ลืมดับเครื่องยนต์ โชคดีไร้เจ็บ-ตาย ระทึกขวัญหัวรถจักรรถไฟไหลลงเขาแหกโค้งตกรางพังยับ ชิ้นส่วนกระจาย เกลื่อน ก้อนหินกระเด็นโดนกระจกส่องหน้าในบ้าน ชาวบ้านได้รับความเสียหาย เคราะห์ดีไม่มีใครตายเจ็บ พขร.อ้างระบบเบรกมีปัญหา ทำให้บังคับหัวรถจักรไม่ได้ ขณะที่แนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบพนักงานขับรถและช่างเครื่อง จอดหัวรถจักรไว้ที่สถานีซึ่งอยู่บนเนินเขา แล้วพากันเข้าห้องน้ำ โดยติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ทำให้หัวรถจักรไหลลงเขาผ่านทางโค้งหลายโค้งจนแหกโค้งตกราง

หัวรถจักรไหลลงเขาแหกโค้งตกรางพังยับ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 10 เม.ย. ร.ต.อ.สุทัศน์ สายกระสุน พนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รับแจ้งมีอุบัติเหตุหัวรถจักรของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตกรางพังเสียหาย บริเวณเสาโทรเลขที่ 154/15-16 หมู่ 1 บ้านน้ำพุ หลังโรงแรมมวกเหล็กเกรทอินน์ ต.พญาเย็น จึงรายงานให้ พ.ต.อ.พิธาน สืบสังข์ ผกก. นำกำลังเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพกลางดง ที่เกิดเหตุพบรางรถไฟเป็นทางโค้งขวาลงเขาลาดชัน ระหว่างสถานีรถไฟกลางดงกับสถานีรถไฟมวกเหล็ก ก่อนถึงสถานีมวกเหล็กประมาณ 2 กม. พบหัวรถจักรสีส้ม เลขข้างรถ 4209 ยี่ห้อ ALSTHAM พลิกคว่ำตกลงด้านข้างรางจนพังยับ ชิ้นส่วนกระจายเกลื่อน ทั้งลูกล้อ เครื่องจักร หัวเก๋ง โครงหัวรถจักร แยกออกจากกัน ขณะที่พนักงานขับรถ หรือ พขร.และช่างเครื่องหายตัวไปลึกลับ

ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจที่เกิดเหตุ ได้มีนายกิตติศักดิ์ ดีช่วย ผู้ช่วยสารวัตรรถไฟชุมทางแก่งคอยเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมเผยว่า หัวรถจักรดังกล่าวมีนายโชตินัย ปกป้อง เป็นพนักงานขับรถ และนายปรีชารักษ์ โมฬีรัตน์ เป็นช่างเครื่อง กลับจากลากขบวนรถบรรทุกสินค้าขึ้นไปส่งที่สถานีปาก-ช่อง เนื่องจากเส้นทางจากสถานีมาบกระเบา เขต อ.แก่งคอย ผ่านสถานีหินลับ-มวกเหล็ก-กลางดง-ปางอโศกไปจนถึงสถานีปากช่อง เป็นทางขึ้นเขา ต้องมีหัวรถจักรช่วยลากอีก 1 หัว ซึ่งหัวรถจักรขบวนนี้ ก็เช่นเดียวกัน เมื่อถึงสถานีปากช่องก็จะกลับไปยังโรงปูนทีพีไอ เพื่อลากตู้ขบวนบรรทุกปูนไปส่งที่สถานีรถไฟปากช่องอีก ส่วนสาเหตุเกิดจากอะไรนั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

...

ด้านนายวันชัย ศรีพา พนักงานเทคนิคประจำโรงซ่อมชุมทางแก่งคอย กล่าวภายหลังเดินทางมาตรวจสอบว่า จากการพูดคุยกับนายโชตินัย ปกป้อง พขร. และตรวจสอบที่หัวรถจักรพบว่า ระบบเบรกมีปัญหา เมื่อถึงสถานีกลางดง พขร.ได้หยุดรถพร้อมที่จะเคลื่อนขบวนต่อไปยังสถานีมวกเหล็กและโรงปูนทีพีไอ แต่พอขบวนใกล้ถึงที่เกิดเหตุเกิดมีปัญหาระบบเบรก จนทำให้ไม่สามารถบังคับรถให้หยุดได้ ถึงกับแหกโค้งจนหัวรถจักรพังยับดังกล่าว ขณะที่นายโชตินัย ปกป้อง พนักงานขับรถ กล่าวว่า เกิดปัญหากับระบบเบรก เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะเกิดเหตุนายโชตินัย พขร.กับนายปรีชารักษ์ ช่างเครื่องอยู่ที่ใด นายโชตินัยกล่าวว่า อยู่บนหัวรถจักร แต่ผู้สื่อข่าวถามแย้งว่า หัวรถจักรพังยับขนาดนั้นทำไมถึงไม่ได้รับบาดเจ็บ นายโชตินัยตอบว่า ได้กระโดดลงก่อนรถพลิกคว่ำ

