเมษายน
และถ้าผิดจริงก็ต้องสะเทือนต่อสถานะนายกฯและ ครม.รักษาการ ตามเงื่อนไขสถานการณ์จะไหลไปสู่จุดสุญญากาศทางการเมือง
แน่นอนมันคือจุดเปลี่ยนสำคัญทางอำนาจ
เดิมพันอยู่ที่การแย่งชิงความเป็นฝ่ายถืออำนาจรัฐ
ดังปรากฏการณ์ที่ทั้งสองขั้วขัดแย้งล็อกเป็นวันดีเดย์ “ดวลมวลชน”
กลุ่มเสื้อแดง นปช.ก็ประกาศนัดรวมพลใหญ่ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพของนายกฯยิ่งลักษณ์จากกรณีการโยกย้ายนายถวิล แสดงตัวเป็นนัยๆต้องการปกป้องนายกฯหญิงไม่ให้เป็นเหยื่อกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน
ในสถานการณ์ตรงกันข้าม ฝ่ายมวลชน กปปส.ก็นัดเรียกพลในวันเดียวกัน เพื่อคุ้มกันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เดินหน้าฟันนายกฯยิ่งลักษณ์และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
2 ม็อบจ่อเผชิญหน้า สถานการณ์เสี่ยงสูงที่มวลชนจะตีกัน
ตามรอยหัวเชื้อที่จ่อชนวน “อุ่นเตา” รอไว้แล้ว
กับการที่ “กำนันเทพ” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ประกาศตัวเป็น “รัฏฐาธิปัตย์”
ประกาศกันชัดๆทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯยิ่งลักษณ์พ้นตำแหน่งจากกรณีโยกย้ายนายถวิล ก็ให้ม็อบ กปปส.ออกมายึดอำนาจประเทศไทย
เมื่อยึดอำนาจอธิปไตยเป็นของมวลมหาประชาชนแล้วตัว “กำนันเทพ” ก็จะประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่มีอำนาจสูงสุด และคำสั่งของคนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ถือเป็นกฎหมาย
ก่อนอื่นเลยจะสั่งยึดทรัพย์ตระกูลชินวัตรทั้งหมด
จากนั้นจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของประชาชน และเอารายชื่อไปกราบบังคมทูล โปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐบาลของประชาชน
โดย “กำนันเทพ” จะเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกฯ
แล้วก็ดำเนินการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และให้สภาประชาชนปฏิรูปประเทศ เมื่อทำเสร็จเมื่อใดก็จะมีการคืนอำนาจให้กับประชาชน
เดินหน้าโค่น “ระบอบทักษิณ” ให้สิ้นซาก
กางพิมพ์เขียวกันโต้งๆขนาดนี้ แม้จะมีการออกตัวในเวลาต่อมา “กำนันเทพ” อ้างว่าการประกาศเป็นรัฏฐาธิปัตย์เป็นแค่เรื่องสมมติ หลังโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายฐานล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
แต่เรื่องของเรื่อง ทุกอย่างมันก็สะท้อนกระบวนคิดที่แฝง ไว้ การเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่เริ่มตั้งแต่การต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต่อมาก็ขวางการเลือกตั้ง มาจนถึงการปฏิรูปประเทศ
เป้าหมายแท้จริงก็คือการชิงอำนาจรัฐมาอยู่ในมือ
“แก้ผ้า” ล่อนจ้อนหมดแล้ว
และไพ่ใบสุดท้ายที่ “กำนันเทพ” หงายเล่น ก็ยิ่งเป็นเงื่อนไข กระตุกปฏิกิริยาตอบโต้อย่างดุดันจาก “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มเสื้อแดง นปช.ที่ประกาศขวางนายสุเทพเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ได้โอกาสปลุกมวลชนออกมาต่อต้านเกมโค่น “ยิ่งลักษณ์” เปิดทางนายกฯมาตรา 7
