พบสถิติความรุนแรงในรอบปี ชี้กรุงเทพฯ ครองแชมป์คดีข่มขืนมากสุด มีผู้หญิงและเด็กถูกกระทำกว่าจำนวน 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย กว่า 59% เป็นนักเรียนนักศึกษา ซึ่งเหล้ายังเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญ...         

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 57 ในเวทีเสวนา "สถานการณ์ความรุนแรงทางเพศ ปี2556" จัดโดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ ฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยสถานการณ์ความรุนแรงทางเพศปี 2556 จากการรวบรวมสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 จากหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด คมชัดลึก และมติชน พบว่า ข่าวการกระทำความรุนแรงทางเพศ มีทั้งหมด 169 ข่าว ประเภทข่าวที่พบมากที่สุด คือ ข่าวข่มขืน 51.5% รองลงมา ข่าวอนาจาร 17.1% ข่าวพยายามข่มขืน 13.6% ข่าวรุมโทรม 7.1% ข่าวพรากผู้เยาว์ 2.4% นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ คือการค้าประเวณี 3.6% ข่าวชายกระทำต่อเพศชาย 4.7% ในจำนวน 169 ข่าวนี้ มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศทั้งสิ้น 223 ราย เสียชีวิต 29 ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิตจากการถูกข่มขืนมากถึง 22 ราย หรือ 75%

"ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางเพศ 37.7% มาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองลงมา มีปัญหาการควบคุมยับยั้งอารมณ์ทางเพศ 24.5% ต้องการชิงทรัพย์ 20.8% สำหรับช่วงอายุผู้ที่ถูกกระทำ ได้แก่ 11-15 ปี 35.1% รองลงมา 16-20 ปี 22% และ 26–30 ปี 10.1% ที่น่าตกใจ คือผู้ถูกกระทำที่อายุน้อยที่สุดเป็นเด็กหญิงวัยเพียง 1 ขวบ 9 เดือน ส่วนอายุผู้ถูกกระทำที่มากที่สุด คือ 85 ปี ซึ่งถูกกระทำในกรณีข่าวข่มขืน สำหรับผู้กระทำที่อายุน้อยสุด อายุเพียง 10 ปีกระทำในข่าวรุมโทรม และผู้กระทำที่อายุมากที่สุด อายุ 85 ปี กระทำอนาจารเด็ก" นางสาวจรีย์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังพบความสัมพันธ์ของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำคือ 47.5% เป็นคนแปลกหน้ามากที่สุด รองลงมา 41.8% เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกัน 5.6% เป็นคนในครอบครัว/เครือญาติ และ 5.1% เป็นคนที่รู้จักผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก สำหรับอาชีพผู้ถูกกระทำ พบว่าเป็นนักเรียน/นักศึกษามากที่สุด 59.2% รองลงมาเป็นกลุ่มเด็กเล็ก 6.6% พนักงานบริษัท 5.4% ส่วนผู้กระทำมีอาชีพเป็นลูกจ้าง/รับจ้าง 19.2% รองลงมาว่างงาน 14.3% เป็นนักเรียน/นักศึกษา 12.8% ครู/อาจารย์ 8.5% และขับรถตู้/รถแท็กซี่ 7.8% ทั้งนี้ พื้นที่เกิดเหตุมากที่สุดยังเป็นกรุงเทพฯ 26.6%รองลงมา ชลบุรี 11.8 % สมุทรปราการ 8.3% นนทบุรี 5.9% ปทุมธานี 5.3%

ความรุนแรงทางเพศดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำทั้งทางร่างกายจิตใจ 1 ใน 3 มีอาการหวาดผวา ระแวง ซึมเศร้า รองลงมา คือ ผู้กระทำใช้อำนาจบังคับข่มขู่ละเมิดทางเพศ ทำให้ผู้ถูกกระทำขัดขืนต่อสู้จนถูกฆ่าเสียชีวิต หลายรายถูกทำร้ายร่างกายอาการสาหัส และมีที่ไม่กล้าแจ้งความเอาผิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2556 กับ ปี 2554 พบว่า ปี 2556 มีจำนวนข่าวความรุนแรงทางเพศเพิ่มขึ้น (ปี 2554 มีจำนวน 158 ข่าว) โดยประเภทข่าวที่ครองแชมป์อันดับ 1 ยังคงเป็นข่าวข่มขืน

ด้าน นางสาวสุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า จากสถิติการให้บริการของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า การกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก มีแนวโน้มสูงขึ้น ปี 2556 มีจำนวน 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย หรือทุกๆ 15 นาที มีผู้หญิงและเด็กถูกทำร้าย 1 คน ซึ่งผู้ที่กระทำส่วนใหญ่เป็นบุคคลใกล้ชิดที่เด็กไว้วางใจ และจากการให้บริการคำปรึกษาของมูลนิธิฯ พบว่า มีผู้ขอรับบริการ 261 ราย ในจำนวนนี้ประสบปัญหา 385 กรณี โดยจะมีระบบบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและด้านสังคมสงเคราะห์

"ผู้กระทำเป็นคนมีความรู้มีการศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ควบคุมอารมณ์ แม้กฎหมายจะเปลี่ยนไป แต่ผู้กระทำก็ยังใช้อำนาจ เช่น ทำให้ผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะจำยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะผู้กระทำเป็นเจ้าหนี้ หรือกรณีหญิง 17 ปี ถูกเพื่อนในชั้นเรียนข่มขืนถ่ายคลิปข่มขู่ เด็ก 7 ขวบ ข่มขืนเด็ก 7 ขวบ และกรณีหญิงถูกข่มขืนขณะตั้งครรภ์ หรืออดีตแฟนใช้อุบายหลอกข่มขืน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือ กระบวนการส่วนใหญ่ยังปกป้องผู้กระทำ หลายกรณีเอาผิดไม่ได้ คดีล่าช้า การให้ยอมความ ขณะเดียวกันศูนย์ช่วยเหลือสังคม หรือ OSCC ของบางหน่วยงานขาดการจัดระบบรองรับ โดยเฉพาะการช่วยเหลือดำเนินคดีและกระบวนการส่งต่อที่ยังขาดความคล่องตัว แม้มีนโยบายประกาศชัดเจน แต่ยังขาดงบประมาณในการสนับสนุน และมีข้อจำกัด หรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางสถานี อ้างเรื่องเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ ให้รอไว้ก่อน" นางสาวสุเพ็ญศรี กล่าว.

...