นางภคพร ลาภบุญ อายุ 42 ปี ชาวบ้านผู้พบเห็นนาทีระทึกขวัญกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังดูแพะที่เลี้ยงไว้ โดยมีบุตรชาย 2 คน อายุ 7 ขวบ และ 2 ขวบ นั่งกินขนุนอยู่บนแคร่ไม้ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน ตนได้ยินเสียงดังผิดปกติจึงหันไปดูเห็นแต่ฝุ่นกระจายอยู่ใกล้บริเวณบ้าน จึงวิ่งเข้าไปโอบลูกทั้ง 2 คน ไว้โดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นมีแต่ฝุ่นและก้อนหินกระเด็นไปทั่วบริเวณ หลังเสียงและฝุ่นสงบลง พบว่าหัวรถจักรรถไฟแหกโค้งตกรางพังยับ ชิ้นส่วนกระเด็นเกลื่อน เศษก้อนหินกระเด็นไปถูกกระจกส่องหน้าในบ้านแตกได้รับความเสียหาย ส่วนตนและลูกชายทั้ง 2 คน ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นับว่าโชคดีมาก

ขณะที่แหล่งข่าวคนงานซ่อมรางรถไฟไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ความจริงแล้ว ทั้ง พขร.และช่างเครื่องได้หยุดรถที่สถานีกลางดง โดยติดเครื่องยนต์ไว้ และไม่ได้เปิดระบบล็อกล้อ จากนั้นได้ลงไปเข้าห้องน้ำ แต่สถานีกลางดงเป็นจุดที่อยู่บนภูเขา เมื่อหัวรถจักรไม่มี พขร.และช่างเครื่อง แต่เครื่องยนต์ติดอยู่จึงเริ่มไหล ประกอบกับเป็นทางลงเขาลาดชัน หัวรถจักรจึงไหลไปตามรางลงเขา อีกทั้งเป็นทางโค้งหลายโค้ง หัวรถจักรจึงแหกโค้งตกรางพังยับ ซึ่งบริเวณใกล้เคียงกันเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หัวรถจักรแบบเดียวกันก็เคยเบรกแตกจนช่างเครื่องหักพวงมาลัยให้แหกโค้งพลิกค่ำจนตัวเองบาดเจ็บมาแล้ว เพราะเกรงว่าถ้าไม่บังคับให้ตกราง หัวรถจักรจะไหลไปชนกับรถบรรทุกปูนซีเมนต์ที่สถานีมวกเหล็ก และใกล้กับจุดที่หัวรถจักรแหกโค้งในครั้งนี้ เมื่อหลายปีก่อนก็เคยมีขบวนรถบรรทุกหินแหกโค้งชนต้นก้ามปูข้างรางรถไฟจน พขร. ชื่อวิโรจน์ ถูกอัดก๊อบปี้เสียชีวิต จนคนรถไฟเรียกโค้งดังกล่าวว่าโค้งวิโรจน์จนถึงทุกวันนี้

ด้านนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายของหัวรถจักรที่เกิดอุบัติเหตุตกรางว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถของขบวนรถไฟขบวนอื่นๆ โดยหัวรถจักรดังกล่าวเป็นแบบดีเซล ได้กลับจากการไปส่งปูน จากนั้นระบบลมของหัวรถจักรมีปัญหา ขณะวิ่งอยู่บนทางโค้งลาดชัน ด้วยความเร็ว 100 กม.ต่อ ชม. จึงมีการหยุดเครื่องเอาหินขนาดใหญ่รองไม่ให้หัวรถจักรไหล และประสานให้รถอีกขบวนมาต่อพ่วงเพื่อลากกลับ แต่ไม่สามารถทำได้ ซึ่งแรงกระแทกได้ทำให้หัวรถจักรไหลลงมา โชคดีที่พนักงานกระโดดลงได้ทัน จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และตกรางในที่สุด โดยกระเด็นห่างจากตัวรางประมาณ 2 เมตร ทำให้หัวรถจักรเสียหายอย่างหนัก เบื้องต้นจากการตรวจสอบสภาพราง ไม่พบความเสียหาย