ทะลักถนนอักษะ นปช.รบแตกหัก
‘ตู่’ชูธงสู้‘อำมาตย์’รัฏฐาธิปัตย์เทพโวสนองราชโองการแต่งตั้งนายกฯม.7
มวลมหาชนคนเสื้อแดงมาตามนัด ระดมพลคึกคักพรึ่บเต็มถนนอักษะ “ตู่” ไหว้พระใหญ่เอาฤกษ์เอาชัย เผยใกล้ได้เห็นตัวแบ็กอัพ “เทือก” เต็มแก่ ลั่นพอกันที 82 ปีประชาธิปไตยเก๊ พร้อมรบแตกหัก ด้าน “กำนันเทพ” นัดถกแกนนำ กปปส. สั่งรอสัญญาณศาล รธน.ตัดสินสถานภาพ “ยิ่งลักษณ์” คือวันชี้ขาด เคลื่อนพลเข้ากรุงฯทันที รอสถาปนาตัวเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” ประกาศแต่งตั้งนายกฯ ม.7 และ ครม.ด้วยตัวเอง ต่อขั้นบันไดสู่สภาประชาชน พร้อมเปิดประตูให้ ขรก.ทุกกระทรวงกลับเข้าทำงาน แต่ห้ามรับใช้ระบอบทักษิณ ตำรวจ-ทหาร สนธิกำลัง 120 กองร้อย ตรึงเข้มหวั่น 2 ม็อบปะทะ “วรพงษ์” โล่งอกต่างคนต่างอยู่ ด่านมั่นคงจับพกอาวุธได้อีก 10 ราย ชี้ลอบวางบึมรถยก สน.ดุสิต เป็นระเบิดแสวงเครื่อง สร้างสถานการณ์
หลังจากเร้ากระแสกันมาพักใหญ่ ล่าสุดมวลมหาชนคนเสื้อแดงมาตามนัด หลั่งไหลเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ที่ถนนอักษะจนเต็มพรึ่บ ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เรียกประชุมแกนนำจังหวัดทั่วประเทศ รอสัญญาณระดมพลครั้งสุดท้ายหลังศาลรัฐธรรมนูญฟันนายกฯตกเก้าอี้
2 มือมืดลอบวางบึมรถยก บช.น.
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 5 เม.ย. พ.ต.ต.อัคนีรักษ์ อัครพิน พงส.ผนก.สน.ดุสิต รับแจ้งเหตุลอบวางระเบิดรถยกของตำรวจนครบาล ที่จอดอยู่ริมทางเท้าติดกับพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทย ภายในวังปารุสกวัน ติดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ใกล้แยกลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนินนอก แขวงและเขตดุสิต กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพบรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีดำ-ขาว มีสัญลักษณ์ตราโล่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดัดแปลงเป็นรถยก โดยด้านซ้ายทั้งแถบมีร่องรอยความเสียหายจากแรงอัดระเบิดแตกกระจาย แรงระเบิดยังทำให้กระจกชั้นที่ 2 พระตำหนักจิตรลดาที่อยู่ภายในรั้วพิพิธภัณฑ์ตำรวจไทยแตก 5-6 บาน สอบสวนเจ้าหน้าที่ทหารที่รักษาการณ์อยู่ฝั่งกองทัพภาคที่ 1 ให้การว่ามีชายต้องสงสัย 2 คน ขี่ จยย.ทรงผู้หญิงจำรายละเอียดไม่ได้มาจอดใกล้รถ จากนั้นทั้งสองเดินลงไปวนมาแล้วพากันขี่หลบหนีมุ่งหน้าวัดเบญจมบพิตร ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น ตำรวจคาดน่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณชุมนุมของกลุ่ม คปท.
...