เบิ้ลกลับด้วยการประกาศปิดเกมอำมาตย์ให้ได้หลังสงกรานต์
ตามเหลี่ยมที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.ก็ยั่วให้ศาลรัฐธรรมนูญรีบประกาศวันวินิจฉัยสถานภาพของนายกฯยิ่งลักษณ์ เพื่อจะนัดกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมใหญ่
กำหนดให้เป็น “ไทยแลนด์โอเพ่นเดย์” วันเปิดประเทศไทย
เป็นวันที่ใครจะทำอะไรก็ทำไป ทหารจะยึดอำนาจก็ยึดไป ใครจะชุมนุมก็ชุมนุมไป
ในอารมณ์พร้อมวัดดวงเกมล้มกระดานกันเลย
ตามสัญญาณจากแดนไกล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บินมาปักหลักอยู่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง พูดผ่านลูกข่ายพรรคเพื่อไทยและแกนนำกลุ่ม นปช.ที่บินไปรดน้ำสงกรานต์
ย้ำต้องสู้กันอีกยาว การใช้องค์กรอิสระล้มรัฐบาลไม่ง่าย
เพราะประชาชนไม่ยอมแน่
“นายใหญ่” กับลูกข่ายก็ตั้งป้อมยื้อยุดฉุดกระชากอำนาจรัฐเอาไว้ในมือแบบสุดกำลัง
ตามรูปการณ์ต่างฝ่ายต่างตั้งป้อมพร้อมตะลุมบอน
อย่างไรก็ตามโดยฉากหน้าก็ว่ากันไปตามเหลี่ยมประคองกระแสมวลชน เร้าอารมณ์แนวร่วม ภายใต้เงื่อนไขที่ต่างฝ่ายต่างต้องเดินยุทธศาสตร์รักษาอำนาจการต่อรองไว้ให้ฝ่ายตัวเองมากที่สุด
แต่ฉากหลังว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง
ที่แน่ๆมีการตั้งข้อสังเกตจากทีมงานสื่อบางส่วนที่บินไป พูดคุยกับอดีตนายกฯทักษิณที่ฮ่องกง รอบนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามหลีกเลี่ยงการให้สัมภาษณ์การเมืองในลักษณะโจ่งแจ้ง
เพราะไม่อยากเพิ่มอุณหภูมิความขัดแย้งที่กำลังร้อนแรง
สอดรับกับกระแสข่าววงในที่ว่ากันว่า “นายใหญ่” กำลังเล่นไพ่สองหน้า
“รบไปเจรจาไป”
มีการต่อสายพูดคุยเพื่อหาทางลงแบบนิ่มๆด้วยกันทั้งสองขั้ว
ตามโอกาสที่เดินมาถึงห้วงท้ายๆ ภายใต้กระบวนการขององค์กรอิสระ ทั้งปมจำนำข้าวของ ป.ป.ช.และประเด็นสถานภาพของนายกฯจากการโยกย้ายนายถวิลที่จ่ออยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ
โดยเงื่อนไขก็ยังมีสิทธิยื้อเวลาออกไปตามขั้นตอนกระบวน การกฎหมาย
และห้วงเวลาที่ลากกันออกไป มันก็ควบคู่ไปกับกระบวนการ เจรจาหลังฉากที่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ตามท้องเรื่องที่หัวขบวนคู่ขัดแย้งต่างรู้อยู่แก่ใจ หากเจรจากันไม่จบ การล็อบบี้ไม่ลงตัว ปล่อยให้สถานการณ์ไหลไปตามแรงที่ปั่นกระแสความเกลียดชังกันมาจนสุดโต่ง
จุดหมายปลายทางสุดท้ายก็คือม็อบชนม็อบ
หนีไม่พ้นฉากนองเลือด ไทยฆ่าไทย
นั่นก็จะนำมาซึ่งสถานะ “จำเลย” ของทั้งสองฝ่าย ฐานทำบ้านเมืองพินาศ
แต่เหนืออื่นใด มันก็ขึ้นอยู่กับมวลชนแนวร่วมทั้งสองฝ่าย
นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยกันเลือกว่า จะให้เจรจาก่อนสูญเสีย หรือจะให้สูญเสียก่อนแล้วค่อยเจรจา
อาศัยช่วงสงกรานต์สาดน้ำดับอารมณ์ร้อนๆมานั่งคิดกัน
ไหนๆก็ขอพรให้ตัวเองแล้ว ก็น่าจะช่วยกันขอพรให้ประเทศบ้าง.
“ทีมการเมือง”