กวีพันธ์-ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์
หัตถศาสตร์หรือวิชาดูลายมือ ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก แต่สำหรับศาสตร์แขนงใหม่ การตรวจวิเคราะห์เส้นผิวลายนิ้วมือ หรือ Dermotoglyphics ยังรู้จักในวงแคบมาก ทั้งๆที่มีการค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างลายนิ้วมือกับสมอง และใช้ประโยชน์จากลายนิ้วมือเพื่อพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ การดูลายนิ้วมือยังเป็นศาสตร์ที่แม่นเหลือเชื่อ สามารถไขรหัสชีวิตของเศรษฐียันยาจกได้ตรงเผง เรียกว่าใครรวยใครจน...ใครฉลาดใครไอคิวต่ำ...ใครเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำหรือลิ่วล้อ...ใครมีศีลธรรมหรือไร้ศีลธรรม ก็ต้องถูกตีแผ่เผยให้เห็นธาตุแท้ที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน!!
ย้อนกลับไปถึงที่มาของศาสตร์การวิเคราะห์เส้นผิวลายนิ้วมือ มีการบัญญัติศัพท์คำว่า Dermotoglyphics อย่างเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรก โดย “ศาสตราจารย์แฮโรลด์ คัมมินส์” ผู้นำการวิจัยด้านวิเคราะห์ลายนิ้วมือแห่งสมาคมสัณฐานวิทยาอเมริกัน เมื่อปี 1926 และรวบรวมข้อมูลนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือ “Fingerprint, Palms and Soles” ในปี 1943 บ่งชี้ชัดเจนว่า ความผิดปกติของโครโมโซมจะแสดงออกผ่านลายนิ้วมือระหว่างสัปดาห์ที่ 13 เมื่อตัวอ่อนอยู่ในครรภ์มารดา และลายนิ้วมือนิ้วเท้าจะพัฒนาเป็นรูปร่างสมบูรณ์แบบในสัปดาห์ที่ 24 จากนั้นก็จะคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต โดยจะสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพัฒนาการของสมอง ผลการวิจัยหลายสำนักยังพบความจริงด้วยว่า โรคดาวน์ซินโดรม และโรคพันธุกรรมต่างๆที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม สามารถตรวจพบได้จากการวิเคราะห์ลายนิ้วมือ
สำหรับในเมืองไทยนั้น สถาบันพัฒนาศักยภาพ “my DNA” ประเทศไทย บนชั้น 19 อาคารเลครัชดา ออฟฟิศคอมเพล็กซ์ ย่านถนนรัชดา ภายใต้การนำของ “ดร.นิธินาถ สินธุเดชะ” เพิ่งนำศาสตร์การวิเคราะห์ลายนิ้วมือมาเผยแพร่เป็นครั้งแรก ช่วยค้นหาตัวตนและพัฒนาศักยภาพบุคคลสู่ความเป็นเลิศ
...




...

ทีมข่าวหน้าสตรี