อีโอดีชี้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) เผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบกระเดื่องระเบิด คาดว่าน่าจะเป็นระเบิดแสวงเครื่อง คนร้ายน่าจะใช้ดินระเบิดซีโฟร์หนักประมาณครึ่งปอนด์ หรือราว 500 กรัม หุ้มด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ หรือห่อพลาสติก ต่อชนวนหน่วงเวลาระเบิดด้วยฝักแค และใช้วิธีจุดชนวนด้วยไฟแช็ก โดยอนุภาพรัศมีระเบิด 20 เมตร รัศมีทำลายล้างประมาณ 5 เมตร ส่วนกระจกชั้น 2 ตำหนักจิตรลดาแตก 5-6 บาน เป็นเพราะแรงอัดระเบิดสะท้อนตัวรถยก แรงอัดพุ่งเฉียงขึ้นไปทำให้กระจกแตกได้ โดยจะเก็บตัวอย่างเศษวัสดุระเบิดทั้งหมดไปวิเคราะห์และตรวจสอบอย่างละเอียดว่าตรงกับระเบิดเหตุการณ์ใดบ้าง
ด่านมั่นคงจับพกอาวุธอีก 10 ราย
พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ ผบก.สท. ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวสรุปผลการตั้งด่านความมั่นคงคืนวันที่ 4 เม.ย.ว่า จับกุมผู้ต้องหาได้ 10 คน ของกลางเป็นอาวุธปืน 3 กระบอก กระสุน 46 นัด อาวุธมีด 5 เล่ม ยาบ้า 3 เม็ด คนต่างด้าว 1 คน มีเหตุแทรกซ้อนคนร้ายลอบวางระเบิดรถยกของ สน.ดุสิต โดยเจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งหาพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบคดี
จับการ์ด นปช.พกปืน–กระสุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้พกอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมกระสุน 57 นัด และบัตรสื่อมวลชนระบุสังกัดสื่อไทยวอยส์ พร้อมบัตรการ์ด นปช. ที่บริเวณทางแยกจะเข้าพื้นที่พุทธมณฑลกับถนนอักษะ จึงควบคุมตัวไว้สอบสวนต่อไป
รอหมายจับ “อ่าว ไปป์บอมบ์”
พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเหตุระเบิดย่านมีนบุรีว่า ได้ขอออกหมายจับนายอ่าว อิสระส์ หรือบุคคลตามภาพถ่ายแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ รวมทั้งผู้ร่วมขบวนอีก 5 คน ต้องรอให้ศาลนัดไต่สวน และรวบรวมพยานหลักฐานก่อน คาดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ สำหรับการติดตามผู้ก่อเหตุที่เหลือ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานแวดล้อมและพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด 13 ปาก จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดมีผู้ต้องสงสัยอีก 10 คนที่เข้าข่าย จึงต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน และเรียกสอบสวนพยานเพิ่มเติมต่อไป
ปชป.จี้นายกฯลงมาเร่งสางคดี
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีไปป์บอมบ์ชี้ให้เห็นว่าเมื่อคนเสื้อแดงเคลื่อนไหว จะมีกระบวนการก่อเหตุและใช้ระเบิด และยังเป็นระเบิดลักษณะเดียวกันที่วางหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด และศาล เป็นการคุกคามกลางเมืองหลวง จึงเกิดคำถามว่าเป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยและคนในรัฐบาลหรือไม่ และขอให้กำลังใจตำรวจ ทหาร โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เอก เพราะถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขความลับว่า ใครที่ทำร้ายประเทศเมื่อปี 2553 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต้องรับผิดชอบ หากไม่สั่งให้มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อ จะขอกล่าวหาว่ารู้เห็นด้วยหรือไม่
ตรวจรถ “ทอมนกหวีด” พบหัวกระสุน
ส่วนความคืบหน้ากรณี น.ส.พัชนันท์ หลีล้วน สาวทอมที่เคยเป่านกหวีดใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ถูกคนร้าย 2 คนใช้อาวุธปืนยิงใส่แล้วใช้ไม้เบสบอลทุบรถ ขณะจอดอยู่ภายในวัดแคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์นั้น เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ธนวรรธน์ อยู่คง รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบูรณ์ พ.ต.ท.วัชรินทร์ อินทรประไพ พงส.สภ.เขาค้อ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ร่วมตรวจรถปิกอัพโตโยต้าวีโก้ของ น.ส.ดุจเดือน ยาบัวภา แฟนสาว น.ส.พัชนันท์ โดยมีนายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมสังเกตการณ์ด้วย ตำรวจเก็บหัวกระสุนที่ยางรถได้อีก 1 หัว โดยนายยุพราชขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะกระทำอุกอาจในเวลากลางวันต่อหน้าประชาชนนับร้อยในตลาดนัด
