1 เมษายน วันข้าราชการพลเรือน ผ่านมาแล้วเงียบๆขออัญเชิญ พระบรมราโชวาท ที่พระราชทานแก่ ข้าราชการ ทุกหมู่เหล่าเพื่อเป็นเครื่องกำกับสติในการทำราชการงานแผ่นดินว่า “ข้าราชการไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใด ระดับไหน มีหน้าที่อย่างไร ล้วนแต่มีส่วนสำคัญอยู่ในงานของแผ่นดินทั้งสิ้น ทุกคนจึงต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลังความสามารถ ด้วยอุดมคติ ด้วยความเข้มแข็งเสียสละ และระมัดระวังให้การทุกอย่างในหน้าที่เป็นไปอย่างถูกต้องเที่ยงตรง ด้วยความระลึกรู้ตัวอยู่เสมอว่า การปฏิบัติตัวปฏิบัติงานของตน มีผลเกี่ยวเนื่องถึงสุขทุกข์ของประชาชน ตลอดจนความเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงของประเทศชาติ. วังไกลกังวล วันที่ 25 มีนาคม พุทธศักราช 2557”
พระบรมราโชวาท ดังกล่าวจงจารึกอยู่ในหัวใจของ ข้าราชการ ทุกคนพร้อมกับตระหนักว่า ประชาชน และ ประเทศชาติ เท่านั้นที่เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดมิใช่ ใคร หรือ ระบอบไหน เพราะฉะนั้นหากยังหลงระเริงในลาภยศสรรเสริญหรืออามิสสินจ้างรางวัลที่เขาหยิบยื่นให้ไม่ว่าจะเป็น ปลัดกระ ทรวง เป็น อธิบดี เป็น เลขาธิการ เป็น ผู้อำนวยการ เป็น เอกอัครราชทูต เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็น นายอำเภอ เป็น ทหาร เป็น ตำรวจ หรือเป็นตำแหน่งอื่นใดจะต้องทบทวนตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่แล้วหันมาทำในสิ่งที่ถูกต้องเสียที
ทำไปทำมาจุดจบจุดสลบหรือจุดตายของ รัฐบาล ทำท่าว่าจะม้วยมรณาด้วยเรื่อง ย้ายข้าราชการ ก็กรณี ถวิล เปลี่ยนศรี ที่ถูกย้ายเปลี่ยนตำแหน่งจาก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาไว้ชัดเจนแล้วว่า “ถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ...เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” โดย ผู้ถูกฟ้องคดี รายนี้คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ในฐานะ หัวหน้ารัฐบาล และในฐานะ ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการประจำ
ครั้นเมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับคำร้องที่ สมาชิกวุฒิสภา ได้ยื่นเรื่องให้พิจารณาว่ามีการกระทำผิดรัฐธรรมนูญซึ่ง นายกรัฐมนตรี กับ คณะรัฐมนตรี ทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งทันที อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้นั้น ก็ด้วยหลักฐานที่ปรากฏเป็นที่รับรู้กันอยู่ก็คือการย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี ออกไปเพื่อให้ตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่าง แล้วแต่งตั้ง พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี มาดำรงตำแหน่งแทนเพื่อให้ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าง แล้วแต่งตั้ง พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์มาดำรงตำแหน่งแทน
เรื่องจึงเข้าข่ายมาตรา 268 และเกี่ยวโยงกับมาตรา 266 ของ รัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้โดยสรุปว่า “การบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่งและเลื่อนเงินเดือน รวมทั้งการให้พ้นจากตำแหน่ง ของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ นั้น นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี ต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น ของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
แล้วข้อเท็จจริงที่ปรากฏก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น น้องสาวของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่เคยเป็นสามีของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่เป็นน้องสาวของ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ความสัมพันธ์นี้เป็นที่รับรู้กันทั่วไปอยู่แล้ว จะเข้าข่ายทำ “เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น ของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม” หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของ ศาลรัฐธรรมนูญ นั่นเอง
ว่ากันตรงๆกรณีเหล่านี้ พลโทภราดร พัฒนถาบุตร ไม่เกี่ยวเพราะมาทีหลังและการแสดงออกหลังเหตุการณ์ก็มีสปิริตสูงในลักษณะของ ชายชาติทหาร ที่ยอมรับการโยกย้ายออกจากตำแหน่งเพื่อให้ รัฐบาล แก้ปัญหาโดยไม่ปริปาก ต้องนับถือในความเป็น สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย จริงๆ
...
“ซี.12”