โดย น.ส.พัชนันท์กล่าวว่า ที่ผ่านมาถูกตำรวจนอกเครื่องแบบข่มขู่คุกคามมาตลอด จนต้องหลบไปอยู่ที่อื่น กระทั่งผ่านไป 3 เดือนจึงมาประกอบอาชีพตามปกติ ไม่คิดว่าการแสดงออกทางการเมืองเชิงสัญลักษณ์แบบนี้จะทำให้ถูกหมายปองเอาชีวิต ตนเป็นห่วงครอบครัวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เพราะหลังเกิดเหตุมีคนแปลกหน้าไปป้วนเปี้ยนที่บ้านของแม่และญาติ ทำให้ทุกคนหวาดผวารู้สึกไม่ปลอดภัย
“อดุลย์” สั่ง “วรพงษ์” คุมเชิง 2 ม็อบ
ที่ ศปก.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม นปช. และ กปปส. โดย พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช.และ กปปส. พร้อมกำหนดแผนร่วมกับทหารในการตั้งด่านตรวจค้น สายตรวจร่วมในพื้นที่รอบการชุมนุมเพื่อป้องกันการเผชิญหน้า และมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เร่งรัดตามคดีสำคัญในช่วงการชุมนุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ การรักษาความสงบเรียบร้อยต้องถือปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมายหลักสากล
“บิ๊กย้อย” ใช้ 120 กองร้อยคุม 2 ม็อบ
โดย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา กล่าวว่าสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. และ กปปส.ตลอดทั้งวัน ยังเรียบร้อยดี ไม่ได้เคลื่อนออกไปไหน โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจดูแลการชุมนุมทั้งสองกลุ่ม รวม 120 กองร้อย ดูแลกลุ่ม นปช.จำนวน 3,000 นาย โดยตั้งจุดตรวจร่วม 19 จุด มี 1 จุดที่สามารถจับกุมบุคคลที่พกพาอาวุธ กระสุนและเสื้อเกราะได้ ก็ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ปัญหาที่พบคือ การจราจรสำหรับการดูแลการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในช่วงกลางคืน โดยจัดเจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนที่ต้องสัญจรผ่านพื้นที่ชุมนุม รวมถึงการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย ทั้งนี้ ยอดจำนวนผู้ชุมนุมทั้งวันมีรายงานว่าไม่ถึงหลักแสน
“เฉลิม–ธาริต” หายจ้อยไม่เข้าวอร์รูม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันพบว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขานุการ ศอ.รส. และคณะทำงาน ไม่ได้เข้ามาร่วมวอร์รูมแต่อย่างใด มีเพียงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษา ศอ.รส. และ พล.ต.อ.วรพงษ์ ที่เข้ามาเกาะติดสถานการณ์เท่านั้น
“ผู้การแดง” เฮี้ยบสั่งตรวจค้น
เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล.1 รอ. ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังทหาร ลงตรวจพื้นที่การชุมนุมร่วมกับ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. จากนั้น พล.ต.อภิรัชต์กล่าวว่า ตำรวจจัดกำลัง 19 กองร้อย ส่วนทหารจัดกำลังสนับสนุน 3 กองร้อย จากกรมทหารราบที่ 19 จ.กาญจนบุรี ดูแลความปลอดภัย และมีกองหนุนจากกองทัพเรืออีก 4 กองร้อยตั้งจุดบริการประชาชน 2 จุด และจุดตรวจความมั่นคง 6 จุด รวมทั้งชุดเคลื่อนที่เร็วเฉพาะกิจ และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) รวมทั้งจัดรถไฟส่องสว่างสนับสนุนการทำงานโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กำชับให้ทหารเป็นกลางและดูแลความปลอดภัยทุกกลุ่ม โดยศอ.รส.ได้แต่งตั้งทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เพราะที่ชุมนุมอยู่ในเขต จ.นครปฐม อยู่นอกพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง จึงขอความร่วมมือประชาชนช่วยสอดส่องสิ่งผิดปกติบุคคลต้องสงสัยด้วย และขอให้ผู้ชุมนุมรักษาคำพูดชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยเฝ้าระวังว่าจะมีกลุ่มคนต่างด้าวเข้าร่วมชุมนุมหรือไม่
กอ.รมน.ชี้ไร้เงื่อนไขรุนแรง
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้ย้ำให้ดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.และ นปช. ให้เป็นไปตามกรอบของ ศอ.รส. และตามกฎหมาย ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มเกิดเหตุรุนแรง เพราะการชุมนุมมีการจำกัดเวลา สถานที่ ไม่เคลื่อนออกนอกพื้นที่การชุมนุม จึงไม่มีเงื่อนไขใดที่จะเกิดเหตุ แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกองทัพ บก และ กอ.รมน. มีศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การชุมนุมและความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง
“ปึ้ง” สั่ง “บิ๊กย้อย” ส่ง ฮ.ลาดตระเวน
ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กล่าวว่า ได้กำชับ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ว่าหากเป็นไปได้อาจต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรวจสถานการณ์ เพราะใกล้เขตพระราชฐาน หากเกิดเหตุใดขึ้นจะได้ดูแลรักษาความปลอดภัยได้ทันท่วงที เรื่องมวลชนปะทะคงไม่มี แต่ห่วงเรื่องมือที่สามเข้ามาก่อเหตุ โดยนายกฯได้กำชับ ศอ.รส.ให้ดูแลทั้ง 2 ฝ่าย ในมาตรฐานเดียวกัน ไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งนายกฯจะวอร์รูมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จี้ “กำนันสุเทพ” ยุติชุมนุม
นายสุรพงษ์กล่าวต่อว่า ไม่กังวลที่นายสุเทพ จัดประชุมแกนนำ กปปส. เพื่อกดดันนายกฯ เพราะการเรียกร้องไม่อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ไร้รัฐธรรมนูญรองรับ สิ่งที่เรียกร้องจึงเป็นไปไม่ได้ จึงขอให้ทุกคนในประเทศหันหน้าหากันได้แล้ว หมดเวลาการชุมนุมที่จะยืดเยื้อแล้ว ผ่านมา 5 เดือนไม่ประสบความสำเร็จประเทศชาติไม่ได้อะไร ถ้ายุติการชุมนุมเศรษฐกิจจะฟื้นคืนมาและทันทีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศให้มีการเลือกตั้ง จะเป็นอีกแรงที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
โวย “เทือก–ปชป.” จ้องป้ายสีนายกฯ
ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายสุเทพควรกลับบ้านด้วย 5 เหตุผล คือ 1.ชุมนุมไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางกดดันรัฐบาลได้ 2.นายสุเทพรู้จำนวนคนของ กปปส.สู้ นปช.ไม่ได้ 3.นายสุเทพหมดมุก พยายามเดินสายวางบิลตามหน่วยงาน น่าสมเพช 4.นายสุเทพหมดความชอบธรรมเป็นโมฆะบุรุษ 5.นายสุเทพสร้างความเสียหายจากการชุมนุมวันละ 10,000 ล้านบาท ขณะนี้ยอดความเสียหายเกินล้านล้านบาทแล้ว ส่วนกรณีคนร้ายยิงรถ น.ส.พัชรนันท์ หลีล้วน สาวทอมที่เป่านกหวีดไล่นายกฯนั้น พรรคเพื่อไทยขอประณามนายสุเทพและกระบวนการประชาธิปัตย์ ที่จับทุกเรื่องโยนใส่นายกฯ เพราะหากเป่านกหวีดใส่แล้วโดนทำร้าย คงมีคนสมควรโดนมากกว่าทอมอีกเยอะ
“องอาจ” ชี้หลังวันที่ 5 ส่อเมษาฯเดือด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของ กลุ่ม นปช.ว่า การชุมนุมวันที่ 5 เม.ย. จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อใดที่ ป.ป.ช.หรือศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยผลออกมากระทบต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แกนนำนปช.และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะมีส่วนสำคัญในการ ที่จะก่อเหตุใช้ความรุนแรง ที่ปลุกระดมให้มีความ เกลียดชังต่อ ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ สร้างเงื่อนไข ไม่รับคำตัดสิน หลังจากวันที่ 5 เม.ย.คาดว่าจะย่างเข้าสู่เดือนเมษาเดือดมากขึ้น จึงขึ้นอยู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เองว่า หากมีจิตใต้สำนึกของความเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องหาทางระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุปะทะหรือใช้ความรุนแรง เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ก็ยากแก่การกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้
โฆษก ปชป.ปูดแกนนำแดงชักหัวคิว